ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซสแห่งปัมโปลนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฟอร์ตูน
กษัตริย์แห่งปัมโปลนา
ครองราชย์ค.ศ. 870/882–905
ก่อนหน้าการ์ซิอา อิญญิเกวซ
ถัดไปซันโช การ์เซส
สวรรคตค.ศ. 922
อารามเลย์เร
ฝังพระศพอารามเลย์เร
ชายาออเรีย
พระราชบุตร
4 พระองค์...
โอนเนกา ฟอร์ตูเนซ
ราชวงศ์ราชวงศ์อิญญิเกวซ
พระราชบิดาการ์ซิอา อิญญิเกวซ
พระราชมารดาอูร์รากา

ฟอร์ตูน การ์เซส (สเปน: Fortún Garcés, บาสก์: Orti Gartzez) หรือ ผู้มีตาเดียว (สเปน: el Tuerto) หรือ ผู้เป็นพระ (สเปน: el Monje) เป็นกษัตริย์แห่งปัมโปลนาตั้งแต่ ค.ศ. 882 ถึง ค.ศ. 902 ทรงปรากฏในบันทึกภาษาอาหรับในชื่อ ฟัรตูน อิบน์ ฆ็อรซียะฮ์ (อาหรับ: فرتون بن غرسية) ทรงเป็นพระโอรสคนโตของพระเจ้าการ์ซิอา อิญญิเกวซ และเป็นพระนัดดาของพระเจ้าอิญญิโก อาริสตา ปฐมกษัตริย์แห่งปัมโปลนา ทรงครองราชย์เป็นเวลา 30 ปี พระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซสเป็นกษัตริย์คนสุดท้ายของราชวงศ์อิญญิเกวซ

พระราชประวัติ

[แก้]

วันเสด็จพระราชสมภพของพระเจ้าฟอร์ตูนไม่เป็นที่รู้ ทรงเป็นพระโอรสคนโตของพระเจ้าการ์ซิอา อิญญิเกวซ[1] กษัตริย์แห่งปัมโปลนากับหญิงนามว่าอูร์รากา ซึ่งอาจจะเป็นหลานสาวของมูซา อิบน์ มูซา อัลเกาะซะวี ผู้นำตระกูลบะนูเกาะซี[2] ข้อมูลช่วงต้นชีวิตของพระองค์มีไม่มาก

พระเจ้าการ์ซิอา อิญญิเกวซมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชอาณาจักรอัสตูเรียส ทรงตีตัวออกห่างจากราชวงศ์บะนูเกาะซีที่ปกครองดินแดนใกล้กับแม่น้ำเอโบร พระองค์เข้าไปพัวพันในความขัดแย้งกับกองทัพมุสลิมของบะนูเกาะซี[3] และเอมีร์มุฮัมมัดที่ 1 แห่งกอร์โดบาที่บุกปัมโปลนาในปี ค.ศ. 860 และจับกุมตัวฟอร์ตูนได้ในมิลาโกร พร้อมกับออนเนกา ฟอร์ตูเนซ พระธิดาของพระองค์ ทั้งคู่ถูกจับไปเป็นตัวประกันในกอร์โดบา[4][1] มุฮัมมัด อิบน์ ลูบบ์ วาลีแห่งซาราโกซาปิดล้อมทำลายปราสาทไอบาร์ ส่งผลให้พระเจ้าการ์ซิอา อิญญิเกวซสิ้นพระชนม์ หลังพระบิดาสิ้นพระชนม์ ฟอร์ตูน การ์เซสได้รับอนุญาตให้กลับไปปัมโปลเพื่อรับตำแหน่งเป็นกษัตริย์[5] พระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซสครองราชย์ด้วยนโยบายทางการเมืองที่ปรับให้เป็นไปตามความต้องการของตระกูลบะนูเกาะซี สร้างความขุ่นเคืองให้แก่ขุนนางปัมโปลนา พระองค์เกษียณตัวเข้าอารามเลย์เรอยู่บ่อยครั้ง

