สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
| สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ | |
|---|---|
พระบรมฉายาลักษณ์ ค.ศ. 2023 | |
| จักรพรรดิญี่ปุ่น | |
| 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 – ปัจจุบัน | |
| บรมราชาภิเษก | 22 ตุลาคม ค.ศ. 2019 พระราชวังหลวงโตเกียว |
| ไดโจไซ | 14–15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 |
| รัชศก | เรวะ |
| รัชทายาท | มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ |
| นายกรัฐมนตรี | |
| ก่อนหน้า | สมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ |
| พระราชสมภพ | 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1960 พระราชวังหลวงโตเกียว |
| พระบรมนามาภิไธย | นารูฮิโตะ (ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1960) |
| พิธีฉลองการเจริญวัย | 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1980 |
| พระราชบิดา | สมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ |
| พระราชมารดา | สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิชิโกะ |
| จักรพรรดินี (โคโง) | สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ (1993–ปัจจุบัน) |
| พระราชโอรส-ธิดา | เจ้าหญิงไอโกะ |
| ศาสนา | ชินโต |
| ราชวงศ์ญี่ปุ่น |
|---|
|
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ |
สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 天皇陛下[1] (徳仁); โรมาจิ: Tennō Heka (Naruhito); อังกฤษ: His Majesty the Emperor Naruhito[2]) ทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 126 แห่งประเทศญี่ปุ่น และทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์ปัจจุบัน[2] ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะกับสมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิชิโกะ
ทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[2] หลังจากสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ (พระบรมราชชนก) สละราชสมบัติ ซึ่งการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นรัชศกใหม่ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า "เรวะ"
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นอาซูซะ (梓)[1]
ที่ประทับหลัก พระตำหนักหลวง (御所) พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว[3]
พระราชประวัติ
[แก้]เจ้าชายฮิโระ
[แก้]มกุฎราชกุมารีมิจิโกะประสูติพระราชโอรส เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 (ปีโชวะที่ 35) เวลา 16:15 น. ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวังหลวง พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว โดยพระราชโอรสมีความยาวพระวรกาย 47 เซนติเมตร และน้ำหนัก 2,540 กรัม[4] อีกทั้งทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรกที่ประสูติในโรงพยาบาล ซึ่งในสมัยก่อนนั้น พระบรมวงศานุวงศ์จะประสูติภายในห้องประสูติที่เขตพระราชฐาน[5]
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 มีการจัดพิธีเฉลิมพระนาม (命名の儀) ซึ่งเป็นธรรมเนียมราชสำนักที่จัดหลังจากการประสูติประมาณ 7 วัน ในพิธีนี้จะมีการตั้งพระนามและกำหนดสัญลักษณ์ประจำพระองค์ เนื่องจากทรงเป็นพระราชโอรสในมกุฎราชกุมาร พระองค์ทรงได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ[6] พระอัยกา (ปู่) ว่า "นารูฮิโตะ"[2] (ญี่ปุ่น: 徳仁; โรมาจิ: Naruhito) อีกทั้งทรงได้รับพระราชทานพระนามโกโชโงว่า "ฮิโระ"[1] (ญี่ปุ่น: 浩宮; โรมาจิ: Hiro-no-Miya)
อักษรคันจิ "徳" (นารู) ในพระนามจริง มาจากวลี "ผู้ที่เข้าถึงคุณธรรมแห่งสวรรค์" (天徳に達するもの) ส่วนอักษรคันจิ "浩" (ฮิโระ) ในพระนามโกโชโง มาจากวลี "ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่" (浩々たる天) โดยทั้งสองวลีนี้อยู่ในบทที่ 32 ของคัมภีร์ "จงยง" (中庸) ซึ่งเป็นวรรณกรรมคลาสสิคของจีน[7]
สื่อญี่ปุ่นจะระบุพระนามพระองค์ในวัยพระเยาว์ว่า "浩宮"[5][6] (Hiro-no-Miya) ส่วนสำนักพระราชวังและสื่อต่างประเทศมีการระบุพระนามในภาษาอังกฤษว่า "Prince Hiro"[2][8][9] (เจ้าชายฮิโระ)
ณ วันประสูติ พระองค์ทรงเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ดังนั้นพระองค์จึงดำรงฐานันดร "ชินโน" หรือเจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น[10]
เจ้าชายฮิโระทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะกับมกุฎราชกุมารีมิจิโกะ ทรงมีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) และ พระขนิษฐา 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงโนริ (ซายาโกะ) ตามลำดับ
หลังการประสูติ พระองค์ทรงมีสถานะเป็นรัชทายาทลำดับที่สองต่อจากพระบิดา (มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ) ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 2[10]
ตามธรรมเนียมราชสำนักเดิมในยุคก่อนสงคราม พระบรมวงศานุวงศ์ที่ประสูติใหม่ เมื่อมีพระชนมายุครบ 3 ชันษา จะได้รับการเลี้ยงดูโดยข้าราชบริพาร แต่มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะกับมกุฎราชกุมารีมิจิโกะ ทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่ทำตามธรรมเนียมเดิม โดยการเลี้ยงดูเจ้าชายฮิโระอย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรกประสูติ[11][12] และมีการยกเลิกระบบการให้นมโดยพระพี่เลี้ยง[13] อีกทั้งพระบิดาก็ยังทรงทำหน้าที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้พระองค์อีกด้วย[14]
ที่ประทับหลักในวัยพระเยาว์ ทรงประทับอยู่กับพระบิดาและพระมารดา ณ พระตำหนักโทงู เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว ซึ่งพระตำหนักโทงู มักจะใช้เป็นชื่อที่ประทับของมกุฎราชกุมาร (โคไตชิ) ซึ่งเป็นพระอิสริยยศของพระบิดาของพระองค์ ณ ขณะนั้น
วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2507 ทรงเข้าศึกษาระดับชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนอนุบาลกากูชูอิน (学習院幼稚園)[15][16]
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 เมื่อพระชนมายุเข้า 5 ชันษา ทรงประกอบพิธีสวมฮากามะ (着袴の儀) และ พิธีฟูกาโซกิ (深曽木の儀)[17]
วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2509 ทรงเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาระดับชั้นอนุบาล[18][19]


วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2509 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนประถมศึกษากากูชูอิน (学習院初等科) พร้อมด้วยพระบิดาและพระมารดา ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของราชวงศ์ญี่ปุ่นที่พระบรมวงศานุวงศ์เข้าร่วมในพิธีเข้ารับการศึกษาของพระราชบุตรด้วยพระองค์เอง[20][21]
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2515 ทรงเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา[22]
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2515 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนมัธยมชายกากูชูอิน (学習院中・高等科)[23]
เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2517 ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พระองค์เสด็จไปยังประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการเสด็จไปเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของพระองค์และเสด็จเพียงลำพัง ซึ่งขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุ 14 ชันษา โดยทรงประทับที่โฮมสเตย์กับครอบครัวชาวเมลเบิร์น[24][25]
วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2518 ทรงเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น[26]
วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2518 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนมัธยมชายกากูชูอิน (学習院中・高等科)[27]
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2521 ทรงเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย[28]
เดือนเมษายน พ.ศ. 2521 ทรงศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学)[29][30]
