ข้ามไปเนื้อหา

การเสียดินแดนของไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การเสียดินแดนของไทย เป็นแนวคิดทางประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทยที่อ้างถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อประเทศไทย (หรือสยาม) ถูกบีบบังคับให้สละดินแดนแก่ต่างชาติ โดยเฉพาะการสูญเสียให้แก่ประเทศมหาอำนาจตะวันตกอันได้แก่ฝรั่งเศสและอังกฤษในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)

แนวคิดดังกล่าวแพร่หลายเป็นครั้งแรกในช่วงพุทธทศวรรษ 2480 โดยเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์ชาตินิยมไทยที่ส่งเสริมโดยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามในสมัยนั้น ความคิดนี้ถูกเผยแพร่ผ่านชุดแผนที่ชื่อ แผนที่ประวัติศาสตร์ไทย และ แผนที่ประวัติอาณาเขตไทย ซึ่งระบุว่าแสดงอาณาเขตของอาณาจักรไทยต่างๆ ในอดีต และดินแดนที่สูญเสียไปในภายหลัง แผนที่เหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในหนังสือ แผนที่ภูมิศาสตร์ของทองใบ แตงน้อย ซึ่งเป็นหนังสือเรียนที่ใช้เป็นมาตรฐานในโรงเรียนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506

แม้ว่านักประวัติศาสตร์ยุคหลังได้โต้แย้งว่าข้อมูลในแผนที่เหล่านี้ไม่สะท้อนความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ แต่แนวคิดเรื่องการเสียดินแดนก็ยังคงเป็นวาทกรรมสำคัญในขบวนการชาตินิยมของไทย และยังถูกนำมาทำซ้ำเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงคดีพิพาทปราสาทพระวิหารกับกัมพูชา

ต้นกำเนิด

[แก้]

แนวคิดเรื่องการเสียดินแดนของไทยเริ่มแพร่หลายเป็นครั้งแรกในช่วงพุทธทศวรรษ 2480 โดยเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์ชาตินิยมไทยต่อต้านตะวันตก ซึ่งส่งเสริมโดยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในสมัยนั้น การสูญเสียดินแดนในอดีตถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อสำคัญใน "วาทกรรมความอัปยศอดสูของชาติ" (ตามที่เรียกโดย เชน สเตรท (Shane Strate) นักประวัติศาสตร์ไทยชาวอเมริกัน) ซึ่งถูกนำมาอ้างเพื่อสนับสนุนรัฐบาลและอุดมการณ์การขยายดินแดนเพื่อก่อตั้งมหาอาณาจักรไทย[1][2]

แนวคิดดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านชุดแผนที่ชื่อ แผนที่ประวัติศาสตร์ไทย และแผนที่อีกแผ่นหนึ่งชื่อ แผนที่ประวัติอาณาเขตไทย โดยแผนที่ประวัติศาสตร์ไทยเป็นชุดแผนที่หกแผ่น แผ่นแรกแสดงการอพยพของคนไท/ไทยจากเทือกเขาอัลไต (ซึ่งเป็นทฤษฎีที่แพร่หลายในขณะนั้น) และแผ่นอื่นๆ แสดงอาณาเขตของอาณาจักรไทยต่างๆ ในอดีต ได้แก่ อาณาจักรน่านเจ้า (ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวเชื่อว่าเป็นไทย) อาณาจักรสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหง อาณาจักรอยุธยาสมัยสมเด็จพระนเรศวร อาณาจักรธนบุรีสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน และอาณาจักรรัตนโกสินทร์สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[3]

ส่วนแผนที่ประวัติอาณาเขตไทยเป็นแผนที่แผ่นเดียว ระบุดินแดนที่ประเทศไทยสูญเสียไปในคราวต่างๆ จนเหลือเป็นอาณาเขตของประเทศไทยในปัจจุบัน แผนที่นี้ถูกทำขึ้นหลายแบบหลายรุ่น โดยต่างก็นับการสูญเสียแตกต่างกันไป แต่ทุกแบบล้วนระบุถึงการสละดินแดนประเทศลาวและกัมพูชาในปัจจุบันแก่ฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2436, 2447 และ 2450 และหัวเมืองมลายูทั้งสี่แก่อังกฤษในปี พ.ศ. 2452[3]

