รายพระนามประมุขแห่งรัฐเยอรมันใน ค.ศ. 1918
| จักรวรรดิเยอรมัน | |
|---|---|
ธงพระอิสริยยศจักรพรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1871 – 1918) | |
| ก่อนหน้า | ราชอาณาจักรปรัสเซีย |
| ถัดไป | ล่มสลาย ค.ศ. 1918 |
จักรวรรดิเยอรมัน (Deutsches Kaiserreich) โดยทั่วไปหมายถึงเยอรมนีในช่วงเวลาตั้งแต่การก่อตั้งเป็นรัฐชาติเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871 จนถึงการสละราชสมบัติของจักรพรรดิองค์สุดท้าย จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ ซึ่งมีการประกาศเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ชาวเยอรมันเมื่อกล่าวถึงจักรวรรดิ ในช่วงเวลาที่ปกครองโดยไคเซอร์ (ค.ศ. 1871–1918) มักใช้คำว่า Kaiserreich[1]
เจ้าชายแห่งสหพันธรัฐ (Bundesfürst) เป็นคำที่ใช้เรียกประมุขแห่งรัฐหรือกษัตริย์ของรัฐต่าง ๆ ที่ประกอบกันเป็นจักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิเยอรมันเป็นรัฐสหพันธรัฐ โดยที่แต่ละรัฐยังคงมีอำนาจอธิปไตยของตนเอง ในช่วงเวลาดังกล่าว มีเจ้าชายแห่งสหพันธรัฐทั้งหมด 22 พระองค์ รวมถึงประมุขเสรีรัฐ 3 คน และผู้สำเร็จราชการของดินแดน อาลซัส-ลอแรน ซึ่งเป็นดินแดนอาณานิคมของจักรวรรดิ รัฐต่าง ๆ ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเยอรมันโดยสนธิสัญญาในปี ค.ศ. 1871 จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเยอรมันได้รับพระอิสริยยศว่า "จักรพรรดิเยอรมัน" (German Emperor) ซึ่งเลี่ยงที่จะใช้คำว่า "จักรพรรดิแห่งเยอรมนี" (Emperor of Germany) และจักรพรรดิยังทรงดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายแห่งสหพันธรัฐด้วยในฐานะ พระมหากษัตริย์ปรัสเซีย (King of Prussia) ซึ่งเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ
ในจำนวนเจ้าชายแห่งสหพันธรัฐนั้น
- 4 พระองค์ ทรงมีพระอิสริยยศเป็น กษัตริย์ (König) ได้แก่ กษัตริย์แห่งปรัสเซีย, บาวาเรีย, ซัคเซิน และเวือร์ทเทิมแบร์ค
- 6 พระองค์ ทรงมีพระอิสริยยศเป็น แกรนด์ดยุก (Großherzog)
- 5 พระองค์ ทรงมีพระอิสริยยศเป็น ดยุก (Herzog)
- 7 พระองค์ ทรงมีพระอิสริยยศเป็น เจ้าชาย (Fürst)
หลังจากการประกาศสละราชสมบัติของ จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 โดยนายกรัฐมนตรีเยอรมันเจ้าชายมัคซีมีลีอานแห่งบาเดิน[2] และการปฏิวัติเยอรมัน ค.ศ. 1918–1919 ชนชั้นขุนนางและราชวงศ์ ถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1919 ด้วยการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญไวมาร์ (Weimar Constitution) ซึ่งทำให้ชาวเยอรมันทุกคนมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย และยกเลิกสิทธิพิเศษ ตำแหน่ง ตราสัญลักษณ์ และศักดินาต่าง ๆ ของชนชั้นขุนนางทั้งหมดในเยอรมนี
รายพระนามนี้ไม่รวมถึงผู้ปกครองท้องถิ่นในอาณานิคมของเยอรมัน เช่น ยูฮีที่ 5 แห่งรวันดา (Yuhi V of Rwanda), มวัมบูตซาที่ 4 แห่งบุรุนดี (Mwambutsa IV of Burundi), และโอเวอีดาแห่งนาอูรู (Aweida of Nauru)
จักรพรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1918)
[แก้]| จักรพรรดิ | พระอิสริยยศ | จักรพรรดินี | สัญลักษณ์ | จักรวรรดิเยอรมัน ค.ศ. 1871 – 1918 |
|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1859 – 1941 |
ฮิสอิมพีเรียลและรอยัลมาเจสตีจักรพรรดิเยอรมันและกษัตริย์แห่งปรัสเซีย วิลเฮ็ล์มที่ 2 ฮิสอิมพีเรียลและรอยัลมาเจสตีจักรพรรดินีเยอรมันและพระราชินีแห่งปรัสเซีย เอากุสเทอ วิคโทรีอา |
ค.ศ. 1858 – 1921 |
ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น ค.ศ. 1871 – 1918 |
ราชอาณาจักร ปรัสเซีย, บาวาเรีย, ซัคเซิน, เวือร์ทเทิมแบร์ค แกรนด์ดัชชี บาเดิน, เฮ็สเซิน, เมคเลินบวร์ค-ชเวรีน, เมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์, อ็อลเดินบวร์ค, ซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค ดัชชี อันฮัลท์, เบราน์ชไวค์, ซัคเซิน-อัลเทินบวร์ค, ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา, ซัคเซิน-ไมนิงเงิน ราชรัฐ ลิพเพอ, ร็อยส์-เกรา, ร็อยส์-ไกรทซ์, เชาม์บวร์ค-ลิพเพอ, ชวาทซ์บวร์ค-รูด็อลชตัท, ชวาทซ์บวร์ค-ซ็อนเดิร์สเฮาเซิน, วัลเด็คและเพือร์ม็อนท์ เสรีนครฮันเซอ เบรเมิน, ฮัมบวร์ค, ลือเบ็ค ดินแดนอิมพีเรียล (Reichsland) อาลซัส-ลอแรน |
พระมหากษัตริย์และราชอาณาจักร (ค.ศ. 1918)
[แก้]แกรนด์ดยุกและแกรนด์ดัชชี (ค.ศ. 1918)
[แก้]ดยุกและดัชชี (ค.ศ. 1918)
[แก้]เจ้าชายและราชรัฐ (ค.ศ. 1918)
[แก้]| ผู้ปกครอง | พระอิสริยยศ | ตราอาร์ม-ธง | ราชวงศ์-ราชรัฐ | แผนที่ | คู่อภิเษก-พระราชบุตร |
|---|---|---|---|---|---|
| เจ้าชาย เลโอพ็อลท์ที่ 4 ค.ศ. 1871 – 1949 |
ราชวงศ์ลิพเพอ ค.ศ. 1123 – 1918 ราชรัฐลิพเพอ ค.ศ. 1123 – 1918 |
คู่อภิเษก: (1) เจ้าหญิงแบร์ธาแห่งเฮสเซอ-ฟิลิปส์ทาล-บาร์ชเฟลด์ (2) เจ้าหญิงอันนาแห่งอีเซนบวร์กและบืดิงเงิน พระราชบุตร: | |||
| เจ้าชาย อดอล์ฟที่ 2 ค.ศ. 1883 – 1936 |
ราชวงศ์ลิพเพอ ค.ศ. 1123 – 1918 ราชรัฐเชาม์บวร์ค-ลิพเพอ ค.ศ. 1643 – 1918 |
คู่อภิเษก: (1) เอลเลน บิชอฟ คอร์ธเฮาส์ (ค.ศ. 1894–1936) | |||
| เจ้าชาย กึนเทอร์ วิคทอร์ ค.ศ. 1852 – 1925 |
ราชวงศ์ชวาทซ์บวร์ค ประมาณศตวรรษที่ 11 – ค.ศ. 1918 ราชรัฐชวาทซ์บวร์ค-รูด็อลชตัท ค.ศ. 1599 – 1919 ราชรัฐชวาทซ์บวร์ค-ซ็อนเดิร์สเฮาเซิน (ค.ศ. 1909 – 1920) |
คู่อภิเษก: (1) เจ้าหญิงอันนา ลุยเซอเแห่งเชินบวร์ค-วัลเดนบวร์ค | |||
| เจ้าชาย ฟรีดริช ค.ศ. 1865 – 1946 |
ราชวงศ์วัลเด็คและเพือร์ม็อนท์ ค.ศ. 1815 – 1918 ราชรัฐวัลเด็คและเพือร์ม็อนท์ ค.ศ. 1180 – 1918 |
คู่อภิเษก: (1) เจ้าหญิงบาทิลดิสแห่งเชาม์บวร์ค-ลิพเพอ พระราชบุตร: | |||
| เจ้าชาย ไฮน์ริชที่ 24 ค.ศ. 1878 – 1927 |
ราชวงศ์ร็อยส์ (สายอาวุโส) ค.ศ. 1778 – 1918 ราชรัฐร็อยส์-ไกรทซ์ ค.ศ. 1778 – 1918 |
||||
| เจ้าชาย ไฮน์ริชที่ 27 ค.ศ. 1858 – 1928 |
ราชวงศ์ร็อยส์ (สายรอง) ค.ศ. 1913 – 1918 ราชรัฐร็อยส์-เกรา ค.ศ. 1806 – 1918 |
คู่อภิเษก: (1) เจ้าหญิงเอลีเซอแห่งโฮเฮนโลเฮ-ลังเงินบวร์ค พระราชบุตร: |
การสละราชสมบัติในเหตุการณ์ปฏิวัติเดือนพฤศจิกายน
[แก้]ตลอดเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1918 บรรดากษัตริย์และเจ้าผู้ครองรัฐทั้ง 22 พระองค์ ภายในจักรวรรดิเยอรมันต่างถูกบังคับให้สละราชสมบัติหรือทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติเอง โดย แอ็นสท์ เอากุสท์ ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์ เป็นพระองค์แรกที่สละราชสมบัติในวันที่ 8 พฤศจิกายน ต่อมาในวันที่ 9 พฤศจิกายน จักรพรรดิและกษัตริย์แห่งปรัสเซียและจักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 เสด็จลี้ภัยไปยังเนเธอร์แลนด์ ขณะที่การสละราชสมบัติของพระองค์ (ซึ่งพระองค์จะไม่ทรงยืนยันอย่างเป็นทางการจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน) ถูกประกาศโดย นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมันและมุขนายกแห่งปรัสเซีย เจ้าชายมัคซีมีลีอานแห่งบาเดิน