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ทรงมีพระชนมายุครบ 20 ชันษา ซึ่งถือว่าบรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทรงประกอบพิธีบรรลุนิติภาวะ (加冠の儀)[31][32] และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์[33] หลังจากประกอบพิธีแล้ว พระองค์จะทรงเริ่มมีส่วนร่วมในกิจกรรมของราชวงศ์อย่างเต็มพระองค์

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2525 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี[2] โดยปริญญานิพนธ์ของพระองค์มีชื่อว่า "การคมนาคมทางน้ำในทะเลเซโตะในยุคกลาง" (中世の瀬戸内海の水上交通)[34]
เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2526 ทรงเดินทางไปศึกษาต่อ ณ วิทยาลัยเมอร์ตัน (Merton College) มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร[35] ซึ่งพระองค์ได้มีการทำวิจัยในหัวข้อ "การศึกษาการเดินเรือและการจราจรบนแม่น้ำเทมส์ตอนบนในคริสต์ศตวรรษที่ 18" (A Study of Navigation and Traffic on the Upper Thames in the Eighteenth Century)[36] ซึ่งทรงเสด็จกลับประเทศญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2528[35]
วันที่ 3 - 10 ตุลาคม พ.ศ. 2530 ทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นครั้งแรก เนื่องจากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (พระอัยกา) ทรงพระประชวร ส่วนพระบิดาเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาในช่วงดังกล่าว[37]
พ.ศ. 2531 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学)[30]
มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
[แก้]
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ (พระอัยกา) สวรรคต จึงทำให้พระบิดาเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ที่ 125 แห่งประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเจ้าชายฮิโระจึงทรงมีสถานะเป็นรัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 2[10] หลังการขึ้นครองราชย์ของพระบิดา
พ.ศ. 2533 เจ้าชายฮิโระทรงย้ายที่ประทับจากพระตำหนักโทงูที่เคยประทับร่วมกับพระบิดาและพระมารดา ไปประทับเพียงลำพังที่ตำหนักอากาซากะตะวันออก ในเขตพระราชฐานอากาซากะ[38]
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติครบ 31 ชันษา มีการจัดพระราชพิธี "ริตไตชิ โนะ เร" (ญี่ปุ่น: 立太子の礼; โรมาจิ: Rittaishi-no-Rei) หรือพิธีสถาปนาอิสริยยศของพระองค์ขึ้นเป็น "โคไตชิ" หรือมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ[39] ภายหลังการสถาปนา สำนักพระราชวังได้ระบุพระนามของพระองค์เป็น "皇太子"[40] (Kōtaishi) และในภาษาอังกฤษว่า "Crown Prince Naruhito"[41] อีกทั้งสื่อไทยก็มีการระบุพระนามของพระองค์เป็น "เจ้าชายนารูฮิโตะ มกุฎราชกุมาร"[42][43] หรือ "มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ"[44][45]
พระองค์ทรงปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทั้งในกรณีที่พระชนกเสด็จเยือนต่างประเทศ และกรณีที่พระราชบิดาเสด็จเข้ารับการรักษาพระองค์ รวมทั้งหมด 23 ครั้งตลอดรัชศกเฮเซ โดยครั้งสุดท้ายคือเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม พ.ศ. 2560 เนื่องจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เสด็จเยือนประเทศเวียดนาม[46]
การอภิเษกสมรส
[แก้]
วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2529 พระองค์ทรงพบกับนางสาวมาซาโกะ โอวาดะเป็นครั้งแรก ณ พระตำหนักโทงู ในงานเลี้ยงต้อนรับอินฟันตาเอเลนา ดัชเชสแห่งลูโก หรือเจ้าหญิงแห่งเสปน[47]
นางสาวมาซาโกะ โอวาดะ เธอทำงานเป็นนักการทูตหรือข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ[47] ซึ่งเธอเป็นบุตรสาวของนายฮิซาชิ โอวาดะ นักการทูตและตุลาการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ณ พระตำหนักโทงู ได้มีการจัดงานที่มีลักษณะการคล้ายการดูตัวอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อเฟ้นหาบุคคลที่จะมาเป็นพระชายา ซึ่งนางสาวมาซาโกะ โอวาดะก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในการพบปะเหล่านั้น[48] โดยในตอนแรกชื่อเธอได้ถูกตัดออกจากตัวเลือกของการเป็นพระชายาอยู่ครั้งหนึ่ง เนื่องจากสำนักพระราชวังพยายามมองหาคนที่มีประวัติขาวสะอาดจริงๆ แต่เธอกลับมีปัญหาทางด้านญาติผู้ใหญ่[48][49][50] อย่างไรก็ตามเจ้าชายทรงโปรดเธอไม่น้อย จนถึงขั้นตรัสเอ่ยขึ้นมากับทางหัวหน้าสำนักพระราชวังว่า "คุณมาซาโกะ โอวาดะนั้นเป็นไปไม่ได้หรือครับ" (小和田雅子さんではだめでしょうか)[50] เมื่อทางหัวหน้าสำนักพระราชวังได้ยินพระดำรัสของพระองค์ จึงพยายามทาบทามเธอเรื่อยมา[51] เวลาผ่านไป 5 ปี พระองค์ทรงได้พบกับเธออีกครั้ง โดยในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2535 พระองค์ทรงขอนางสาวมาซาโกะ โอวาดะแต่งงาน ณ สนามล่านกเป็ดน้ำชินฮามะ เมืองอิชิกาวะ จังหวัดชิบะ แต่ ณ ตอนนั้น เธอไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนนักแก่พระองค์[52]
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2535 พระองค์ได้เชิญเธอมาพบอีกครั้ง ณ พระตำหนักโทงู ซึ่งเธอก็ได้ทำการตอบรับคำขอแต่งงานของพระองค์[51][52]
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2536 สภาราชวงศ์ญี่ปุ่นได้ทำการอนุมัติการอภิเษกสมรส[2] และมีการจัดงานแถลงข่าวการอภิเษกสมรส โดยพระดำรัสสำคัญของพระองค์ที่ทรงตรัสต่อเธอคือ "ผมจะปกป้องคุณมาซาโกะอย่างเต็มที่จากนี้ไป" (雅子さんのことは僕が一生全力でお守りしますから)[53][54]
วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2536 จัดพิธีโนไซ (納采の儀) หรือพิธีหมั้น[2]
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2536 มีการจัดพิธีอภิเษกสมรส โดยนางสาวมาซาโกะ โอวาดะได้รับการสถาปนาอิสริยยศเป็น "โคไตชิฮิ" (皇太子妃)[40] หรือพระวรชายาในมกุฎราชกุมาร ซึ่งสำนักพระราชวังได้ระบุพระนามของพระองค์ในภาษาอังกฤษว่า "Crown Princess Masako"[41] (มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ)
ในวันเดียวกันนั้น ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์จากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปยังตำหนักอากาซากะตะวันออก ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราว ในเขตพระราชฐานอากาซากะ เป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยมีประชาชนกว่า 190,000 คนร่วมรับเสด็จ และในการถ่ายทอดสดมีประชาชนร่วมรับชมถึง 85.6%[51][55]
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะและมกุฎราชกุมารีมาซาโกะ ทรงย้ายเข้าไปประทับ ณ พระตำหนักโทงู ตามพระอิสริยยศของพระองค์ หลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะย้ายออกจากพระตำหนักโทงูไปประทับยังพระราชวังหลวงโตเกียวแล้วและมีการปรับปรุงพระตำหนักเสร็จสิ้น[56][57]
หลังการอภิเษกสมรส
[แก้]หลังจากการอภิเษกสมรส มกุฎราชกุมารีมาซาโกะทรงได้รับความกดดันเป็นอย่างมากในการให้กำเนิดรัชทายาทชาย ซึ่งในช่วงแรกนั้นทั้งสองพระองค์ก็คาดหวังที่จะตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ จนเวลาล่วงเลยมา 3 - 4 ปีหลังการอภิเษกสมรส พระชายาก็ยังไม่ตั้งพระครรภ์[58] จนในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2541 ทั้งสองพระองค์ได้เริ่มเข้ารับการปรึกษาจากทางแพทย์ และได้เข้าสู่กระบวนการรักษาตามภาวะของการมีบุตรยากอย่างเต็มรูปแบบใน พ.ศ. 2542[58]
ถัดมาไม่นาน พระวรกายของพระชายาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิ แต่ผลการตรวจยังไม่แน่ชัดว่าทรงพระครรภ์หรือไม่ พร้อมกับปฏิกิริยาของทางพนักงานสำนักพระราชวังที่เปลี่ยนแปลงไป และมีการยกเลิกแผนกำหนดการเสด็จเยือนเยอรมนี จึงทำให้ในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2542 หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุนทำการพาดหัวข่าวว่าพระชายาทรงแสดงอาการตั้งพระครรภ์แล้ว แต่ทางสำนักพระราชวังก็ออกแถลงการณ์ว่าการตั้งพระครรภ์ยังไม่เป็นที่ยืนยัน[58] จนในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2542 มกุฎราชกุมารีมาซาโกะทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง และมีการวินิจฉัยว่าทรงแท้ง[58][59]

วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2544 มีการประกาศจากทางสำนักพระราชวังอีกครั้งว่ามีแนวโน้มที่พระชายาทรงพระครรภ์ และได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ว่าจะทรงมีกำหนดการประสูติในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม[58]
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2544 มกุฎราชกุมารีมาซาโกะได้ทำการประสูติพระราชธิดา เจ้าหญิงโทชิ (ไอโกะ)[58]
หลังการประสูติ ความกดดันจากผู้คนรอบข้างก็ยังไม่หายไป เนื่องจากกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 2 กำหนดให้มีเพียงแค่ผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถสืบราชสมบัติได้[10] จึงยังมีเสียงความคาดหวังให้พระชายาทรงพระครรภ์ทายาทชายอีกครั้ง จนใน พ.ศ. 2546 พระชายาประชวรโรคงูสวัดเนื่องจากความเครียด และมีการประกาศว่าพระชายาจะมีการรักษาพระองค์เป็นระยะยาว จนเจ้าชายทรงออกพระดำรัสปกป้องพระชายาว่า "สุขภาพของมาซาโกะยังคงมีขึ้นๆ ลงๆ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของราชวงศ์ แต่ความพยายามนั้นก็อ่อนล้าเต็มที และเป็นความจริงที่ว่ามีคนที่พยายามลดทอนคุณค่าความสามารถและบุคลิกภาพของมาซาโกะ"[60][61][62]
พ.ศ. 2547 มีการประกาศอีกว่าพระชายาทรงประชวรโรคภาวะการปรับตัวผิดปกติ (適応障害)[63] จึงทำให้ไม่ค่อยเห็นภาพของพระชายาปรากฏคู่กับพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นต้นมา[62] จนในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พระองค์ทรงมีแถลงการณ์ถึงสาธารณชนให้พยายามเข้าใจพระชายาว่า "ข้าพเจ้าอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า มาซาโกะจะยังคงดำเนินตามความพยายามสูงสุดของเธอต่อไปด้วยกำลังใจจากผู้คนรอบข้าง โปรดเฝ้ามองเธอต่อไปด้วยความเห็นใจ"[64][65]

วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชบิดา ทรงเผยแพร่พระราชสาสน์ต่อประชาชนถึงพระราชประสงค์ของพระองค์ที่จะสละราชสมบัติผ่านวิดิโอ โดยทรงกังวลถึงพระชนมายุของพระองค์ต่อการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในสถานะสัญลักษณ์ของประเทศ รวมถึงพระพลานามัยของพระองค์ที่อ่อนล้าลงอีกด้วย[66]
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 สภาราชวงศ์ญี่ปุ่นได้มีมติกำหนดวันสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เป็นวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 และวันขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิพระองค์ใหม่ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[67]
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562 โยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการใหญ่คณะรัฐมนตรี ได้ประกาศชื่อของรัชศกใหม่ว่า "เรวะ" ซึ่งจะนำมาใช้แทนรัชศก "เฮเซ" ที่จะสิ้นสุดลงเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ สละราชสมบัติ[68]
วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิ[69] โดยในมาตรา 2 ระบุว่า เมื่อจักรพรรดิสละราชสมบัติ ณ วันที่มีผลบังคับใช้ มกุฎราชกุมารจะสืบราชสมบัติต่อทันที

สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
[แก้]วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "ไทเรเซเดน" (退位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชบิดา ณ พระราชวังหลวงโตเกียว[70] ซึ่งเป็นการสละราชสมบัติของจักรพรรดิญี่ปุ่นในรอบ 200 กว่าปี[71] โดยครั้งล่าสุดคือการสละราชสมบัติของจักรพรรดิโคกากุ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2360
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 00:00 นาฬิกา กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิได้มีการบังคับใช้[69] จึงทำให้มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ รัชศกได้เปลี่ยนเป็นปีเรวะ ที่ 1 อีกทั้งได้มีการกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นวันหยุดพิเศษของญี่ปุ่น[72] และในวันเดียวกันได้มีการประกอบพระราชพิธีดังนี้
- พระราชพิธี "เคนจิโทโชเค" (剣璽等承継の儀) หรือพระราชพิธีรับไตรราชกกุธภัณฑ์[73], ตราแผ่นดิน, และตราประจำพระองค์ ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว ซึ่งเป็นพระราชพิธีทางสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการสืบราชสมบัติ โดยในพระราชพิธีมีเพียงพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าที่บรรลุนิติภาวะ, ประมุข 3 ฝ่าย, และคณะรัฐมนตรีเท่านั้นที่ได้เข้าร่วม[74][75] อย่างไรก็ตามมีสตรีเพียงบุคคลเดียวที่ได้เข้าร่วมในงานพระราชพิธีนี้คือ นางซาสึกิ คาตายามะ (片山 さつき) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงส่งเสริมบทบาทสตรี[76]
- พระราชพิธี "โซกุยโงโจเก็น" (即位後朝見の儀) หรือพระราชพิธีเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่บรรลุนิติภาวะ, ประมุข 3 ฝ่าย, และตัวแทนประชาชนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมพระราชพิธีนี้ [77][78]

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "โซกุยเรเซเด็น" (即位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ จะเสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "ทากามิกูระ" (高御座) ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[71][79] ด้วยฉลองพระองค์อันประกอบไปด้วย
- ชุด "โคโรเซ็นโนะโงโฮ" (黄櫨染御袍) เป็นชุดพิธีการโบราณประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "โซกูไต" (束帯) แต่มีสีแดงอมน้ำตาล ซึ่งเป็นสีฉลองพระองค์สำหรับจักรพรรดิเท่านั้น[80]
- มงกุฎ "โอริวเอ-โนะ-คัมมูริ" (御立纓の冠) เป็นมงกุฎโบราณประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "คัมมูริ" (冠) มักใช้สวมคู่กับชุด "โซกูไต" แต่มีปลายยกขึ้นสูง 60 เซ็นติเมตร ซึ่งเป็นมงกุฎสำหรับจักรพรรดิเท่านั้น[81]
- พระหัตถ์ถือ "ฮู่" (笏) โดยมีลักษณะเป็นแผ่นไม้ยาว มักใช้ถือเมื่อสวมชุด "โซกูไต"
หลังจากสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะประทับบนพระราชบัลลังก์ทาคามิกูระแล้ว ได้มีการเปิดพระวิสูตร จากนั้นพระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า[82]

"ตามที่ข้าพเจ้าได้ขึ้นสืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นและกฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิ บัดนี้ ข้าพเจ้าขอประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระที่นั่งเซเด็น และขอประกาศการบรมราชาภิเษกนี้ให้สาธารณชนทั้งในและต่างประเทศได้รับทราบ ข้าพเจ้าใคร่ขอระลึกถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ก่อนผู้ทรงสละราชสมบัติ ซึ่งตลอดระยะเวลามากกว่า 30 ปีบนพระราชบัลลังก์ พระองค์ทรงสวดอ้อนวอนขอให้ประชาชนมีความสุขและสันติภาพของโลกอยู่เสมอ ทรงร่วมสุขร่วมทุกข์กับประชาชน และทรงแสดงความเมตตาผ่านพระราชจริยวัตรของพระองค์เอง ข้าพเจ้าขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะปฏิบัติตนตามรัฐธรรมนูญและเติมเต็มความรับผิดชอบในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐและเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวญี่ปุ่น พร้อมทั้งปรารถนาให้ประชาชนมีความสุขและสันติภาพของโลกอยู่เสมอ โดยจะระลึกถึงประชาชนและยืนเคียงข้างพวกเขา ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศของเราจะก้าวหน้าต่อไปด้วยปัญญาและความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของประชาชน และจะร่วมสร้างสรรค์มิตรภาพและสันติภาพของประชาคมระหว่างประเทศ ตลอดจนความอยู่ดีมีสุขและความเจริญรุ่งเรืองของมนุษยชาติ"

มีผู้แทนจากประเทศต่างๆ จำนวน 160 ประเทศ เข้าร่วมในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[83] โดยนายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เข้าร่วมในฐานะตัวแทนประเทศไทย อีกทั้งได้มีการกำหนดให้วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เป็นวันหยุดพิเศษของญี่ปุ่น[72]
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "โชกูงะ อนเร็ตสึ" (祝賀御列の儀) หรือพระราชพิธีขบวนแห่เฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปยังพระตำหนักอากาซากะ (赤坂御所) ในเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) โดยมีประชาชนกว่า 119,000 คนร่วมรับเสด็จตลอดสองข้างทาง[84][85]
