การภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต

กระบวนการภาคยานุวัติเข้าเป็นรัฐสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ของประเทศติมอร์-เลสเต เริ่มต้นขึ้นหลังจากการได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 เมื่อผู้นำประเทศในขณะนั้นระบุว่าได้ "ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์" ที่จะเข้าร่วมเป็นรัฐสมาชิกของอาเซียนในอนาคต[1] พรรคการเมืองทั้งหมดในประเทศติมอร์-เลสเต สนับสนุนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับอาเซียน[2] ประเทศติมอร์-เลสเต ได้ยื่นขอเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2554 รัฐสมาชิกอาเซียนตกลงในหลักการที่จะรับประเทศนี้ในปี พ.ศ. 2565 และผู้นำรัฐสมาชิกทุกคนได้ร่วมกันลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47[3][4][5]
ติมอร์-เลสเตมีอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) น้อยที่สุดในอาเซียน โดยคิดเป็นเพียง 15% ของจีดีพีในประเทศลาวที่มีอัตราจีดีพีน้อยที่สุดในกลุ่มรัฐสมาชิกอาเซียนก่อนหน้านี้[6]
ข้อกำหนดการเข้าร่วม
[แก้]
กฎบัตรอาเซียนกำหนดเกณฑ์การเป็นสมาชิกดังต่อไปนี้[7]
- รัฐจะต้องตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- รัฐจะต้องได้รับการยอมรับจากรัฐสมาชิกอาเซียนทุกแห่ง
- รัฐจะต้องยินยอมผูกพันตามกฎบัตรอาเซียน
- รัฐจะต้องสามารถและเต็มใจที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของสมาชิก เช่น
- การคงไว้ซึ่งสถานทูตในรัฐสมาชิกปัจจุบันทั้งหมดของกลุ่ม
- การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดและการประชุมระดับรัฐมนตรีทุกครั้ง
- การเข้าร่วมสนธิสัญญา คำประกาศ และข้อตกลงทั้งหมดในกลุ่ม
ปัญหาในการเป็นสมาชิกของติมอร์-เลสเต
[แก้]เพื่อการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ประเทศติมอร์-เลสเต จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและพันธกรณีขององค์กรอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการเข้าร่วมในสามเสาหลัก ได้แก่ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม แม้ว่าจะไม่มีข้อกำหนดในการเป็นสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับระดับการพัฒนาของประเทศ แต่บางประเทศเคยคัดค้านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศยังพัฒนาไม่เต็มที่[8][9][10] อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ไทย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ สนับสนุนติมอร์-เลสเตในการต้องการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ แต่มีการแสดงความกังวลอย่างลับ ๆ ว่าอาเซียนมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนและความขัดแย้งภายในกับเมียนมาร์มามากพอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิงคโปร์ ที่สงสัยว่าติมอร์-เลสเต จะสามารถรับมือกับปัญหาหลังการภาคยานุวัติได้หรือไม่ ซึ่งข้อคัดค้านเหล่านี้ได้รับการแก้ไขในที่สุดในปี พ.ศ. 2568[11][12][13]
ติมอร์-เลสเต เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย เผชิญกับความท้าทายมากมาย รวมถึงการรักษาความมั่นคง การพัฒนาเศรษฐกิจ ความพยายามในการปราบปรามการทุจริตในงบประมาณแผ่นดิน และการพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเป็นอย่างมาก เนื่องจากคิดเป็น 80–90% ของรายได้ทั้งหมด[14] นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบสุขภาพและการศึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญ โครงสร้างพื้นฐานของประเทศยังค่อนข้างด้อยพัฒนา[15] และอัตราการรู้หนังสืออยู่ที่ประมาณ 72% ในปี 2022[16] ข้อมูลจากธนาคารโลกในปี พ.ศ. 2555 ติมอร์-เลสเตมีประชากร 1,200,000 คน และมีอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 1.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ[17] ซึ่งคิดเป็นเพียง 15% ของรัฐสมาชิกอาเซียนที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กที่สุดก่อนหน้านี้คือ ประเทศลาว ที่มีจีดีพี 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ[6][18] ดังนั้น การเร่งรัดการเข้าร่วมอาเซียนของติมอร์-เลสเตในขณะนั้น จึงถูกมองว่าเป็นการรีบร้อนเกินไป
ภายในปี พ.ศ. 2558 ติมอร์-เลสเต ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักสามประการ ได้แก่ ประเทศตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการยอมรับจากรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งหมด และเปิดสถานทูตในรัฐสมาชิกอาเซียนทุกแห่ง[19]
แผนงานการเป็นสมาชิกในปี พ.ศ. 2566 ครอบคลุมขั้นตอนต่าง ๆ มากมายที่ติมอร์-เลสเต ต้องปฏิบัติ เช่น ความสามารถในการจัดการประชุมขนาดใหญ่ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่พูดภาษาอังกฤษได้เพียงพอ[20]
ลำดับเหตุการณ์ความสัมพันธ์กับอาเซียน
