ข้ามไปเนื้อหา

ราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งอียิปต์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งอียิปต์

1650 ปีก่อนคริสตกาล–ราว 1550 ปีก่อนคริสตกาล
อียิปต์ในช่วงการปกครองของราชวงศ์ที่สิบห้า
อียิปต์ในช่วงการปกครองของราชวงศ์ที่สิบห้า
เมืองหลวงอวาริส
ภาษาทั่วไปภาษาอียิปต์
ศาสนา
ศาสนาอียิปต์โบราณ
การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ยุคประวัติศาสตร์ยุคสำริด
 ก่อตั้ง
1650 ปีก่อนคริสตกาล
 สิ้นสุด
ราว 1550 ปีก่อนคริสตกาล
ก่อนหน้า
ถัดไป
ราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์
ราชวงศ์ที่สิบสี่แห่งอียิปต์
ราชวงศ์ที่สิบแปดแห่งอียิปต์

ราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งอียิปต์ เป็นราชวงศ์ต่างแดนจากเอเชียตะวันตกในสมัยอียิปต์โบราณ ซึ่งสถาปนาราชวงศ์ขึ้นโดยฟาโรห์ซาทิลิส ซึ่งได้เข้ารุกรานดินแดนและสามารถพิชิตอียิปต์ล่างในเวลาต่อมา[1] ราชวงศ์ที่สิบห้า ราชวงศ์ที่สิบหก และราชวงศ์ที่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์ จะถูกรวมกันอยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่า สมัยช่วงระหว่างกลางครั้งที่สอง ราชวงศ์ที่สิบห้ามีระยะเวลาปกครองอยู่ช่วงประมาณระหว่าง 1650 ถึง 1550 ปีก่อนคริสตกาล[2][3]

ประวัติราชวงศ์

[แก้]

กล่าวกันว่าฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่สิบห้าเป็นชาวคานาอัน[4] เป็นที่ทราบกันดีว่าฟาโรห์คาโมสจากราชวงศ์ที่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์ทรงเรียกฟาโรห์อะโพฟิส ซึ่งเป็นหนึ่งในฟาโรห์ของราชวงศ์ว่า "ประมุขแห่งเรทเจนู (ซึ่งก็คือ คานาอัน)"[5][6] ฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่สิบห้าทรงได้ก่อตั้ง "ราชอาณาจักรของชาวเอชียแห่งที่สองในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ" ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ซึ่งอาจรวมถึงคานาอันด้วย ถึงแม้ว่าจะขาดหลักฐานทางโบราณคดีก็ตาม[7][8] ราชวงศ์นี้ปกครองอยู่ได้ประมาณ 108 ปี[9][10]

ฟาโรห์พระองค์แรกซึ่งเรียกอีกอย่างว่า ฮิกซอส (ḥḳꜣw-ḫꜣswt, "คนเลี้ยงแกะ" ตามคำกล่าวของแอฟริกานัส) นำได้พสกนิกรของพระองค์เข้ายึดครองพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์และตั้งรกรากในเมืองหลวงของพระองค์ที่เมืองอวาริส ซึ่งเป็นเหตุให้ราชวงศ์ที่สิบสี่แห่งอียิปต์ล่มสลายลง[4] อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏหลักฐานของความขัดแย้งในเวลาช่วงนั้น และการตั้งถิ่นฐานของชาวคานาอันในพื้นที่ดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นอย่างค่อนข้างสงบ เนื่องจากสภาวะสุญญากาศทางอำนาจที่เหลือจากการล่มสลายของราชวงศ์ที่สิบสี่[6] อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ภายหลังกับผู้ปกครองชาวอียิตป์ในช่วงเวลานั้นเป็นไปอย่างด้วยความขัดแย้งที่รุนแรง[11]

ฮิกซอส

[แก้]

ชาวอวาริสในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ถูกชาวอียิปต์เรียกว่า "อามู" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกชาวซีเรียและเลแวนต์ หรือศัตรูของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในสมรภูมิคาเดช ซึ่งได้รับการแปลโดยทั่วไปว่าเป็น "ชาวเอเชียตะวันตก" โดยนักไอยคุปต์วิทยา[12]

คำว่า ฮิกซอส เป็นคำที่ใช้เพื่อระบุตัวเหล่าหัวหน้าเผ่าจากต่างแดน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ผู้ปกครองของชาวเอเชีย" ซึ่งมีมาก่อนราชวงศ์ที่สิบห้าและหลังจากนั้นด้วย[12][13] โดยไม่ใช่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของผู้ปกครองราชวงศ์ที่สิบห้า และไม่เคยพบร่วมกับตำแหน่งยศราชวงศ์ ยกเว้นกรณีหายากกรณีหนึ่งในคำจารึกจากเทล อัด-ดับ'อา ที่กล่าวถึงฟาโรห์นิรนามและอธิบายว่าพระองค์ทรงเป็น ฮิกซอส[13] "ฮิกซอส" ค่อนข้างเป็นคำทั่วไป ซึ่งพบแยกจากตำแหน่งยศราชวงศ์และรายการรัชสมัยในช่วงหลังสิ้นสุดราชวงศ์ที่สิบห้า[13][14] ในอีกกรณีหนึ่ง ฟาโรห์คิอานดำริว่าจะใช้พระอิสริยยศ "ฮิกซอส" ในช่วงต้นรัชสมัยของพระองค์ หลังจากนั้นก็ทรงเลิกใช้ตำแหน่งดังกล่าวแล้วมาใช้ตำแหน่งยศราชวงศ์ตามแบบอียิปต์เมื่อพระองค์สามารถรุกรานอียิปต์ทั้งหมด[13] มีเพียงฟาโรห์จำนวนสี่พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สิบห้าเท่านั้นที่ใช้ทรงใช้พระอิสริยยศ "ฮิกซอส" และหลังจากนั้นตำแหน่งยศราชวงศ์ก็กลายเป็นตำแหน่งแบบอียิปต์ล้วน[14]

พระราชอาณาจักร

[แก้]
กริชที่ปรากฏพระนามของฟาโรห์อะโพฟิส

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับราชวงศ์ของผู้ปกครองพื้นเมืองอียิปต์ที่อยู่ทางใต้ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งประกอบไปด้วย ราชวงศ์ที่สิบหก ราชวงศ์ท้องถิ่นอไบดอส และราชวงศ์ที่สิบเจ็ด โดยมีช่วงสั้นๆ ของช่วงความสงบในระหว่างที่มีความสัมพันธ์กับดินแดนนิวเบีย[4] ไม่นานหลังจากการยึดครองดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ซึ่งเข้ามามีอำนาจแทนที่ราชวงศ์ที่สิบสี่ ราชวงศ์ที่สิบห้าก็ขยายตัวเข้ายึดครองเมมฟิส ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์ที่สิบสามที่เมืองเมมฟิส เมื่ออำนาจทางการเมืองของอียิปต์ได้ล่มสลายลงที่เมืองเมมฟิส ราชวงศ์ใหม่ก็สถาปนาขึ้นทางด้านทิศใต้ ซึ่งก็คือราชวงศ์ท้องถิ่นอไบดอส และราชวงศ์ที่สิบหกแห่งอียิปต์ที่เมืองธีบส์[15]