วันที่ 14 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "ไดโจไซ" (大嘗宮の儀) ซึ่งเป็นโบราณราชพิธีหลังจากการขึ้นครองราชสมบัติของจักรพรรดิ โดยจัดขึ้นในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืดวันถัดไป พระราชพิธีนี้เป็นพิธีอธิษฐานของจักรพรรดิเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนสงบสุข รวมถึงขอให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะทรงฉลองพระองค์สีขาวที่เรียกว่า "โกไซฟูกุ" (御祭服) ซึ่งเป็นฉลองพระองค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์[86][87]
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "เค็นโช มิกางูระ" (賢所御神楽の儀) ณ ศาลเจ้าเค็นโช พระราชวังหลวงโตเกียว เพื่อทำความเคารพศักการะต่อเทพีอามาเตราซุ ซึ่งถือเป็นพระราชพิธีสุดท้ายทีเกี่ยวข้องกับการขึ้นครองราชสมบัติของจักรพรรดิ[88][89]
วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564 ทรงย้ายมาประทับที่พระตำหนักหลวง (御所) พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว เป็นการถาวร หลังจากที่ได้มีการปรับปรุงพระตำหนักเสร็จสิ้นแล้ว พระตำหนักนี้จะเป็นที่ประทับหลักของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ, สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ, และเจ้าหญิงไอโกะ พระราชธิดา [90]
พระราชกรณียกิจ
[แก้]
พิธีราชสำนัก
[แก้]- ทุกวันที่ 1 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-ชูกูงะ" (新年祝賀の儀) เพื่อรับการถวายพระพรปีใหม่ จากพระบรมวงศานุวงศ์และคณะรัฐมนตรี ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[91]
- ทุกวันที่ 2 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-อิปปัน-ซังงะ" (新年一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[92]
- ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) ซึ่งเป็นการเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[93]
- ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "อูตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始の儀) ซึ่งเป็นพิธีการขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[94]
- ทุกวันที่ 23 กุมภาพันธ์ของทุกปี มีการจัดพิธี "เท็นโน-ทันโจบิ-อิปปัน-ซังงะ" (天皇誕生日一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[95]
- ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ทรงเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชา เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) กรุงโตเกียว[96]
กิจการของรัฐ
[แก้]จักรพรรดิทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งญี่ปุ่น และจะทรงกระทำเฉพาะกิจการของรัฐตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น อันได้แก่
- พิธี "ชินนินชิกิ" (親任式) เป็นพิธีแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีหลังจากได้รับการเสนอชื่อจากรัฐสภา หรือเป็นพิธีแต่งตั้งประธานศาลสูงสุด หลังจากได้รับการเสนอชื่อจากคณะรัฐมนตรี[97]
- พิธี "นินโชกันนินเมชิกิ" (認証官任命式) เป็นพิธีรับรองเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงทั้งหมด 17 ตำแหน่ง หลังจากได้รับการเสนอชื่อจากคณะรัฐมนตรี เช่น รัฐมนตรีว่าการ, กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน, เอกอัครราชทูตสามัญผู้มีอำนาจเต็ม, ผู้พิพากษาศาลสูงสุด เป็นต้น[98]
- พิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ซึ่งจะจัดในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี[99]
- พิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์วัฒนธรรม ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันที่ 3 พฤศจิกายนของทุกปี[99]
- พิธีถวายสาส์นตราตั้ง โดยเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มคนใหม่จากต่างประเทศ จะทำการถวายถวายสาส์นตราตั้งแด่พระองค์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือรัฐมนตรีคนอื่น เข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย[100]
ความสนพระทัยทางด้านน้ำ
[แก้]
พระองค์ทรงมีความสนพระทัยทางด้านน้ำเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการทำปริญญานิพนธ์ "การคมนาคมทางน้ำในทะเลเซโตะในยุคกลาง"[34] ในระดับปริญญาตรี และการทำวิจัยเรื่อง "การศึกษาการเดินเรือและการจราจรบนแม่น้ำเทมส์ตอนบนในคริสต์ศตวรรษที่ 18" ขณะที่ทรงศึกษาที่สหราชอาณาจักร[36] จึงทรงมีพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมากมาย ได้แก่
- ทรงได้รับตำแหน่ง ประธานกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการที่ปรึกษาของสหประชาชาติว่าด้วยน้ำและสุขาภิบาล (UN Secretary-General's Advisory Board on Water and Sanitation)[101] ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการหารือและผลักดันประเด็นปัญหาน้ำและสุขาภิบาลในระดับโลก
- ทรงเข้าร่วมการประชุม World Water Forum ครั้งที่ 3[102], 4[103], 5[104], 8[104] ทั้งที่จัดในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการประชุมระดับนานาชาติเกี่ยวกับน้ำ
- ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้ำ "水運史から世界の水へ" (จากประวัติศาสตร์การเดินเรือสู่โลกแห่งน้ำ) ISBN 978-4140817728
- ทรงเข้าร่วมการสัมมนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ[105]
- ทรงเข้าร่วมเทศกาลแห่งท้องทะเล (全国豊かな海づくり大会式典行事) เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางทะเลและแม่น้ำ[106]

การกีฬา
[แก้]- วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2563 ทรงเข้าร่วมชมการแข่งขันแกรนด์ซูโม่ทัวร์นาเมนต์ ณ สนามกีฬาแห่งชาติเรียวโงกุ เขตซูมิดะ กรุงโตเกียว โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ และเจ้าหญิงไอโกะดำเนินเสด็จด้วย[107]
- วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ทรงเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ซึ่งกรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพ ณ สนามกีฬาแห่งชาติใหม่ โดยเลื่อนมาจากกำหนดการเดิมในปี พ.ศ. 2563 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 จึงทำให้พระราชดำรัสในพิธีเปิดของพระองค์จะไม่มีคำที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลอง[108]
การกุศล
[แก้]- เนื่องในวโรกาสการขึ้นครองราชสมบัติของพระองค์ ทรงบริจาคเงิน 50 ล้านเยนให้กับกองทุนสนับสนุนอนาคตเด็ก (子供の未来応援基金へ) และ 50 ล้านเยนให้กับองค์การไม่แสวงหาผลกำไร (特定非営利活動法人) ซึ่งการบริจาคเงินของราชวงศ์ญี่ปุ่นที่เป็นจำนวนมากกว่า 18 ล้านเยนต่อปีนั้น ต้องได้รับการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 8[109][110]
การส่งเสริมเยาวชน
[แก้]- โครงการ "มาเมะ-กิชะ" (豆記者) หรือนักข่าวตัวจิ๋ว เป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่กับเกาะโอกินาวะ โดยเหล่านักเรียนจะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ที่พระราชวัง แล้วพระองค์จะมีพระปฏิสันถารกับนักเรียนในเรื่องต่างๆ เช่น ธรรมชาติ อาหารท้องถิ่น ซึ่งพระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนี้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร โดยทรงรับต่อมาจากพระบรมราชชนก ปัจจุบันหลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชย์นั้น พระราชกรณียกิจนี้ได้ถูกส่งต่อไปให้มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ พระราชอนุชา[111]
- ทรงเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เด็ก V&A ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต (Victoria and Albert Museum) โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมและจัดแสดงสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและประสบการณ์ของเด็กๆ[112]
- ทรงเยี่ยมชมโรงเรียนอนุบาล เพื่อทอดพระเนตรกิจกรรมของเหล่าเด็กๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ[113]

การรำลึกถึงความสูญเสียจากสงคราม