ประวัติการตีพิมพ์

[แก้]
แผนที่ประวัติอาณาเขตต์ไทย พิมพ์โดยกรมแผนที่ทหารเมื่อ พ.ศ. 2483

ชุดแผนที่ประวัติศาสตร์ไทย จัดพิมพ์ครั้งแรกโดยกรมแผนที่ทหารเมื่อประมาณ พ.ศ. 2478-2479[4] ส่วนแผนที่ประวัติอาณาเขตไทยก็พิมพ์ขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2478 เช่นกัน แต่ฉบับที่แพร่หลายเป็นอีกฉบับหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2483 ในช่วงที่อุดมการณ์มหาอาณาจักรไทยที่สนับสนุนโดยรัฐบาลจอมพล ป. กำลังแพร่หลาย และมีกระแสเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส แผนที่นี้ถูกแจกจ่ายไปยังโรงเรียนและหน่วยงานของรัฐเป็นวงกว้าง จนทูตของอังกฤษและฝรั่งเศสออกมาคัดค้าน รัฐบาลจึงได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการพิมพ์แผนที่ดังกล่าว แต่หลังจากนั้นลูกน้องคนสนิทของจอมพล ป. คนหนึ่งก็เข้ามาจัดการแจกจ่ายแผนที่แทน[3]

ขบวนการเรียกร้องดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชนอย่างกว้างขวาง และประเทศไทยภายใต้รัฐบาลจอมพล ป. ก็ได้ส่งทหารเข้าสู้รบในกรณีพิพาทอินโดจีนใน พ.ศ. 2483 เพื่อยึดดินแดนที่เสียไปคืน ประเทศไทยได้ประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยได้ผนวกดินแดนดังกล่าวบางส่วน แต่ก็ต้องสละการอ้างสิทธิ์ไปหลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม แม้บรรยากาศทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไป แต่แผนที่เหล่านี้ก็ยังคงอยู่ได้จากการนำมาเผยแพร่ผ่านสื่อการสอนในโรงเรียน

ใน พ.ศ. 2500 พ.อ.พูนพล อาสนจินดา อดีตเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหารและศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดทำชุดแผนที่ที่คล้ายกัน (ซึ่งรวมทั้งชุดแผนที่ประวัติศาสตร์ไทย และแผนที่ประวัติอาณาเขตไทย) ให้กับสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช โดยใช้ชื่อว่า บันไดประวัติศาสตร์ไทยแต่โบราณ แผนที่ชุดนี้ถูกพิมพ์ขายเป็นแผ่นขนาดประมาณหน้าหนังสือพิมพ์ และถูกนำไปใช้ตามโรงเรียนอย่างแพร่หลาย[5]

ใน พ.ศ. 2506 แผนที่ชุดนี้ถูกทำขึ้นอีกแบบหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือเรียนแผนที่ภูมิศาสตร์ที่วาดโดยนายทองใบ แตงน้อย ครูใหญ่โรงเรียนจากปราจีนบุรี แผนที่ของทองใบถูกจัดพิมพ์โดยไทยวัฒนาพานิชเช่นกัน และเป็นแบบเรียนที่ได้รับความนิยมอย่างมากและถูกใช้อย่างแพร่หลายในโรงเรียนทั่วประเทศมาหลายสิบปี โดยพิมพ์ครั้งที่ 45 ซึ่งเป็นการตีพิมพ์ครั้งล่าสุดไปใน พ.ศ. 2559[6] คนไทยส่วนใหญ่ทุกวันนี้ต่างคุ้นเคยกับแผนที่ชุดนี้จากหนังสือของนายทองใบ[3][7]

หลังจากนั้นแผนที่ชุดนี้ โดยเฉพาะแผนที่ประวัติอาณาเขตไทย ก็ยังถูกทำขึ้นใหม่อีกหลายแบบหลายครั้ง บางฉบับทำขึ้นโดยนักประวัติศาสตร์เพื่อกล่าวถึงประเด็นทางประวัติศาสตร์[3] บางฉบับก็ทำขึ้นโดยองค์กรหรือกลุ่มที่นำมาใช้ในทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีข้อพิพาทด้านดินแดนกับกัมพูชา ใน พ.ศ. 2546 หลังเกิดเหตุโจมตีสถานทูตไทยในการจลาจลในพนมเปญ กรมแผนที่ทหารได้จัดทำแผนที่แสดงการเสียดินแดนของสยามขึ้นมาใหม่ ซึ่งอ้างเหตุการณ์สูญเสียดินแดนถึง 13 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากแผนที่ก่อนๆ หน้าที่มักระบุประมาณ 8 ครั้ง และเมื่อเหตุพิพาทปราสาทพระวิหารปะทุขึ้นอีกใน พ.ศ. 2551 ก็มีวิดีโอที่ไม่ระบุผู้จัดทำถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งนำเสนอแผนที่อีกแบบหนึ่งที่นับการสูญเสียดินแดนถึงสิบสี่ครั้ง[5]