หลังจากสถาปนาราชวงศ์ขึ้นประมาณ 20 ปี ราชวงศ์ที่สิบห้าก็ได้ขยายอำนาจการปกครองไปทางใต้จนถึงเมืองธีบส์ ซึ่งนำสู่ความขัดแย้งกับฟาโรห์เนเฟอร์โฮเทปที่ 3[4][15] ดินแดนอียิปต์ทั้งหมดถูกพิชิตในรัชสมัยของฟาโรห์คิอาน[13] และราชวงศ์ท้องถิ่นอไบดอสก็ได้หายสาบสูญไปในช่วงเวลาการพิชิตทางใต้ครั้งนี้ด้วย[15] อนุสรณ์สถานจำนวนมากจากพื้นที่ที่ถูกพิชิตได้ถูกนำขึ้นไปทางเหนือสู่เมืองอวาริส และอีกหลายแห่งมีจารึกเพิ่มเติม โดยเฉพาะโดยช่วงรัชสมยฟาโรห์อเปปิ[16] อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็มีการโต้แย้งจากอเล็กซานเดอร์ อิลิน-โทมิช ที่ว่า ดินแดนที่ปกครองโดยตรงโดยฟาโรห์ฮิกซอสแห่งอวาริสนั้นน่าจะจำกัดอยู่ที่บริเวณดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำฝั่งตะวันออก และอาณาเขตการควบคุมเหนืออียิปต์กลางยังไม่แน่ชัด[17]

ในท้ายที่สุด ราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งอียิปต์ก็ล่มสลายลงด้วยการพิชิตเมืองอวาริสโดยฟาโรห์อาโมสที่ 1[4]

การค้า

[แก้]

ราชวงศ์ที่สิบห้ามีความสัมพันธ์ทางการค้ากับดินแดนคานาอันและไซปรัสเป็นส่วนใหญ่[4][18][19] มีการกล่าวกันว่าการค้ากับคานาอันนั้นเป็นไปอย่าง "เข้มข้น" โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการนำเข้าสินค้าดินแดนคานาอันจำนวนมาก และอาจจะสะท้อนถึงต้นกำเนิดของราชวงศ์นั้นมาจากคานาอันได้[19] ตามข้อความบนจารึกศิลาของฟาโรห์คาโมส ชาวฮิกซอสนำเข้า "รถศึกและม้า เรือ ไม้ซุง ทองคำ ลาพิชลาซูลี เงิน เทอร์ควอยซ์ ทองแดง ขวานจำนวนมาก น้ำมัน ธูป ไขมัน และน้ำผึ้ง"[18] ราชวงศ์ที่สิบห้ายังส่งออกสิ่งของจำนวนมากที่ปล้นมาจากทางตอนใต้ของอียิปต์ โดยเฉพาะรูปสลักอียิปต์ไปยังพื้นที่ของคานาอันและซีเรีย การถ่ายโอนโบราณวัตถุของอียิปต์ไปยังตะวันออกใกล้เหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับฟาโรห์อะโพฟิส[19] ความสัมพันธ์ทางการค้ากับไซปรัสก็มีความสำคัญเช่นกัน[20]

ศาสนา

[แก้]

ความสัมพันธ์ของราชวงศ์ที่สิบห้ากับประเพณีทางศาสนาของอียิปต์นั้นยังคลุมเครือ และในช่วงราชวงศ์ที่สิบแปดมีการกล่าวกันว่า "พวกเขาขึ้นมาปกครองโดยไม่ยอมรับเทพรา"[14] มีการบันทึกไว้ว่า ราชวงศ์นี้ได้ทำลายอนุสรณ์สถานและยึดขโมยเอารูปสลักของอียิปต์ เช่นเดียวกับการปล้นสุสานหลวง ฟาโรห์อาโมสที่ 1 ยังกล่าวอีกว่า "พีระมิดหลายแห่งนั้นถูกรื้อทิ้งลง"[21]

ผู้ปกครอง

[แก้]

ผู้ปกครองจากราชวงศ์ที่สิบห้าที่เป็นที่ทราบมีดังนี้:[22]

ราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งอียิปต์
พระนาม รูปภาพ รัชสมัยและคำอธิบาย
ซาลิทิส มาเนโธได้กล่าวถึงพระองค์ในฐานะปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ ปัจจุบันไม่ปรากฏพระนามกับบุคคลใดที่ทราบจากหลักฐานทางโบราณคดี พระองค์ทรงปกครองเป็นระยะเวลา 19 ปี ตามคำกล่าวของมาเนโธ ซึ่งอ้างโดยโจเซฟัส
เซมเกน มีการกล่าวถึงในบันทึกพระนามแห่งตูริน จากข้อมูลของรีฮอล์ต พระองค์เป็นผู้ปกครองฮิกซอสในช่วงต้นราชวงศ์[22] ซึ่งอาจจะเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ ส่วนฟอน เบ็คเคอราธได้ระบุว่าพระองค์มาจากราชวงศ์ที่สิบหกแห่งอียิปต์[23]
อเปอร์อนัต มีการกล่าวถึงในบันทึกพระนามแห่งตูริน จากข้อมูลของรีฮอล์ต พระองค์เป็นผู้ปกครองฮิกซอสในช่วงต้นราชวงศ์[22] ซึ่งอาจจะเป็นฟาโรห์พระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ ส่วนฟอน เบ็คเคอราธได้ระบุว่าพระองค์มาจากราชวงศ์ที่สิบหกแห่งอียิปต์[23]
คิอาน ทรงครองราชย์มากกว่า 10 ปี[24]
ยานาสซิ
เป็นพระราชโอรสพระองค์โตของฟาโรห์คิอาน พระองค์อาจจะเป็นกษัตริย์อิอันนาสที่ถูกกล่าวไว้ในแอจิปเทียกาของมาเนโธ
ซาคิร์-ฮาร์ ปรากฏว่าเป็นกษัตริย์ฮิกซอสบนวงกบประตูที่พบในเมืองอวาริส ลำดับตำแหน่งรัชสมัยยังไม่แน่นอน
อะโพฟิส ราวประมาณ 1590? – 1550 ปีก่อนคริสตกาล ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปี[24]
คามูดิ ราวประมาณ 1550 – 1540 ปีก่อนคริสตกาล

ราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งอียิปต์ เป็นราชวงศ์ชาวฮิกซอสราชวงศ์แรกที่ไม่สามารถปกครองดินแดนอียิปต์ได้ทั้งหมด ซึ่งมีศูนย์กลางปกครองที่เมืองอวาริส โดยชาวฮิกซอสจะปกครองอยู่ในบริเวณทางตอนเหนือของอียิปต์ เนื่องจากพวกเขาได้แทรกซึมเข้ามาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของอียิปต์ พระนามและลำดับของฟาโรห์นั้นยังไม่แน่นอน บันทึกพระนามแห่งตูรินได้ระบุว่ามีฟาโรห์ชาวฮิกซอสจำนวนหกพระองค์ โดยมีฟาโรห์ที่มีความหลุมเครือพระนามว่า คามูดิ ซึ่งระบุว่าเป็นฟาโรห์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่สิบห้า

จำนวนฟาโรห์ที่ทรงพระนามว่า อเปปิ

[แก้]

นักวิชาการบางคนเสนอความเห็นว่ามีฟาโรห์อะโพฟิสจำนวนสองพระองค์ที่ทรงพระนาม "อเปปิ" แต่เนื่องด้วยสาเหตุหลักเป็นเพราะปรากฏพระนามครองพระราชบัลลังก์จำนวนสองพระนามที่เกี่ยวข้องฟาโรห์พระองค์นี้คือ อาวอเซอร์เร และ อาเกนเอนเร อย่างไรก็ตาม คิม รีฮอล์ต นักไอยคุปต์วิทยาชาวเดนมาร์ก ได้ยืนยันไว้ในการศึกษาของเขาเกี่ยวกับสมัยช่วงระหว่างกลางครั้งที่สองว่า พระนามครองพระราชบัลลังก์ทั้งสองพระนามนี้ล้วนหมายถึงบุคคลคนเดียวกันก็คือ ฟาโรห์อเปปิที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ปกครองอียิปต์เป็นระยะเวลา 40 + X ปี[24] สิ่งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากพระนามครองพระราชบัลลังก์พระนามที่สามในรัชสมัยของพระองค์ก็คือ เนบเคเปชเร[25] โดยฟาโรห์อะโพฟิสน่าจะทรงใช้พระนามครองราชบัลลังก์ที่แตกต่างกันในช่วงรัชสมัยอันยาวนานของพระองค์ สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากแบบอย่างหรือแบบคู่ขนาน เนื่องจากฟาโรห์หลายพระองค์ รวมทั้งฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ที่มีชื่อเสียง รวมไปถึงฟาโรห์เซติที่ 2 ที่ทรากันว่าพระองค์ทรงใช้พระนามครองพระราชบัลลังก์สองพระนามในรัชสมัยของพระองค์