[แก้]| วันที่ | เหตุการณ์ |
|---|---|
| 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 | ติมอร์-เลสเต แยกตัวออกจากอินโดนีเซีย และได้รับการยอมรับให้เป็นผู้สังเกตการณ์อาเซียน[9] |
| 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 | ติมอร์-เลสเต เข้าร่วมการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) ในระหว่างการประชุมครั้งที่ 12 ที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว[21][22][1] หลังจากการพิจารณาเป็นรายกรณี และความล่าช้าในการให้ประเทศปากีสถานเข้าร่วมการประชุมเออาร์เอฟ เนื่องจากประเทศอินเดียคัดค้าน[23] |
| 13 มกราคม พ.ศ. 2550 | ติมอร์-เลสเต ลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[24][25] |
| 4 มีนาคม พ.ศ. 2554 | ติมอร์-เลสเต สมัครเข้าเป็นรัฐสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการ[4] |
| 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 | อาเซียนจัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับติมอร์-เลสเตขึ้น[26] คณะทำงานชุดนี้จะตรวจสอบคุณสมบัติและความพร้อมของติมอร์-เลสเต ในการเข้าร่วมประชาคมอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน[27] |
| 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 | ติมอร์-เลสเต ส่งคณะผู้แทนจำนวน 20 คน เข้าร่วมการประชุมวิชาการของสำนักเลขาธิการอาเซียน ถือเป็นคณะผู้แทนจากรัฐบาลติมอร์-เลสเต ชุดใหญ่ที่สุดที่เดินทางมาเยือนสำนักเลขาธิการอาเซียน ก่อนที่ติมอร์-เลสเตจะเข้าร่วม ซึ่งนำและประสานงานโดยอธิบดีกรมอาเซียน ในกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือ คณะผู้แทนประกอบด้วยอธิบดีและผู้ประสานงานหลักจากกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การเข้าร่วมอาเซียนในทั้ง 3 เสาหลัก ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับกรอบสถาบันและโครงสร้างองค์กรของอาเซียน หน่วยงานและกระบวนการตัดสินใจ เครื่องมือและข้อตกลงทางกฎหมาย และความร่วมมือทางวิชาการ[28] |
| 3 กันยายน พ.ศ. 2562 | ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (เอพีเอสซี) เริ่มพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติของติมอร์-เลสเต[29] |
| 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 | ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (เอเอสซีซี) เริ่มพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติของติมอร์-เลสเต[30] |
| 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 | ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เริ่มพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติของติมอร์-เลสเต ในระหว่างภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงของเออีซีเป็นเวลา 3 วัน ผู้แทนได้พบปะกับกระทรวง/หน่วยงานรัฐบาลสำคัญของติมอร์-เลสเตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมความตกลงว่าด้วยเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมของติมอร์-เลสเต รวมถึงภาคธุรกิจ[30] |
| 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 | อาเซียนตกลง "ในหลักการ" ที่จะยอมรับติมอร์-เลสเต เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน และมอบสถานะผู้สังเกตการณ์ในการประชุมระดับสูงของอาเซียนทั้งหมดให้[31] |
| 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568 | ติมอร์-เลสเต ยื่นภาคิยานุวัติสารเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียน[32][33] และลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้[34] |
| 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568 | ผู้นำรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งหมดลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต ทำให้ติมอร์-เลสเต ได้รับการยกระดับขึ้นเป็นรัฐสมาชิกอาเซียนลำดับที่ 11 อย่างเป็นทางการ[3] |
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศสมาชิกอาเซียน
[แก้]รัฐผู้สังเกตการณ์อื่น ๆ
[แก้]
ปาปัวนิวกินี (22 กรกฎาคม พ.ศ. 2545)[46]
อ้างอิง
[แก้]- 1 2 "East Timor Needs Five Years to Join ASEAN: PM". Secretary-General of ASEAN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 June 2007. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
{{cite web}}: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์) - ↑ "Political Parties and Groupings of Timor-Leste" (PDF). Australian Labor Party's International Projects Unit. May 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 21 December 2008. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- 1 2 "Forging a New Era: Timor-Leste Admitted into ASEAN". ASEAN. 2025-10-26. สืบค้นเมื่อ 2025-10-26.
