ข้ามไปเนื้อหา

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 นัดชิงชนะเลิศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 นัดชิงชนะเลิศ
โอลึมพีอาชตาดีอ็อนในเบอร์ลินเป็นเจ้าภาพรอบชิงชนะเลิศ
รายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024
วันที่14 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 (2024-07-14)
สนามโอลึมพีอาชตาดีอ็อน, เบอร์ลิน
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด
นิโก วิเลียมส์ (สเปน)[1]
ผู้ตัดสินฟร็องซัว เลอแต็กซีเย (ฝรั่งเศส)[2]
ผู้ชม65,600 คน[3]
สภาพอากาศกลางคืนมีเมฆเป็นบางส่วน
22 °C (72 °F)
53% ความชื้นสัมพัทธ์[4]
2020
2028

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่จัดขึ้นเพื่อตัดสินผู้ชนะของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 การแข่งขันครั้งนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 17 ของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ซึ่งเป็นการแข่งขันทุกสี่ปีที่แข่งขันโดยทีมชาติชายของสมาคมที่เป็นสมาชิกของยูฟ่าเพื่อตัดสินทีมชนะเลิศของทวีปยุโรป การแข่งขันจัดขึ้นที่โอลึมพีอาชตาดีอ็อน ในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 และเป็นแข่งขันโดยผู้ชนะในรอบรองชนะเลิศ[5]

การแข่งขันนี้นับเป็นครั้งแรกที่อังกฤษผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันรายการใหญ่นอกประเทศของตน[6] และเป็นครั้งที่สองในรอบสิบสองเดือนที่สเปนพบกับอังกฤษในรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ หลังจากเคยพบกันในฟุตบอลโลกหญิง 2023 รอบชิงชนะเลิศ[7]

สเปนเอาชนะอังกฤษ 2–1 คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่สี่ และเป็นทีมแรกที่ชนะทุกนัดที่ลงแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นับตั้งแต่ฝรั่งเศสซึ่งทำได้ในปี 1980 ส่วนอังกฤษเป็นทีมแรกที่ได้รองแชมป์ในฟุตบอลยูโรสองครั้งติดต่อกัน[8]

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

[แก้]
 สเปน รอบ  อังกฤษ
คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน รอบแบ่งกลุ่ม คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน
 โครเอเชีย 3–0 นัดที่ 1  เซอร์เบีย 1–0
 อิตาลี 1–0 นัดที่ 2  เดนมาร์ก 1–1
 แอลเบเนีย 1–0 นัดที่ 3  สโลวีเนีย 0–0
กลุ่ม บี ชนะเลิศ

อันดับ ทีม เล่น คะแนน
1  สเปน 3 9
2  อิตาลี 3 4
3  โครเอเชีย 3 2
4  แอลเบเนีย 3 1
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
ตารางคะแนน กลุ่ม ซี ชนะเลิศ

อันดับ ทีม เล่น คะแนน
1  อังกฤษ 3 5
2  เดนมาร์ก 3 3
3  สโลวีเนีย 3 3
4  เซอร์เบีย 3 2
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน รอบแพ้คัดออก คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน
 จอร์เจีย 4–1 รอบ 16 ทีม  สโลวาเกีย 2–1 (ต่อเวลาพิเศษ)
 เยอรมนี 2–1 (ต่อเวลาพิเศษ) รอบก่อนรองชนะเลิศ  สวิตเซอร์แลนด์ 1–1 (ต่อเวลาพิเศษ) (ดวลลูกโทษ 5–3)
 ฝรั่งเศส 2–1 รอบรองชนะเลิศ  เนเธอร์แลนด์ 2–1

การแข่งขัน

[แก้]