อ้างอิง

[แก้]
  1. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. pp. 303–304. ISBN 978-87-7289-421-8.
  2. Shaw, Ian, บ.ก. (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. p. 481. ISBN 0-19-815034-2.
  3. Bunson, Margaret (2014). Encyclopedia of Ancient Egypt (ภาษาอังกฤษ). Infobase Publishing. p. 110. ISBN 978-1-4381-0997-8.
  4. 1 2 3 4 5 6 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 5. ISBN 978-87-7289-421-8.
  5. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 126. ISBN 978-87-7289-421-8.
  6. 1 2 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. pp. 131–132. ISBN 978-87-7289-421-8.
  7. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 118. ISBN 978-87-7289-421-8.
  8. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 130. ISBN 978-87-7289-421-8.
  9. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 119. ISBN 978-87-7289-421-8.
  10. Shaw, Ian (2003). The Oxford History of Ancient Egypt (ภาษาอังกฤษ). OUP Oxford. p. 180. ISBN 978-0-19-280458-7.
  11. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. ISBN 978-87-7289-421-8.
  12. 1 2 Shaw, Ian (2003). The Oxford History of Ancient Egypt (ภาษาอังกฤษ). OUP Oxford. pp. 274 ff. ISBN 978-0-19-280458-7.
  13. 1 2 3 4 5 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. pp. 123–124. ISBN 978-87-7289-421-8.
  14. 1 2 3 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 125. ISBN 978-87-7289-421-8.
  15. 1 2 3 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. pp. 132–133. ISBN 978-87-7289-421-8.
  16. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 133. ISBN 978-87-7289-421-8.
  17. Ilin-Tomich, Alexander (2016). "Second Intermediate Period". UCLA Encyclopedia of Egyptology: 1–21.
  18. 1 2 Shaw, Ian (2003). The Oxford History of Ancient Egypt (ภาษาอังกฤษ). OUP Oxford. pp. 182–183. ISBN 978-0-19-280458-7.
  19. 1 2 3 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. pp. 138–139. ISBN 978-87-7289-421-8.
  20. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 141. ISBN 978-87-7289-421-8.
  21. Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. pp. 145–148. ISBN 978-87-7289-421-8.
  22. 1 2 3 K.S.B. Ryholt: The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period, c.1800–1550 BC, Carsten Niebuhr Institute Publications, vol. 20. Copenhagen: Museum Tusculanum Press, 1997, excerpts available online here.
  23. 1 2 Jürgen von Beckerath: Handbuch der ägyptischen Königsnamen, Münchner ägyptologische Studien, Heft 49, Mainz : P. von Zabern, 1999, ISBN 3-8053-2591-6, available online เก็บถาวร 2015-12-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน see p. 120121.
  24. 1 2 Ryholt, K. S. B.; Bülow-Jacobsen, Adam (1997). The Political Situation in Egypt During the Second Intermediate Period, C. 1800-1550 B.C. (ภาษาอังกฤษ). Museum Tusculanum Press. p. 119. ISBN 978-87-7289-421-8.
  25. Kings of the Second Intermediate Period เก็บถาวร 2008-05-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน University College London; scroll down to the 15th dynasty

บรรณานุกรม

[แก้]
  • Kim Ryholt, The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c.1800-1550 B.C." by Museum Tuscalanum Press (ISBN 87-7289-421-0)