ในวันเดียวกันนั้นเอง ฟิลลิพ ไชเดอมัน ประธานร่วมของพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมันสายสายกลาง (MSPD) ได้ประกาศการก่อตั้ง "สาธารณรัฐเยอรมนี" จากอาคาร ไรชส์ทาค (Reichstag) ต่อหน้าฝูงชนที่มารวมตัวกัน ขณะที่สองชั่วโมงให้หลัง คาร์ล ลีพคเน็ชท์ ผู้นำขบวนการสปาตาคิสท์ (Spartacist) ได้ประกาศตั้ง "สาธารณรัฐสังคมนิยมเสรีแห่งเยอรมนี" จากพระราชวังกรุงเบอร์ลิน
ถึงกระนั้น การประกาศทั้งสองครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์ทางการเมืองยังคงวุ่นวายต่อไปอีกหลายเดือน โดยเกิดสงครามกลางเมืองขนาดย่อมระหว่างฝ่ายปฏิวัติฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงและรัฐบาลสังคมประชาธิปไตยสายกลางที่สืบทอดอำนาจจากจักรวรรดิ ซึ่งท้ายที่สุดรัฐบาลสายกลางเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ และก่อตั้งเป็น สาธารณรัฐไวมาร์
อย่างไรก็ตาม การประกาศสาธารณรัฐและการสละราชสมบัติของจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ได้ก่อให้เกิด "ปรากฏการณ์โดมิโน" อันทรงพลัง ทำให้ในวันเดียวกันนั้น เจ้าผู้ครองรัฐหลายพระองค์ทยอยสละราชสมบัติตามมา และภายในหนึ่งสัปดาห์พระมหากษัตริย์ส่วนใหญ่ในเยอรมนีต่างสละราชสมบัติจนหมดสิ้น โดยพระองค์สุดท้ายที่สละราชสมบัติคือพระเจ้าวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเวือร์ทเทิมแบร์คซึ่งทรงประกาศสละราชสมบัติในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
แถลงการณ์สละราชสมบัติของจักรพรรดิ (ค.ศ. 1918)
[แก้]ข้าพเจ้าขอสละสิทธิ์ในบัลลังก์แห่งปรัสเซีย และบัลลังก์จักรวรรดิเยอรมันอย่างเป็นการถาวร ในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าขอปลดเปลื้องภาระหน้าที่ของข้าราชการทุกคนแห่งจักรวรรดิเยอรมันและปรัสเซีย ตลอดจนเหล่านายทหาร นายทหารชั้นประทวน และพลทหาร ทั้งในกองทัพเรือและกองทัพบกปรัสเซีย รวมถึงกองทหารของรัฐสมาชิกแห่งจักรวรรดิเยอรมัน ออกจากคำสัตย์ปฏิญาณความจงรักภักดีที่พวกเขาเคยให้ไว้ต่อข้าพเจ้าในฐานะจักรพรรดิ กษัตริย์ และจอมทัพสูงสุด
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจนกว่าความสงบเรียบร้อยจะได้รับการฟื้นฟูในจักรวรรดิเยอรมัน พวกเขาจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีอำนาจปกครองจริงในเยอรมนีในการปกป้องประชาชนเยอรมันจากอันตรายที่กำลังคุกคาม อันได้แก่ อนาธิปไตย ความอดอยาก และการตกอยู่ภายใต้การปกครองของต่างชาติ ประกาศโดยข้าพเจ้าด้วยลายมือของข้าพเจ้าแนบด้วยตราประทับจักรพรรดิ
อาเมรองเงิน, 19 พฤศจิกายน 1918
ลงนาม: วิลเฮ็ล์ม[3]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Billinger, Robert D.; Brose, Eric Dorn (1999-05). "German History 1789-1871: From the Holy Roman Empire to the Bismarckian Reich". German Studies Review. 22 (2): 288. doi:10.2307/1432080. ISSN 0149-7952.
{{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=(help) - ↑ Janz, Oliver (2019), "1914-1918-online: The International Encyclopedia of the First World War", Cent ans après : la mémoire de la Première Guerre mondiale, École française d’Athènes, pp. 201–217, ISBN 978-2-86958-302-3, สืบค้นเมื่อ 2025-03-07
- ↑ Ambühl, Rémy, บ.ก. (2024). Documenting Warfare. Boydell & Brewer Ltd. ISBN 978-1-80543-396-5.
Chisholm, Hugh, บ.ก. (1911). . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911. Vol. 28 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์. pp. 667–669.





