ปัญหา

[แก้]

แผนที่เหล่านี้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ชุดแผนที่ประวัติศาสตร์ไทยต่างระบุขอบเขตดินแดนภายใต้การควบคุมของสยามมากเกินจริง และเลือกเฉพาะช่วงเวลาที่อาณาเขตขยายไปกว้างที่สุดมาแสดง โดยไม่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงเพิ่มลดระหว่างนั้น นอกจากนี้การใช้แผนที่ระบุเขตแดนก็นับว่าผิดยุคสมัย เนื่องจากแนวคิดเรื่องเขตแดนทางภูมิศาสตร์ยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยนั้น และไม่สะท้อนถึงระบบประเทศราชแบบมณฑลของภูมิภาคนี้[4] การแสดงถิ่นกำเนิดของคนไทยตามทฤษฎีเทือกเขาอัลไตสะท้อนให้เห็นว่าชุดแผนที่ประวัติศาสตร์ไทยใช้ข้อมูลอิงจากหนังสือหลักไทยของขุนวิจิตรมาตรา ซึ่งเป็นงานเขียนสมัยนิยมที่กลายมาเป็นงานเขียนประวัติศาสตร์ตามแบบฉบับสมัยต่อมา แนวคิดในหลักไทยนั้นอิงมาจากทฤษฎีที่ว่าน่านเจ้าเป็นรัฐของชาวไท ซึ่งนักประวัติศาสตร์ต่างปฏิเสธไปแล้วตั้งแต่พุทธทศวรรษ 2520 แต่ยังคงถูกทำซ้ำผ่านหนังสือแผนที่ของทองใบ[7]

ในทำนองเดียวกัน แผนที่ประวัติอาณาเขตไทยก็ไม่มีหลักเกณฑ์รองรับว่าใช้อะไรตัดสินให้พื้นที่ใดนับเป็นเขตแดนของสยาม และชวนให้เข้าใจผิดว่าสยามเคยมีรูปร่างทางภูมิศาสตร์ที่ชัดเจนก่อนที่จะสูญเสียดินแดนเหล่านั้นไป ขณะที่ในความเป็นจริงแล้วเขตแดนเหล่านั้นต่างไม่เคยมีการปักปันอย่างชัดเจน[3]

นักประวัติศาสตร์รุ่นหลัง เริ่มจากธงชัย วินิจจะกูลใน พ.ศ. 2537 มองว่าแผนที่เหล่านี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้สนับสนุนมุมมองประวัติศาสตร์ตามคติชาตินิยมไทย โดยธงชัยระบุว่า "แผนที่เหล่านี้มิได้มีไว้สำหรับศึกษาภูมิศาสตร์ในอดีต แต่มีไว้สำหรับสร้างสำนึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีวิตของชาติ"[3] ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กล่าวถึงแผนที่ของทองใบว่าเป็นตัวอย่างของแนวคิดที่ล้าสมัยไปแล้วแต่ยังคงถูกผลิตซ้ำในตำราเรียน เป็นการสร้างอคติให้กลุ่มการเมืองสามารถปลุกกระแสชาตินิยมขึ้นได้อยู่เรื่อยๆ[8]

แนวคิดเรื่องการเสียดินแดนยังคงเป็นหัวข้อสำคัญในวาทกรรมชาตินิยมไทย และยังคงปรากฏให้เห็นโดยเฉพาะในช่วงกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ซึ่งกรณีนั้นเองก็ถูกระบุเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดในแผนที่แบบล่าสุดที่ปรากฏขึ้นหลัง พ.ศ. 2550[5]