[แก้]- ทรงวางดอกไม้แสดงความอาลัย เมื่อทรงเสด็จไปที่อนุสรณ์สถานที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียจากสงคราม โดย เฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณู[114], อนุสรณ์หอคอยโคซากุระ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การล่มของเรือสึชิมะ มารุ (対馬丸)[115], อนุสาวรีย์ผู้เสียชีวิตในสงครามอิโอจิมะ[116]
- ทรงเข้าเยี่ยมศูนย์ดูแลผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ปรมาณูที่ฮิโรชิมา[117], พูดคุยการผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์การล่มของเรือสึชิมะ มารุ (対馬丸)[118]
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
[แก้]- ทรงเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล "Japan Prize" ซึ่งจะทำการมอบรางวัลให้กับนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลกที่มีผลงานโดดเด่นและเป็นประโยชน์อย่างมากในระดับโลก[119]
- ทรงเข้าร่วมพิธีเปิดงาน Osaka World Expo 2025 และทรงเข้าร่วมชมพาวิลเลียนต่างๆในงาน[120]

ด้านธรรมชาติ
[แก้]- ทรงร่วมพิธีเทศกาลปลูกต้นไม้แห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการปลูกป่าและอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยพระองค์จะทรงร่วมทำการปลูกต้นไม้ในงานพิธีนี้[121]
- ทรงเข้าร่วม "พิธีมอบรางวัลมิโดริ" (みどりの式典) เพื่อยกย่องและมอบรางวัลให้กับบุคคลหรือองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู หรือสร้างพื้นที่สีเขียว รวมถึงการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับป่าไม้และสิ่งแวดล้อม[122]
การเยียวยาพื้นที่ภัยพิบัติ
[แก้]เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538
[แก้]- วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2538 ทรงเสด็จเยือนประเทศในแถบตะวันออกกลางพร้อมกับมกุฎราชกุมารีมาซาโกะ (พระยศ ณ ขณะนั้น) ซึ่งทรงเสด็จไปหลังจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง เพียง 3 วัน ด้วยผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดความเสียหายต่อประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก พระองค์จึงต้องทรงกลับประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่ากำหนดการเดิมถึง 3 วัน[123]
- ทรงเสด็จเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับการประสบภัยหลังจากเกิดเหตุได้ 2 สัปดาห์ และทรงเสด็จอีกครั้งในเดือนมีนาคม[124]
- ทรงเสด็จเข้าร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 10 ปี (พ.ศ. 2548), ครบรอบ 15 ปี (พ.ศ. 2553), และครบรอบ 30 ปี (พ.ศ. 2568) ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้[124][125]
เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ พ.ศ. 2554
[แก้]- วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทรงร่วมเล่นวิโอลาในคอนเสิร์ตการกุศลของวงออร์เคสตราศิษย์เก่ามหาวิทยากากูชูอิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว[126]
- ทรงลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยกว่า 10 ครั้ง เช่น วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ทรงเยี่ยมประชาชนที่อพยพจากพื้นที่ประสบภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จังหวัดฟูกูชิมะ มายังศูนย์ราชการมิซูนูมะ เมืองมิซาโตะ จังหวัดไซตามะ[127], วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ทรงเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ประสบภัย จังหวัดมิยางิ[128]
เหตุการณ์พายุไต้ฝุ่นฮากิบิส พ.ศ. 2562
[แก้]เหตุการณ์แผ่นดินไหวในคาบสมุทรโนโตะ พ.ศ. 2567
[แก้]| ประเทศ | วันที่ | พระราชกรณียกิจ | เสด็จพร้อมด้วย |
|---|---|---|---|
| 16 - 30 สิงหาคม พ.ศ. 2517 | เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ตอนปิดเทอมฤดูร้อน | ||
| 11 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2545 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 7 - 18 สิงหาคม พ.ศ. 2519 | เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ | ||
| 23 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2532 | ทรงร่วมพิธีเปิดเทศกาลญี่ปุ่น-ยุโรป | ||
| 17 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2533 | ทรงเข้าร่วมงานการประชุม
สมาคมประวัติศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ครั้งที่ 10 |
||
| 3 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2542 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายฟีลิป ดยุกแห่งบราบันต์ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 7 - 18 สิงหาคม พ.ศ. 2519 | เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ | ||
| 18 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2535 | ทรงเข้าร่วมชมพิธีเปิดงานโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 | ||
| 12 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 16 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 10 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 | ทรงร่วมงานครบรอบ 400 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต | ||
| 3 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2525 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 16 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551 | ทรงร่วมงานครบรอบ 100 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น | ||
| 16 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2561 | ทรงร่วมงานการประชุม World Water Forum ครั้งที่ 8 | ||
| 20 มิถุนายน พ.ศ. 2526 -
31 ตุลาคม พ.ศ. 2528 |
ทรงศึกษาต่อ วิทยาลัยเมอร์ตัน (Merton College) | ||
| 20 - 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 11 - 24 กันยายน พ.ศ. 2534 | ทรงร่วมพิธีเปิดงาน "Japan Festival 1991" | ||
| 18 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 | ทรงร่วมพิธีเปิดงาน "Japan 2001" | ||
| 10 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2530 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 28 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 | ทรงร่วมงานพระบรมศพของสมเด็จพระราชาธิบดีโอลาฟที่ 5 | ||
| 11 - 24 กันยายน พ.ศ. 2534 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 18 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2535 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 18 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2535 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 15 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 | ทรงร่วมงานการประชุม World Water Forum ครั้งที่ 4 | ||
| 5 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 3 - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2548 | ทรงร่วมงานพระบรมศพของ | ||
| 26 - 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554 | ทรงร่วมงานพระศพสุลต่าน บิน อับดุลอะซิซ
มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย |
||
| 20 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | ทรงร่วมงานพระศพนาเยฟ บิน อับดุลอะซิซ
มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย |
||
| 25 - 26 มกราคม พ.ศ. 2558 | ทรงร่วมงานพระบรมศพของ | ||
| 5 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 20 - 28 มกราคม พ.ศ. 2538 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 20 - 28 มกราคม พ.ศ. 2538 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 8 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 | ทรงร่วมงานพระบรมศพของ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 30 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 28 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 | ทรงร่วมงานบรมราชาภิเษกของ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 17 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2549 | เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ตามคำเชิญของ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 11 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2545 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 12 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 15 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560 | ทรงร่วมงานครบรอบ 150 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต | ||
