ข้ามไปเนื้อหา

จอห์น เชอร์ชิล ดยุกแห่งมาร์ลบะระ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เสนาบดีพระคลัง
ดำรงตำแหน่ง
8 พฤษภาคม 1702  11 สิงหาคม 1710
กษัตริย์พระนางเจ้าแอนน์
ก่อนหน้าเอิร์ลแห่งคาร์ลิสล์
ถัดไปเอิร์ลเปาเล็ต
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด(1650-05-26)26 พฤษภาคม 1650
เดวอน, อังกฤษ
เสียชีวิต16 มิถุนายน ค.ศ. 1722 (อายุ 72)
บาร์กเชอร์, บริเตนใหญ่
ลายมือชื่อ
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ประเทศอังกฤษ อังกฤษ (1667–1707)
 บริเตนใหญ่ (1707–22)
สังกัดกองทัพอังกฤษ
ยศพลเอก
บังคับบัญชาผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ผ่านศึกสงครามเก้าปี
สงครามสืบราชบัลลังก์สเปน
รางวัลเครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์

จอห์น เชอร์ชิลล์ ดยุกแห่งมาร์ลบะระ เจ้าชายแห่งมินเดลไฮม์ เคานต์แห่งเนลเลนบวร์ก เจ้าชายแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (อังกฤษ: John Churchill, 1st Duke of Marlborough, 1st Prince of Mindelheim, 1st Count of Nellenburg, Prince of the Holy Roman Empire) เป็นนายทหารและรัฐบุรุษชาวอังกฤษ ผู้รับราชการในพระเจ้าแผ่นดิน 5 พระองค์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 18

เขาเริ่มต้นจากการเป็นมหาดเล็กในราชสำนักราชวงศ์สทิวเวิร์ต ภายใต้การอุปถัมภ์ของเจมส์ ดยุกแห่งยอร์ก ช่วงทศวรรษ 1670–1680 และค่อย ๆ ก้าวหน้าในสายทหารและการเมืองด้วยความกล้าหาญและทักษะทางการทูต เขามีชื่อเสียงจากการ ไร้พ่ายในสมรภูมิรบ

บทบาทของเชอร์ชิลล์ในการปราบปรามการกบฏมอนมัธในปี 1685 ช่วยให้เจมส์ขึ้นครองบัลลังก์ได้มั่นคง แต่ต่อมาเขากลับเป็นบุคคลสำคัญในแผนสมคบคิดทางทหารที่นำไปสู่การโค่นล้มเจมส์ในช่วงการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ ภายหลังเขาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ลแห่งมาร์ลบะระจากพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แต่ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการฝักใฝ่แจกเคอไบต์ ที่ตามหลอกหลอน ทำให้เขาต้องพ้นจากตำแหน่งและถูกคุมขังชั่วคราวในหอคอยแห่งลอนดอน

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าวิลเลียมยังคงยอมรับความสามารถของเขา จึงแต่งตั้งให้เชอร์ชิลล์เป็นรองแม่ทัพในพื้นที่เนเธอร์แลนด์ใต้ (เบลเยียมปัจจุบัน) ก่อนที่สงครามสืบราชบัลลังก์สเปนจะปะทุในปี 1701 แต่กว่าที่เขาจะสร้างชื่อเสียงและความมั่งคั่งอย่างแท้จริงก็ต้องรอถึงการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถแอนน์ในปี 1702

การแต่งงานกับ ซาราห์ เจ็นนิงส์ และความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของเธอกับพระนางแอนน์ ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (captain-general) ของกองทัพอังกฤษ จนถึงตำแหน่งดยุก ในฐานะผู้นำโดยพฤตินัยของกองกำลังพันธมิตรในแคว้นโลคันทรีย์ เขามีชัยเหนือศัตรูในสงครามสืบราชบัลลังก์สเปนในยุทธการเบล็นไฮม์ (Battle of Blenheim) ยุทธการรามิลีส์ (Battle of Ramillies) และ ยุทธการอูเดนาร์ด (Battle of Oudenarde) ส่งผลให้ชื่อของเขาถูกจารึกว่าเป็นหนึ่งในแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างภรรยาของเขากับราชินี และการที่ซาราห์ถูกปลดออกจากราชสำนัก กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความตกต่ำของมาร์ลบะระเอง เมื่อพระนางแอนน์ทรงไม่พอพระทัย ประกอบกับความขัดแย้งระหว่างพรรคขุนนางกับพรรควิก เขาจึงถูกปลดจากตำแหน่งและต้องลี้ภัยไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ต่อมาเขากลับมาได้รับความโปรดปรานอีกครั้งเมื่อ พระเจ้าจอร์จที่ 1 ขึ้นครองราชย์ในปี 1714 แต่โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดขึ้นในปี 1716 ทำให้ชีวิตการงานของเขาสิ้นสุดลง

การเป็นผู้นำกองทัพพันธมิตรหลักของมาร์ลบะระในการต่อต้านพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ระหว่างปี 1701–1711 มีส่วนสำคัญในการทำให้อังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจแนวหน้า ความสามารถของเขาในการรักษาความเป็นเอกภาพท่ามกลางพันธมิตรที่แตกแยกสะท้อนถึงทักษะทางการทูตอย่างยิ่ง นักประวัติศาสตร์การทหารจดจำมาร์ลบะระได้มากพอ ๆ กัน ทั้งจาก ความสามารถในการจัดการและด้านลอจิสติกส์ เช่นเดียวกับ ความชำนาญเชิงยุทธวิธีในสนามรบ ความสำเร็จทางทหารเหล่านี้ทำให้เขาถูกยกย่องอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์

ดูเพิ่ม

[แก้]