- 1 2 McGeown, Kate (4 March 2011). "East Timor applies to join Asean". BBC News. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ Yusry, Muhammad (2025-10-25). "'Welcome to the Asean Family': Timor-Leste takes final step toward full membership with document handover". Malay Mail (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-10-25.
- 1 2 Aung, Nyan Lynn; Mclaughlin, Tim (7 November 2013). "Timor Leste on the ASEAN waiting list". Myanmar Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 March 2021. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ Thuzar, Moe (June 2, 2017). "What does it take to join ASEAN?" (PDF). ISEAS Yusof Ishak Institute (2017). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 22 May 2023. สืบค้นเมื่อ 27 February 2023.
- ↑ Hou Qiang (29 April 2013). "Timor Leste faces uphill to join ASEAN". Xinhua News Agency. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 May 2013. สืบค้นเมื่อ 7 July 2013.
- 1 2 Gnanasagaran, Angaindrankumar (5 January 2018). "Admitting ASEAN's 11th member". The ASEAN Post. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ "ASEAN to pass on letting East Timor join grouping this year: Kyodo sources". Kyodo News. ABS-CBN News. 5 November 2017. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ Palatino, Mong (2011-06-09). "ASEAN Needs Timor-Leste". ASEAN Beat. The Diplomat. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-09. สืบค้นเมื่อ 2023-11-11.
- ↑ "Länderinformationen des Auswärtigen Amtes – Timor-Leste – Außenpolitik: Abschnitt "Beziehungen zu ASEAN"" [Country information of the Federal Foreign Office - Timor-Leste - Foreign policy: Section "Relations with ASEAN"]. Auswärtiges Amt (ภาษาเยอรมัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 November 2011. สืบค้นเมื่อ 2023-11-11.
- ↑ "Singapore boosts support for Timor-Leste as it prepares to join Asean". The Straits Times (ภาษาอังกฤษ). 2025-07-14. ISSN 0585-3923. สืบค้นเมื่อ 2025-10-25.
- ↑ "Timor-Leste Country Report 2022". Bertelsmann Stiftung. 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 May 2022. สืบค้นเมื่อ 2 May 2022.
- ↑ Novak, Parker (19 May 2022). "Timor-Leste: Building towards the next 20 years". Lowy Institute (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-11-06.
- ↑ "World Bank Open Data". World Bank Open Data. สืบค้นเมื่อ 2025-10-25.
- ↑ "The World Bank In Timor-Leste - Overview". World Bank (ภาษาอังกฤษ). 1 December 2022. สืบค้นเมื่อ 2023-11-06.
- ↑ Binh, An (2016-06-03). Liem, Nguyen Thanh (บ.ก.). "Báo điện tử của Bộ Văn Hóa Thể Thao & Du Lịch". Tu Quoc Electronic Newspaper. Ministry of Information and Communications. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-03. สืบค้นเมื่อ 2023-11-05.
- ↑ "Timor Leste is ready to join Asean grouping". Bernama. Daily Express. 11 April 2015. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ Parker Novak (17 May 2023). "Timor-Leste update: Parliamentary elections and a roadmap to ASEAN membership". The Interpreter. สืบค้นเมื่อ 1 June 2023.
- ↑ "Joint Communique of the 38th ASEAN Ministerial Meeting Vientiane, 26 July 2005". asean.org. October 12, 2012. สืบค้นเมื่อ 2023-11-08.
- ↑ "Asian foreign ministers on Friday welcomed tiny Timor-Leste as the 25th member of the region's main security forum". etan.org. 2005-07-30.