รายละเอียด

[แก้]
สเปน 2–1 อังกฤษ
รายงาน

สเปน[4]
อังกฤษ[4]
GK23อูไน ซิมอน
RB2ดานิ การ์บาฆัล
CB3รอแบ็ง เลอ นอร์ม็องSubstituted off in the 83 นาที 83'
CB14แอมริก ลาปอร์ต
LB24มาร์ก กูกูเรยา
CM16โรดริSubstituted off in the 46 นาที 46'
CM8ฟาเบียน รุยซ์
RW19ลามิน ยามัลSubstituted off in the 89 นาที 89'
AM10ดานิ โอลโมโดนใบเหลือง ใน 31 นาที 31'
LW17นิโก วิเลียมส์
CF7อัลบาโร โมราตา (กัปตัน)Substituted off in the 68 นาที 68'
การเปลี่ยนตัวผู้เล่น:
MF18มาร์ติน ซูบิเมนดิSubstituted on in the 46 minute 46'
FW21มิเกล โอยาร์ซาบัลSubstituted on in the 68 minute 68'
DF4นาโชSubstituted on in the 83 minute 83'
MF6มิเกล เมริโนSubstituted on in the 89 minute 89'
ผู้จัดการทีม:
ลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต
GK1จอร์แดน พิกฟอร์ด
CB2ไคล์ วอล์กเกอร์
CB5จอห์น สโตนส์โดนใบเหลือง ใน 53 นาที 53'
CB6มาร์ก เกอี
RM7บูกาโย ซากา
CM26ค็อบบี เมนูSubstituted off in the 70 นาที 70'
CM4เดคลัน ไรซ์
LM3ลู้ก ชอว์
AM11ฟิล โฟเดนSubstituted off in the 89 นาที 89'
AM10จูด เบลลิงงัม
CF9แฮร์รี เคน (กัปตัน)โดนใบเหลือง ใน 25 นาที 25'Substituted off in the 61 นาที 61'
การเปลี่ยนตัวผู้เล่น:
FW19ออลลี วอตกินส์โดนใบเหลือง ใน 90+1 นาที 90+1'Substituted on in the 61 minute 61'
MF24โคล พาล์มเมอร์Substituted on in the 70 minute 70'
FW17ไอวัน โทนีย์Substituted on in the 89 minute 89'
ผู้จัดการทีม:
แกเร็ท เซาท์เกต

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด:
นิโก วิเลียมส์ (สเปน)[1]

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:[2]
ซีรีล มูว์เญ (ฝรั่งเศส)
เมห์ดี ราห์มูนี (ฝรั่งเศส)
ผู้ตัดสินที่สี่:
ชือมอน มาร์ชีญัก (โปแลนด์)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินสำรอง:
ตอมัช ลิสต์กีแยวิตช์ (โปแลนด์)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้วีดิทัศน์:
เฌโรม บรีซาร์ (ฝรั่งเศส)
ผู้ช่วยของผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้วีดิทัศน์:
วีลี เดอลาโฌ (ฝรั่งเศส)
มัสซีมีลีอาโน อีร์ราตี (อิตาลี)

กฎการแข่งขัน[9]

  • 90 นาที
  • 30 นาที ต่อเวลาพิเศษ หากจำเป็น
  • การยิงจุดโทษ หากคะแนนยังคงอยู่
  • จำนวนผู้เล่นสำรองที่ระบุชื่อได้สูงสุด 12 คน
  • เปลี่ยนตัวผู้เล่นได้สูงสุด 5 คน โดยอนุญาตให้เปลี่ยนตัวได้ครั้งที่ 6 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
  • แต่ละทีมจะได้รับโอกาสเพียงสามครั้งในการเปลี่ยนตัว โดยมีโอกาสครั้งที่สี่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

สถิติ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 "Every Euro 2024 Player of the Match". UEFA.com. Union of European Football Associations. 14 June 2024. สืบค้นเมื่อ 14 July 2024.
  2. 1 2 "François Letexier to referee UEFA EURO 2024 final". UEFA.com. Union of European Football Associations. 11 July 2024. สืบค้นเมื่อ 11 July 2024.
  3. 1 2 "Spain vs. England" (JSON). Union of European Football Associations. 14 July 2024. สืบค้นเมื่อ 14 July 2024.
  4. 1 2 3 "Tactical Line-ups – Spain v England" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 14 July 2024. สืบค้นเมื่อ 14 July 2024.
  5. "UEFA Euro 2024 match schedule" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-01-31. สืบค้นเมื่อ 3 December 2023.
  6. "UEFA Euro 2024 match schedule" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-01-31. สืบค้นเมื่อ 3 December 2023.
  7. Culpepper, Chuck (19 August 2023). "Shiny and new, it's England and Spain for a World Cup final that fits". The Washington Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0190-8286. สืบค้นเมื่อ 21 August 2023.
  8. "Spain 2–1 England: Late Oyarzabal winner earns La Roja record fourth EURO crown". UEFA.com. Union of European Football Associations. 14 July 2024. สืบค้นเมื่อ 14 July 2024.
  9. "Regulations of the UEFA European Football Championship, 2022–24". Union of European Football Associations. 10 May 2022. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 May 2022. สืบค้นเมื่อ 16 May 2022.
  10. 1 2 3 "Team statistics" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 14 July 2024. สืบค้นเมื่อ 14 July 2024.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]