| 12 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 8 - 11 กันยายน พ.ศ. 2547 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 18 - 20 กันยายน พ.ศ. 2549 | ทรงร่วมงานพระบรมศพของ | ||
| 30 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551 | ทรงร่วมงานบรมราชาภิเษกของ | ||
| 2 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 | ทรงร่วมงานบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีตูโปอูที่ 6 | มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ | |
| 10 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 9 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 14 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2552 | ทรงร่วมงานการประชุม World Water Forum ครั้งที่ 5 | ||
| 6 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2553 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 17 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 17 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 25 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | ||
| 18 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 | ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของ | ||
| 5 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2556 | ทรงร่วมการประชุมพิเศษเกี่ยวกับน้ำและภัยพิบัติ | ||
| 17 - 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 | ทรงร่วมการประชุมพิเศษเกี่ยวกับน้ำและภัยพิบัติ | ||
| 9 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | ทรงร่วมงานพิธีรำลึกอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา | ||
| 17 - 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 | ทรงร่วมงานครบรอบ 150 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต | ||
| 13 - 17 เมษายน พ.ศ. 2560 | ทรงร่วมงานครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต | ||
| 7 - 15 กันยายน พ.ศ. 2561 | ทรงร่วมงานครบรอบ 160 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต | ||
| ภายหลังการขึ้นครองราชย์ | |||
| 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2565 | ทรงร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 | สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ | |
| 22 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ | |
| 17 - 23 มิภุนายน พ.ศ. 2566 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ | |
| 13 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[135] | สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ | |
การต้อนรับประมุขจากต่างประเทศ
[แก้]
หลังจากที่ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ต้อนรับการมาเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของประมุขจากต่างประเทศในฐานะแขกของรัฐ (国賓)[136] ดังนี้
- วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา โดยเป็นประมุขจากประเทศแรกที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการหลังจากการขึ้นครองราชย์ของพระองค์[137]
- วันที่ 25 - 27 มีนาคม พ.ศ. 2568 ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล และโรซานเจลา ดา ซิลวา ภริยา[138]

ตำแหน่งในองค์กร
[แก้]- พ.ศ. 2532 - 2562 รองประธานกิตติมศักดิ์ สภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社)[139]
- พ.ศ. 2532 - 2533 ประธานกิตติมศักดิ์ งานมหกรรมพืชสวนโลก 1990[140]
- พ.ศ. 2544 ประธานกิตติมศักดิ์ งาน Japan 2001[141]
- พ.ศ. 2546 ประธานกิตติมศักดิ์ การประชุม World Water Forum ครั้งที่ 3[102]
- พ.ศ. 2548 ประธานกิตติมศักดิ์ งานนิทรรศการโลก (World Expo Aichi 2005)[142]
- พ.ศ. 2548 - 2549 ประธานกิตติมศักดิ์ งานเยอรมนีในญี่ปุ่น (日本におけるドイツ)[143]
- พ.ศ. 2550 - 2558 ประธานกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการที่ปรึกษาของสหประชาชาติว่าด้วยน้ำและสุขาภิบาล (UN Secretary-General's Advisory Board on Water and Sanitation)[101]
- พ.ศ. 2550 ประธานกิตติมศักดิ์ การแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ (WorldSkills) ปี 2007[144]
- พ.ศ. 2551 ประธานกิตติมศักดิ์ งานการแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น-บราซิล[145]
- พ.ศ. 2552 - 2553 ประธานกิตติมศักดิ์ งานครบรอบ 400 ปี การแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น-เม็กซิโก[146]
- พ.ศ. 2553 - 2554 ประธานกิตติมศักดิ์ งานครบรอบ 400 ปี การแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น-เยอรมนี[147]
- พ.ศ. 2556 - 2557 ประธานกิตติมศักดิ์ งานครบรอบ 400 ปี การแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น-สเปน[148]
- พ.ศ. 2557 ประธานกิตติมศักดิ์ฝ่ายญี่ปุ่น งานครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตญี่ปุ่น-สวิตเซอร์แลนด์[149]
- พ.ศ. 2560 ประธานกิตติมศักดิ์ฝ่ายญี่ปุ่น งานครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตญี่ปุ่น-เดนมาร์ก[150]
- พ.ศ. 2562 - 2564 ประธานกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งโตเกียว[151]
ตำแหน่งทางวิชาการ
[แก้]พระราชนิพนธ์
[แก้]- พ.ศ. 2536 "テムズとともに" (ในสายน้ำเทมส์) เป็นหนังสือที่บันทึกประสบการณ์การศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของพระองค์ตลอดระยะเวลา 2 ปี 4 เดือน และมีการตีพิมพ์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2566 ISBN 978-4314012003
- พ.ศ. 2562 "水運史から世界の水へ" (จากประวัติศาสตร์การเดินเรือสู่โลกแห่งน้ำ) ISBN 978-4140817728
พระเกียรติยศ
[แก้]| ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ | |
|---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
| สัญลักษณ์ | ต้นอาซูซะ (梓) |
| คำยกย่อง | เฮกะ (陛下) |
| ลำดับโปเจียม | 1 |
ลำดับพระราชอิสริยยศ
[แก้]- 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 : เจ้าชายนารูฮิโตะ (徳仁親王) หรือ เจ้าชายฮิโระ (ญี่ปุ่น: 浩宮; อังกฤษ: Prince Hiro)
- 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 – 30 เมษายน พ.ศ. 2562 : มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 皇太子; อังกฤษ: Crown Prince Naruhito)
- 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน : สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 天皇; อังกฤษ: His Majesty the Emperor)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]ญี่ปุ่น
[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์ (2523)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นสังวาลย์ (2562)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณสูงส่ง โชติช่วงยิ่งดอกคิริ (2562)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์วัฒนธรรม (2562)
ต่างประเทศ
[แก้]ปริญญากิตติมศักดิ์
[แก้]- พ.ศ. 2534 ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร[166]
เกร็ด
[แก้]การประสูติ
[แก้]- พระองค์ประสูติก่อนกำหนด 1 สัปดาห์ จากเดิมที่มีกำหนดประสูติในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2503 จึงสร้างความตื่นตระหนกให้กับสื่อมวลชนเป็นอย่างมากกับการประสูติอย่างกระทันหันของพระองค์[167]
- เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรกที่ประสูติในโรงพยาบาล และมีแนวโน้มอาจจะเป็นว่าที่จักรพรรดิในอนาคต ก่อนการประสูติของพระองค์นั้น ได้เกิดการแย่งชิงบทบาทการเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการประสูติเกิดขึ้น ระหว่างทีมสำนักพระราชวัง (ที่เคยดูแลการประสูติของพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ก่อนๆ), ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลสำนักพระราชวังหลวง (แพทย์เจ้าของสถานที่), และทีมแพทย์ของมหาวิทยาลัยโตเกียว (แพทย์ที่ได้รับมอบหมายมาอีกที) ผลคือในห้องประสูติของพระองค์เต็มไปด้วยผู้เฝ้าสังเกตมากมาย[5]
วัยพระเยาว์
[แก้]- ในช่วงที่พระองค์อยู่ในวัยทารก ทรงเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้องไห้[13]
- เนื่องจากพระชนกกับพระชนนีต้องเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 14 วัน โดยในขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง 7 เดือน พระชนนีจึงทรงจัดทำคู่มือการเลี้ยงดูพระองค์ให้กับพระพี่เลี้ยง ซึ่งคู่มือนี้ถูกเรียกว่า "กฎของนารุจัง" (ナルちゃん憲法) ในภายหลัง[12]
- "กฎของนารุจัง" (ナルちゃん憲法) มีการบันทึกประมาณว่า ให้กอดพระองค์อย่างน้อยวันละครั้ง เพื่อแสดงความรัก, กลยุทธ์การให้พระองค์เสวยนม เนื่องจากพระองค์ไม่ทรงโปรด, ปล่อยให้เล่นพระองค์เดียวบ้าง เพื่อไม่ให้พระองค์รู้สึกว่ามีคนคอยเอาใจอยู่ตลอดเวลา, ต้องมีการดุพระองค์บ้าง[12]
- ทรงมีพระพี่เลี้ยงชื่อ ฮามาโอะ มิโนรุ (浜尾実) ซึ่งคอยเลี้ยงดูพระองค์เป็นเวลา 10 ปี ในเวลาที่พระชนกและพระชนนีไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจ โดยพระองค์เรียกเธอว่า "โอจัง" ซึ่งพระองค์ทรงใช้เวลาในวัยพระเยาว์อยู่กับเธอมากกว่าพระชนกกับพระชนนี[16]
- ฮามาโอะ มิโนรุ พระพี่เลี้ยง กล่าวว่าบางครั้งเธอมีความกังวลถึงพฤติกรรมบางอย่างที่พระองค์ทรงเลียนแบบจากเธอ เช่น จังหวะการพูดที่ค่อนข้างช้า เพราะเธอต้องการออกเสียงให้ชัด[16]
- ในวัยพระเยาว์ ทรงเรียกพระชนกและพระชนนี ว่า "ปาปา" และ "มามา" แต่เมื่อทรงเจริญพระชัณษามากขึ้น ก็ทรงเรียกพระชนกว่า "โอโมซามะ" (おもうさま) และพระชนนีว่า "โอตาตาซามะ" (おたたさま) ตามธรรมเนียมราชวงศ์[16]
- พระองค์ทรงมีอุปนิสัยอดทนและพยายาม เช่น ขณะที่ทรงหัดขี่จักรยาน แม้จะทรงหกล้มจนมีน้ำพระเนตรไหล ก็ทรงลุกขึ้นและพยุงจักรยานด้วยพระองค์เอง[168]
- เมื่อพระชนมายุ 4 ชัณษา พระองค์เคยตรัสถามว่าทำไมพระองค์ไม่มีนามสกุล[168]
- เมื่อพระชนมายุ 7 ชัณษา ทรงเคยได้รับการอบรมว่าเด็กผู้ชายไม่ควรร้องไห้ แต่พอพระองค์เห็นเจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) พระอนุชา ที่เพิ่งประสูติร้องไห้ พระองค์ก็ทรงปกป้องพระอนุชาว่า "อายะยังเด็กอยู่ ก็เลยร้องไห้ได้เนอะ" (アーヤは赤ちゃんだから泣いてもいいんだよね)[168]
ช่วงประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
[แก้]- พระองค์ทรงฉลองเครื่องแบบนักเรียนประถมศึกษาที่ตกทอดมาจากพระชนก เนื่องจากแนวคิดของราชวงศ์คือการใช้ของดีมีคุณภาพ และถนอมให้ใช้งานให้ได้นานที่สุด จึงทำให้เครื่องแบบยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี และเป็นพระประสงค์ของพระชนนีที่ต้องการถ่ายทอดสิ่งนี้ไปยังพระโอรส[21]
- ทรงเคยชวนพระสหายมาเล่นที่พระตำหนัก แล้วพระสหายเล่นกันในสวนจนตัวเปียก พระองค์จึงให้พระสหายเปลี่ยนชุดที่พระตำหนัก พอมารดาของพระสหายมารับ พระองค์ก็ทรงขอโทษต่อมารดาของพระสหายว่า ไม่น่าให้พวกเขาเล่นแบบนั้นเลย[169]
- ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พ.ศ. 2514 ทรงเข้าร่วมการทัศนศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษากากูชูอิน (学習院初等科) ซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่นักเรียนมีอาการอาหารเป็นพิษ ซึ่งรวมถึงพระองค์ด้วย สาเหตุเป็นเพราะความสะเพร่าในการจัดทำอาหาร[16]
- พระองค์ทรงศึกษาวิชาทางด้านการปกครอง, คัมภีร์จีนโบราณ, วรรณกรรมราชสำนักโบราณ, รวมถึงการแต่งกวีวากะ โดยมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นพระอาจารย์สอนในพระตำหนักโทงูมาตั้งแต่สมัยพระเยาว์ เพื่อเตรียมพระองค์ในการเป็นจักรพรรดิในอนาคต[7] จึงทำให้พระองค์สามารถแต่งกวีวากะได้ตั้งแต่ที่พระองค์ยังทรงศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นกรณีที่หาได้ยากในบุคคลทั่วไป[170]
- ในช่วงที่พระองค์ยังทรงศึกษาอยู่โรงเรียนมัธยมชายกากูชูอิน (学習院中・高等科) ทรงมีชื่อเล่นว่า "จี" ซึ่งย่อมากจากคำว่า "โอจีซัง" (おじいさん) ที่แปลว่า ปู่หรือตา โดยที่มาคือ พระองค์เคยตรัสชมต้นบอนไซที่อยู่ในโรงเรียนว่า "กิ่งก้านสวยงามมากเลยนะ" แต่พระสหายกลับแซวพระองค์ว่าทรงชอบอะไรเหมือนคนสูงอายุ เลยพากันเรียกพระองค์ว่า "จี" เป็นต้นมา ซึ่งพระองค์ก็ทรงชอบชื่อเล่นนี้ ถึงกับใช้ชื่อนี้ในการแนะนำพระองค์กับพระสหายต่างชาติ[170]
ช่วงมหาวิทยาลัย
[แก้]มหาวิทยากากูชูอิน
[แก้]- สาเหตุที่ทรงเลือกเรียนสาขาประวัติศาสตร์ มหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学) เนื่องจากในวัยพระเยาว์ ทรงค้นพบศิลาจารึกในเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) ขณะที่ทรงเดินเล่นกับพระบรมราชชนนี รวมทั้งทรงสนพระทัยใน "ถนน" ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงไปยังโลกภายนอกที่พระองค์ไม่รู้จักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานะของพระองค์ที่ทรงไม่สามารถออกไปยังโลกภายนอกได้โดยง่าย[171]
- ทรงมักจะเสวยข้าวแกงกะหรี่ที่โรงอาหารมหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学) เมื่อเสวยเสร็จพระองค์จะทรงล้างจานอย่างพิถีพิถัน ต่างกับนักศึกษาคนอื่นที่ล้างอย่างลวกๆ[169]
- เวลาใช้ลิฟต์ในมหาวิทยากากูชูอิน (学習院大学) พระองค์มักจะทรงกดลิฟต์ให้ และเชิญให้คนอื่นเข้า-ออกลิฟต์ก่อน[169]
สหราชอาณาจักร
[แก้]- ช่วงที่พระองค์เสด็จไปแรกๆ พระองค์เต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว ทั้งการสั่งเบียร์ในผับอังกฤษครั้งแรก, การเข้าร่วมวงบทสนทนากับคนอื่น[172]
- ในช่วงเวลานั้น ทรงทำกิจกรรมหลากหลายอย่าง เช่น ทรงเข้าร่วมการฝึกซ้อมของชมรมเรือพายของวิทยาลัย, ทรงเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสระหว่างวิทยาลัย ในฐานะตัวแทนของวิทยาลัยเมอร์ตัน, และทรงปีนยอดเขาสูงสุดของอังกฤษ, สกอตแลนด์, และเวลส์[172]
- ทรงไปเที่ยวดิสโกกับพระสหาย แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้า เนื่องจากคืนนั้นไม่อนุญาตให้ลูกค้าสวมเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ ซึ่งพระองค์ทรงสวมกางเกงยีนส์ ส่วนพระสหายสวมเสื้อยืด[35]
- มีคนกล่าวถึงพระองค์ว่า "พระองค์เป็นชายหนุ่มที่ค่องข้างขี้อายแต่น่าคบหา ในตอนแรกอาจจะดูเข้าถึงยาก แต่เมื่อได้คุยแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายมาก"[173]
ครอบครัว
[แก้]- ก่อนการอภิเษกสมรส พระองค์ทรงเรียกสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะว่า "มาซาโกะซัง" ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะเรียกพระองค์ว่า "เด็งกะ" (ฝ่าบาท)[54]
- พระองค์ทรงเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับเจ้าหญิงไอโกะ (พระราชธิดา) ด้วยพระองค์เอง รวมถึงเล่านิทานให้ฟังก่อนบรรทม[174]
งานอดิเรก
[แก้]ดนตรี
[แก้]- ทรงเริ่มสนใจทางด้านดนตรีตั้งแต่พระชนมายุ 4 - 5 พรรษา เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นพระชนกเล่นเชลโล และทรงอยากเล่นตาม แต่เชลโลมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับเด็ก พระองค์จึงเริ่มหัดเล่นไวโอลินก่อน[175][169]
- เมื่อพระชนมายุ 16 ชัณษา ทรงเริ่มหัดเล่นวิโอลา โดยมีนายโนริอากิ ฮามาดะ (濱田徳昭) เป็นพระอาจารย์[175]
- ทรงอยู่ชมรมดนตรีของมหาวิทยาลัยกากูชูอิน (学習院大学) โดยมีนายสึตสึมิ ชุนซากุ (堤俊作) เป็นพระอาจารย์สอนเล่นวิโอลา[176]
- พ.ศ. 2523 พระองค์ทรงร่วมการแสดงในฐานะผู้นำเล่นวิโอลา ในการแสดงของวง Bach Collegium Japan ร่วมกับสมาพันธ์ออราทอริโอแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本オラトリオ連盟の演奏会) ณ โตเกียวบุงกาไคคังฮอลล์ (東京文化会館) เขตอูเอโนะ กรุงโตเกียว[177]
- ในช่วงที่พระองค์ศึกษาอยู่ที่สหราชอาณาจักร พระองค์กับพระสหายได้จัดตั้งวงดนตรีเครื่องสาย 4 ชิ้น หรือที่เรียกว่าวงควอเต็ด (Quartet) ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ไวโอลิน, 1 วิโอลา, และ 1 เชลโล[177]