สุสานบรรพชนกษัตริย์ในอารามเลย์เร

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 905 เมื่อซันโช การ์เซสได้รับเลือกจากขุนนางปัมโปลนาให้มาเป็นกษัตริย์แทนที่พระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซส[6] เหตุผลที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้คือความเกรียงไกรด้านการทหารของซันโช การ์เซสและการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญ อาทิ ไรมุนโดที่ 1 เคานต์แห่งปายาร์สและริบาโกร์ซา, กาลินโด อัซนาเรซที่ 2 เคานต์แห่งอารากอน และพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 3 แห่งอัสตูเรียส[6]

พระเจ้าฟอร์ตูนเกษียณตัวเข้าอารามเลย์เรอย่างถาวรใน ค.ศ. 905[6] ทรงสิ้นพระชนม์ในอารามดังกล่าวใน ค.ศ. 922[7]

การสมรสและผู้สืบสายเลือด

[แก้]

ฟอร์ตูนแต่งงานกับออเรีย ซึ่งต้นกำเนิดที่ไม่มีหลักฐานยืนยันทำให้เกิดการคาดการณ์ที่ขัดแย้งกัน[8][9] Códice de Roda ระบุว่าทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน ดังนี้:[10]

  • อิญญิโก ฟอร์ตูเนซ สมรสกับซันชา การ์เซส ธิดาในการ์ซิอา ฆิเมเนซแห่งปัมโปลนาและ 'กบฏแห่งซันโกซา' ของโอเนกกา
  • อัซนาร์ ฟอร์ตูเนซ มีข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์น้อยมาก
  • เบลัสโก ฟอร์ตูเนซ มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์: ฆิเมนา ภรรยาของอิญญิโก การ์เซส โอรสแห่งการ์ซิอา ฆิเมเนซแห่งปัมโปลนา
  • โลเป ฟอร์ตูเนซ
  • ออนเนกา ฟอร์ตูเนซ Códice de Roda ระบุว่า ตอนแรกสมรสกับอับดุลลอฮ์แห่งกอร์โดบา[11] ภายหลังสมรสกับอัซนาร์ ซันเชสแห่งลาร์ราอุน โดยมีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ รวมถึงพระราชินีโตดากับซันชาแห่งปัมโปลนา[1] อย่างไรก็ตาม มีผู้ตั้งคำถามถึงลำดับการสมรสของออนเนกา โดยระบุว่าพระธิดาของฟอร์ตูนคือออนเนกาสมรสกับอับดุลลอฮ์[12]

อ้างอิง

[แก้]

ข้อมูล

[แก้]
  • Cañada Juste, Alberto (2013). "Doña Onneca, una princesa vascona en la corte de los emires cordobeses" (PDF). Príncipe de Viana (ภาษาสเปน). Gobierno de Navarra (258 (Separata)): 481–501. ISSN 0032-8472.
  • Collins, Roger (2012). Caliphs and Kings: Spain, 796-1031. Blackwell publishing.
  • Kosto, Adam J. (2017). "Aragon and the Catalan Counties Before the Union". ใน Sabaté, Flocel (บ.ก.). The Crown of Aragon: A Singular Mediterranean Empire. Brill. pp. 70–91.
  • Martínez Díez, Gonzalo (2007). Sancho III el Mayor Rey de Pamplona, Rex Ibericus (ภาษาสเปน). Madrid: Marcial Pons Historia. ISBN 978-84-96467-47-7.
  • Rei, António (2011–2012). "Descendência Hispânica do Profeta do Islão: Exploração de Algumas Linhas Primárias". Armas e Troféus (ภาษาโปรตุเกส). Instituto Português de Heráldica.
  • Salazar y Acha, Jaime de (2006). "Urraca. Un nombre egregio en la onomástica altomedieval". En la España medieval (ภาษาสเปน) (1): 29–48. ISSN 0214-3038.
  • Settipani, Christian (2004). La noblesse du midi carolingien: études sur quelques grandes familles d'Aquitaine et du Languedoc du IXe siècle (ภาษาฝรั่งเศส). Oxford Univ. Unit for Prosopographical Research. ISBN 9781900934046.
  • Menéndez Pidal, Ramón (1999). Historia de España, Tomo VII, Vol. 2, La España Cristiana de los Siglos VIII al IX (718 - 1035). Los Núcleos Pireneicos, Navarra, Aragón, Cataluña (ภาษาสเปน). Madrid: Editorial Espasa-Calpe SA. ISBN 84-239-8913-5.