- ↑ "E. Timor unhappy to wait one more year to join regional security forum". etan.org. Jakarta. 1 July 2004.
- ↑ "Instrument of Accession to the Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia". asean.org. Cebu, Philippines. 13 January 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-23. สืบค้นเมื่อ 2023-11-08.
- ↑ Brago, Pia Lee (14 January 2007). "France, East Timor sign non-aggression treaties with Asean". The Philippine Star. Associated Press. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ Bandial, Ain (6 July 2019). "Timor Leste says Brunei will support its bid to join ASEAN". The Scoop. สืบค้นเมื่อ 26 August 2019.
- ↑ "Three Pillars of ASEAN Community". asean2023.id (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-11-08.
- ↑ "Timor-Leste Sends Delegation to ASEAN Secretariat Technical Meeting". timor-leste.gov. 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 November 2019. สืบค้นเมื่อ 2023-11-08.
- ↑ "Timor-Leste Looks Forward to Welcoming the ASEAN Fact-Finding Mission « Government of Timor-Leste". timor-leste.gov.tl (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-11-05.
- 1 2 "ASEAN Economic Community fact-finding mission to Timor-Leste shows progress towards ASEAN Accession". asean.org. 25 July 2022. สืบค้นเมื่อ 2023-11-05.
- ↑ "ASEAN agrees in principle to admit East Timor as 11th member". Reuters (ภาษาอังกฤษ). 11 November 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 January 2023. สืบค้นเมื่อ 11 November 2022.
- ↑ "Towards Full ASEAN Membership: Timor-Leste Deposits Instrument of Accession to the ASEAN Charter". ASEAN. 2025-10-25. สืบค้นเมื่อ 2025-10-26.
- ↑ "Timor-Leste joins ASEAN, boosting regional unity and peace". Antara. สืบค้นเมื่อ 25 October 2025.
- ↑ "Timor-Leste Accedes to the SEANWFZ Treaty". ASEAN. 2025-10-25. สืบค้นเมื่อ 2025-10-25.
- ↑ "Day of the Establishment of Diplomatic Relations between Thailand and Timor-Leste 20 May 2002 (the third country after China and Norway) (in Thai)". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 December 2021. สืบค้นเมื่อ 26 December 2021.
- ↑ "Timor Leste and Brunei Darussalam sign Air Services Agreement". Agencia Noticiosa de Timor-Leste. 9 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 March 2023. สืบค้นเมื่อ 21 March 2023.
- ↑ "The History of the Embassy of Malaysia in Dili, Timor-Leste". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 December 2021. สืบค้นเมื่อ 25 December 2021.
- ↑ "The Republic of the Philippines formally established diplomatic relations with the Democratic Republic of Timor-Leste on 20 May 2002. Embassy of Philippines Dili". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 December 2021. สืบค้นเมื่อ 25 December 2021.
- ↑ "The Republic of the Philippines and the Democratic Republic of Timor Leste celebrate 19 years of formal diplomatic relations today, May 20". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2021. สืบค้นเมื่อ 25 December 2021.
- ↑ "Diplomatic & consular list" (PDF). Ministry of Foreign Affairs of Singapore. p. 215. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-08-05. สืบค้นเมื่อ 23 December 2021.
- ↑ "Presidential decree to upgrade the status of the Indonesian office in Dili to the embassy (in Indonesian)". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 December 2021. สืบค้นเมื่อ 26 December 2021.
- ↑ "Tăng cường hợp tác nhiều mặt Việt Nam-Timor Leste (in Vietnamese)". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 December 2021. สืบค้นเมื่อ 25 December 2021.
- ↑ "Press Release". Facebook. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-02-26.
- ↑ "LIST OF STATES WHICH THE LAO PDR HAS ESTABLISHED DIPLOMATIC RELATIONS SINCE 1950" (PDF). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 29 December 2021. สืบค้นเมื่อ 25 December 2021.
- ↑ "Diplomatic relations between Timor-Leste and ..." United Nations Digital Library. สืบค้นเมื่อ 14 June 2023.
- ↑ "PNG and East Timor establish full diplomatic relations". RNZ (ภาษาNew Zealand English). 2002-07-22. สืบค้นเมื่อ 2023-12-20.