ข้ามไปเนื้อหา

พระยาพิบูลเสนานุกิจ (นิเมาะ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี (นิเมาะ) (มลายู: Nik Moh) เป็นเจ้าเมืองยะหริ่งคนที่ 6 ในช่วงปี พ.ศ. 2427-2451 ชาวเมืองเรียกว่ารายาสะแต (สุลต่าน) ได้ปกครองเมืองยะหริ่งต่อจากพระยายะหริ่ง (นิตีมุง)[1] ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดา

พระยาพิบูลเสนานุกิจ
(นิเมาะ)
พระยาเมืองยะหริ่ง
ดำรงตำแหน่งพ.ศ. 2427-2451
ก่อนหน้าพระยายะหริ่ง (นิตีมุง)
ประสูติวังยะหริ่ง(นิยูโซฟ)
ถึงแก่พิราลัย29 มิถุนายน พ.ศ.2451
ป่าหลวง ตำบลยามู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
บุตร-ธิดา14 คน
พระบิดาพระยายะหริ่ง (นิยูโซฟ)
ศาสนาอิสลาม

ประวัติ

[แก้]
มัสยิดยามูสร้างโดย พระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี (นิเมาะ)

พระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี (นิเมาะ) เป็นบุตรคนที่สองของพระยายะหริ่ง (นิยูโซฟ) อดีตเจ้าเมืองปัตตานีและเจ้าเมืองยะหริ่ง ครั้นพระยายะหริ่ง (นิตีมุง) ผู้เป็นพี่ชายถึงแก่พิราลัย ได้แต่งตั้งนิเมาะผู้น้องเป็นพระยายะหริ่งแทน[1]ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสงคราม" เจ้าเมืองยะหริ่ง ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี" ในตำแหน่งจางวางกำกับราชการเมืองยะหริ่ง และได้แต่งตั้งพระโยธานุประดิษฐ์ (นิโวะ) บุตรชายเป็น "รายามุดา" นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งบุตรชายเป็นกรรมการที่ปรึกษาเมืองยะหริ่งดังนี้ พระสุนทรรายา (นิโซะ) หลวงประชาภิบาล (นิแว) หลวงบุรานุมัติการ (นิตีมุง) ขุนอภิบาลบุรีรักษ์ (กูปัตตารอ) ขุนสิริบำรุง (นิแม) และพระวิเศษวังษา (นิกูวง) บุตรพระยายะหริ่ง (นิตีมุง) โดยได้สร้างวังขึ้นใหม่ว่าราชการเมือง ห่างจากวังของพระยายะหริ่ง(นิตีมุง) ลงไปทางทิศใต้ประมาณหกเส้นเศษ ในสมัยนิเมาะปกครองเมืองยะหริ่งได้สร้าง "มัสยิดยามู" ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอยะหริ่งในปัจจุบัน

เกิดคดีความระหว่างเชกฮารุนกับพระยาพิบูลเสนานุกิจเมื่อ พ.ศ. 2446 ซึ่งเชกฮารุน สัญชาติอังกฤษ ฟ้องร้องพระยาพิพิธเสนามาตย์ทำผิดสัญญาเรื่องสัมปทานเก็บภาษี เพราะเจ็ดปีก่อนหน้า ครอบครัวของเชกฮารุน ประกอบด้วย พ่อ แม่ เชกฮารุน และน้องสาว ได้สัมปทานให้เก็บภาษีมะพร้าวและน้ำตาลจากเจ้าเมืองยะหริ่งเป็นระยะเวลาสามปี พอเริ่มเก็บภาษีได้เพียงแปดเดือน บิดาเชกฮารุนก็ถึงแก่กรรม พระยาพิบูลเสนานุกิจไม่อนุญาตให้พวกเขาเก็บภาษีต่อโดยไม่ชี้แจงเหตุผล ซ้ำยังยกสัมปทานให้แก่คนจีนแทน ครอบครัวเชกฮารุนจึงนำความขึ้นฟ้องต่อศาลข้าหลวงเจ็ดหัวเมืองและกรุงเทพมหานคร และเชกฮารุนนำเรื่องราวนี้ไปฟ้องร้องกับกงสุลอังกฤษจนเรื่องราวใหญ่โตมากขึ้น อุปทูตอังกฤษส่งหนังสือถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ให้ทำการไต่สวนเรื่องนี้ โดยให้จ่ายเงินชดเชยแก่เชกฮารุนตามสมควร พร้อมกับส่งหนังสือสัญญาที่พระยาพิบูลเสนานุกิจทำกับบิดาเชกฮารุนไปให้ด้วย ต่อมากระทรวงการต่างประเทศนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[2]

เมื่อพระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี (นิเมาะ) ถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าแต่งตั้งพระโยธานุประดิษฐ์ (นิโวะ) เป็นพระยายะหริ่งแทน ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสงคราม


สุสานพระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี (นิเมาะ)

บุตร-ธิดา

[แก้]

พระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี (นิเมาะ) มีบุตร-ธิดา 14 คน[3] ดังนี้

1. พระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสงคราม (นิโวะ อับดุลละบุตร) เจ้าเมืองยะหริ่งคนที่ 7 เป็นเจ้าเมืองคนสุดท้าย

2. พระสุนทรรายา (นิโซะ)

3. หลวงประชาภิบาล (นิแว)

4. หลวงบุรานุมัติการ (นิตีมุง)

5. ขุนอภิบาลบุรีรักษ์ (กูปัตตารอ)

6. ขุนสิริบำรุง (นิแม) ศึกษาธิการอำเภอยะหริ่ง

7. หะยีนิเต๊ะ

8. นิเดร์

9. นิแม๊ะ

10. ตวนสปีเย๊าะ

11. นิบูงอ

12. นิเล๊าะ

13. กูสปีเย๊าะ หนึ่งในบุตรสาวคือ กูอามีนะห์ได้อภิเษกสมรสกับเต็งกูลักษามณา แห่งรัฐสลังงอร์

14. กูลาโบ๊ะ เสกสมรสกับหลวงรายาภักดี(ตวนลือเบะห์) ผู้ช่วยราชการเมืองรามัน บุตรของพระยารัตนภักดีศรีราชบดินทร์สุรินทรวิวังศา (ตวนยากง) เจ้าเมืองรามัน

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 การปกครองบริเวณ7หัวเมือง (PDF).P136.-137.
  2. ปิยดา ชลวร (2563). ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม : ปัตตานี ยะลา นราธิวาสในยุคเจ็ดหัวเมือง. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. p. 53.
  3. วังยะหริ่ง (PDF).P25.