เปรียบเทียบการเสียดินแดนที่ระบุในแผนที่ต่างๆ

[แก้]
ภาพจำลองในการอธิบาย
พ.ศ. พื้นที่ เสียให้ เหตุการณ์
ผท.ทหาร 2483[a]
พูนพล 2500[b]
ทองใบ 2506[c]
วัยอาจ 2527[d]
ผท.ทหาร 2546[e]
ประคองชัย 2551[f]
รร.จปร. 2556[g]
2329–2343 เกาะปีนัง อังกฤษ พระยาไทรบุรีเสียให้บริษัทอินเดียตะวันออก โดยอังกฤษอ้างว่าเช่าซื้อ 1 ไม่ 1 1 2[h] 1 1
2336 ชายฝั่งตะนาวศรี พม่า สงครามตีเมืองทวาย และยุทธการที่ทวาย 2 ใช่[i] 2 ไม่ 1[j] 2 2
2353 ราชรัฐห่าเตียน เวียดนาม กบฏพระยาอภัยภูเบศร (แบน) ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ 3 3
2359 [k] แสนหวี เมืองพง เชียงตุง พม่า สงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่หนึ่ง ไม่ ไม่ ไม่ ใช่[l] 3 4[m] 4[i][m]
2369 รัฐเประ (และ เซอลาโงร์) อังกฤษ กบฏหวันหมาดหลี และ สนธิสัญญาเบอร์นี ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ 4 5 5
2393 สิบสองปันนา (ขณะนั้นเป็นอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง) จีน สงครามเชียงตุง ไม่ ไม่ ไม่ ใช่[l] 5 6 6[n]
2410 กัมพูชาตะวันออกเฉียงใต้ ฝรั่งเศส สนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส พ.ศ. 2410 ซึ่งให้การรับรองกัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส แลกกับให้สยามปกครองกัมพูชาตะวันตกเฉียงเหนือ 3 ใช่ 3 2 6 7 7
2431 สิบสองจุไทย ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสเข้าปกครอง และ สงครามปราบฮ่อ 4 ใช่ 4 3 ไม่ 8 8
2435 ฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน (รัฐเมืองพาน รัฐหมอกใหม่ รัฐเชียงตุง และหัวเมืองกะเหรี่ยง) อังกฤษ สนธิสัญญาเชียงใหม่ พ.ศ.2417 และการปักปันเขตแดนของพ่อค้าชาวอังกฤษที่ต้องการไม้สักจากหัวเมืองล้านนา 5 เมืองเงี้ยว และ 13 หัวเมืองกะเหรี่ยง ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ 8[o][m] 9 9
2436 ประเทศลาว ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ฝรั่งเศส วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 วิกฤตการณ์ปากน้ำ และ สนธิสัญญา ร.ศ. 112 5 ใช่ 5 4 7 10 10
2438 รัฐปะหัง อังกฤษ [p] กบฏรัฐปะหัง ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ 9 ไม่ ไม่
2447 ฝั่งขวาแม่น้ำโขง 2 จุด คือ แขวงไชยบุรี และแขวงจำปาศักดิ์ ฝรั่งเศส สนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 122 แลกกับเมืองจันทบุรี ตราด และเมืองด่านซ้าย ซึ่งฝรั่งเศสยึดครองมาตั้งแต่ พ.ศ. 2436 6 ใช่ 6 5 10 11 11
2450 พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ในชื่อมณฑลบูรพา ฝรั่งเศส สนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 125 แลกกับการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตสำหรับคนเอเชียในปกครองฝรั่งเศส 7 ใช่ 7 6 11 12 12
2452 รัฐเกอดะฮ์ (ไทรบุรี) ปะลิส กลันตัน และตรังกานู อังกฤษ สนธิสัญญาอังกฤษ–สยาม พ.ศ. 2452 แลกกับการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตสำหรับคนเอเชียในปกครองอังกฤษ และเงินกู้สำหรับสร้างทางรถไฟสายใต้ 8 ใช่ 8 7 12 13 13
2505 ปราสาทพระวิหาร กัมพูชา การตัดสินคดีปราสาทพระวิหารโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ไม่ 13 14 14
  1. กรมแผนที่ทหาร, แผนที่ประวัติอาณาเขตต์ไทย, ภาพ
  2. พูนพล อาสนจินดา, บันไดประวัติศาสตร์ไทยแต่โบราณ[5]
  3. แผนที่ภูมิศาสตร์ของทองใบ แตงน้อย[3]
  4. David K. Wyatt, Thailand: A Short History[9]
  5. กรมแผนที่ทหาร, แผนที่แสดงการเสียดินแดนของสยาม[5]
  6. วิดีโอออนไลน์ คำร้อง:ร้อยเอก ประคองชัย สันติชัย ตามเพลงแหล่ เสียดินแดน ๑๔ ครั้งยังอาลัย โดย ทวี ไมตรีจิต [10]
  7. โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, แผนที่แสดงการเสียดินแดนของไทย ๑๔ ครั้ง[11]
  8. ระบุปี พ.ศ. 2369
  9. 1 2 ระบุปี พ.ศ. 2368
  10. ระบุปี พ.ศ. 2334 เมื่อหัวเมืองแปรพักตร์
  11. บ้างก็ว่าเสียแผ่นดินในปี พ.ศ. 2368
  12. 1 2 วาดเส้นเขตแดนแต่ไม่ระบุข้อความ
  13. 1 2 3 รวมเชียงตุงและหัวเมืองไทใหญ่
  14. ระบุปี พ.ศ. 2397
  15. ระบุปี พ.ศ. 2437
  16. บ้างก็ว่าเสียรัฐปะหังตอนใต้พร้อมกับรัฐเประ ส่วนรัฐปะหังตอนเหนือเสียพร้อมกับทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย

อ้างอิง

[แก้]
  1. Warren, James A. (2016). "The Lost Territories: Thailand's History of National Humiliation by Shane Strate". Journal of the Siam Society. 104: 323–326.
  2. Ivarsson, Søren (3 February 2018). "The Lost Territories: Thailand's History of National Humiliation | By Shane Strate". Pacific Affairs (UBC Journal) (ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา). 90 (1): 196–198.
  3. 1 2 3 4 5 6 7 8 Thongchai Winichakul (1994). Siam Mapped: A History of the Geo-body of a Nation. Chiang Mai: Silkworm Books. pp. 150–156. ISBN 9789747100563.
  4. 1 2 Sternstein, Larry (1964). "An 'Historical Atlas of Thailand'" (PDF). Journal of the Siam Society. 52 (1): 7–20.
  5. 1 2 3 4 5 เกษตรศิริ, ชาญวิทย์ (2012). "จินตกรรมประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทยกับแผนที่ "เสียดินแดน" จากทศวรรษ 2470 ถึง พ.ศ. 2554". ใน ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (บ.ก.). ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคมในอาเซียน-อุษาคเนย์. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. pp. 333–373. ISBN 9786167202280. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-03. สืบค้นเมื่อ 2023-05-21.
  6. ภูวเดช ธนิชานนท์ (2018). แผนที่ประวัติศาสตร์: การสร้างมโนภาพใหม่ทางประวัติศาสตร์แก่ประชาคมอาเซียน [Historical Maps : Creation of New Historical Conception for ASEAN Community] (PDF). ASEAN on the Path of Community. Ramkhamhaeng University. pp. 333–348.
  7. 1 2 อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ (9 February 2018). "นักสร้างความเป็นไทยในแผนที่ "ทวี (ทองใบ) แตงน้อย"". Museum Siam. สืบค้นเมื่อ 2 April 2023.
  8. พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ (20 January 2011). "สัมภาษณ์ 'ชาญวิทย์ เกษตรศิริ'ปฐมบทความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในแบบเรียนภูมิศาสตร์ชั้นมัธยม". Isranews Agency. สืบค้นเมื่อ 2 April 2023.
  9. Wyatt, David K. (1984). Thailand: A Short History. Yale University Press. ISBN 9740753892.
  10. https://www.youtube.com/watch?v=OFbQWoveELI&list=PLb3n7XG7a2U67dqYmoxdQZEMk9xNeEfsL
  11. อำนาจ ไกรสงคราม; บุญเอิบ เกิดพร; สัมพันธ์ แทนไธสง; ทศพร นุชอำพันธ์; จารีต สราญจิตต์ (26 June 2013). "เอกสารการจัดการความรู้ เรื่อง "การจัดทำแผนที่การเสียดินแดนของไทย ๑๔ ครั้ง"" (PDF). โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2023-04-06. สืบค้นเมื่อ 2023-05-21.

อ่านเพิ่มเติม

[แก้]
  • Strate, Shane (2015). The Lost Territories: Thailand's History of National Humiliation. University of Hawai'I Press.