- นายสึตสึมิ ชุนซากุ ได้ก่อตั้งวงออร์เคสตราชุนยูไก (俊友会) ซึ่งเขามีตำแหน่งเป็นวาทยากร ส่วนพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ของวงนี้ โดยพระองค์ทรงเข้าร่วมการแสดงของวงออร์เคสตราชุนยูไกเป็นครั้งแรก ในคอนเสิร์ตครั้งที่ 5 ของวง ในปี พ.ศ. 2530 และทรงเข้าร่วมการแสดงอยู่เรื่อย ๆ[176]
- วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทรงร่วมเล่นวิโอลาในคอนเสิร์ตการกุศลของวงออร์เคสตราศิษย์เก่ามหาวิทยากากูชูอิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว[126]
- วันที่ 13 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ทรงเยือนประเทศมองโกเลีย และทรงได้ร่วมเล่นวิโอลาในงานเลี้ยงต้อนรับ[178]
ปีนเขา
[แก้]- เมื่อพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงปีนเขาครั้งแรก ณ ภูเขาฮานาเร เมืองคารูอิซาวะ จังหวัดนางาโนะ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2508[179]
- เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2531 พระองค์ทรงพยายามพิชิตยอดภูเขาฟูจิเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่ พระองค์จึงไม่สามารถพิชิตยอดภูเขาได้ในตอนนั้น โดยพระองค์ทรงปีนไปได้ถึงชั้นที่ 8 จากทั้งหมด 10 ชั้น ซึ่งในอีก 20 ปีถัดมา พระองค์ทรงกลับมาพิชิตยอดภูเขาฟูจิได้สำเร็จ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551[179]
- พ.ศ. 2536 หลังการอภิเษกสมรส พระองค์ทรงชวนพระชายา (พระยศในขณะนั้น) ปี นเขาเป็นครั้งแรก ที่ภูเขาทาคามิซูซัง เมืองโอเมะ กรุงโตเกียว หลังจากนั้นพระองค์กับพระชายาก็ทรงไปปีนเขาด้วยกันหลากหลายที่ ซึ่งครั้งหนึ่งพระองค์เคยมีพระดำรัสกับนักปีนเขาว่า "ผมไม่ได้ชอบการปีนเขา แต่ผมสนุกกับการปีนเขาก็เพราะได้ปีนกับมาซาโกะต่างหากครับ"[180]
- ทรงปีนเขามามากกว่า 170 แห่งตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา[179]
อื่นๆ
[แก้]ความชอบส่วนพระองค์
[แก้]เพลง
[แก้]- ทรงเป็นแฟนคลับของโยชิเอะ คาชิวาบาระ (柏原芳恵) นักร้องไอดอลชื่อดังในช่วงทศวรรษ 2520 ซึ่งพระองค์ได้เสด็จเข้าร่วมชมคอนเสิร์ตของเธอในปี พ.ศ. 2529 โดยเธอได้มอบหนังสือภาพพร้อมลายเซ็นและแผ่นเสียงให้กับพระองค์เป็นของที่ระลึก ส่วนพระองค์มอบดอกกุหลาบพันธุ์เจ้าหญิงซายาโกะให้กับเธอ ซึ่งการเสด็จไปทอดพระเนตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ของพระองค์ได้เกิดเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ[183]
- ทรงโปรดเพลงของซายูริ อิชิกาวะ (石川さゆり) นักร้องเพลงแนวเอ็งกะ และเพลงของวง Southern All Stars (サザンオールスターズ)[184]
- เพลง "ฮิซาเมะ" (氷雨) ของอากิโอ คายามะ (佳山明生) เป็นเพลงโปรดในคาราโอเกะของพระองค์[169]
ภาพยนตร์
[แก้]- ทรงเป็นแฟนคลับนากาได ทัตสึยะ (仲代達矢) นักแสดงภาพยนตร์ และอากิระ คูโรซาวะ ผู้กำกับภาพยนตร์[184]
- ทรงโปรดภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ [184]
เบสบอล
[แก้]- สมัยประถมศึกษา ทรงโปรดเบสบอลทีมโยมีอูริไจแอนท์ (読売ジャイアンツ) ซึ่งพระองค์ทรงเคยฉลองพระองค์ชุดของทีมนี้ ขณะที่ทรงเล่นเบสบอลที่พระตำหนักโทงูอีกด้วย[185]
- ผู้เล่นที่ทรงโปรดในทีมโยมีอูริไจแอนท์ คือ ชิเกโอะ นางาชิมะ (長嶋茂雄) และโทชิมิตสึ ซูเอตสึงุ (末次利光)[185]
- เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2531 พระองค์ทรงได้ขว้างลูกเปิดสนาม ในการแข่งขันเบสบอลชิงแชมป์ระดับมัธยมปลาย ครั้งที่ 70[186]
การขึ้นครองราชย์
[แก้]- ทรงเป็นจักรพรรดิที่ขึ้นครองราชย์โดยมีพระชนมายุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ญี่ปุ่น (59 พรรษา) โดยอันดับที่ 1 คือจักรพรรดิโคนิง ที่ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ 61 พรรษา[187]
- กระทรวงการคลังมีการออกเหรียญที่ระลึกเนื่องในวโรกาสการขึ้นครองราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ เป็นเหรียญ 10,000 เยน และ 500 เยน[188][189]
พระพลานามัย
[แก้]- วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2550 ทรงตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้เล็กส่วนต้นระหว่างการตรวจพระสุขภาพประจำปี โดยพระองค์เข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2550 และทรงพักฟื้นหลังการผ่าตัด 1 สัปดาห์[190]
- วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ทรงเข้ารับการการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากเพื่อเข้าทำการตรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้พระองค์มีภาวะที่ค่อนข้างน่ากังวลเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตามผลการตรวจคือไม่พบความผิดปกติใดๆ[191]
ราชตระกูล
[แก้]| พงศาวลีของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อ้างอิง
[แก้]- 1 2 3 "天皇皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-19. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ ":0" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - 1 2 3 4 5 6 7 8 "Their Majesties the Emperor and Empress". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ "皇居". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=haPxvJP9jmM
- 1 2 3 https://dot.asahi.com/articles/-/102465?page=1
- 1 2 https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1&page=2
- 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/118721?page=2
- ↑ "JAPAN: YOUNG PRINCE HIRO COMES OF AGE IN ANCIENT ROYAL CEREMONY". British Pathé (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2025-07-31.
- ↑ "Japan-Britain Ties: Emperor Naruhito's Student Days at Oxford". nippon.com (ภาษาอังกฤษ). 2023-05-02. สืบค้นเมื่อ 2025-07-31.
- 1 2 3 4 "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1&page=3
- 1 2 3 "美智子さまの子育て「ナルちゃん憲法」とは 天皇陛下の幼き日々でふり返る(画像集)". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-06-16. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- 1 2 https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1&page=4
- ↑ https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1&page=5
- ↑ https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009170044_00000
- 1 2 3 4 5 "天皇陛下の幼少期にご養育掛りをつとめた浜尾実さんの回想「浩宮さまの幼稚園ご入園までの日々」". PHPオンライン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=QEyIQbTJ4ns
- ↑ https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009170048_00000
- ↑ "浩宮さまおめでとう". 中日映画社. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ https://www2.nhk.or.jp/archives/kaisou/detail/?das_id=D0009170049_00000&category=koushitsu&year=1960
- 1 2 "美智子さまの決意!天皇陛下「学習院初等科の通学」は「お下がり制服」で". Aneひめ.net|講談社. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ https://imagelink.kyodonews.jp/search?product_type=1,2,11&keyword=%E5%AD%A6%E7%BF%92%E9%99%A2%E5%88%9D%E7%AD%89%E7%A7%91&opendetail=22124951
- ↑ https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009170065_00000
- ↑ "【 画像37/75枚 】【写真まとめ】天皇陛下63歳への歩み 英国留学、雅子さまと結婚:朝日新聞デジタル". www.asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ "天皇陛下14歳 エアーズロックで"ビール"を飲む【秘蔵写真】". 女性自身 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ https://imagelink.kyodonews.jp/search?product_type=1,2,11&keyword=%E6%B5%A9%E5%AE%AE%E3%81%95%E3%81%BE%20%E5%AD%A6%E7%BF%92%E9%99%A2%20&pg=1&opendetail=22641663
- ↑ "【 画像39/75枚 】【写真まとめ】天皇陛下63歳への歩み 英国留学、雅子さまと結婚:朝日新聞デジタル". www.asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ https://imagelink.kyodonews.jp/search?product_type=1,2,11&keyword=%E6%B5%A9%E5%AE%AE%E3%81%95%E3%81%BE%20%E5%AD%A6%E7%BF%92%E9%99%A2%20&pg=1&opendetail=24190987
- ↑ "浩宮様". web.kyoto-inet.or.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- 1 2 "即位儀式と両陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ "【 画像41/75枚 】【写真まとめ】天皇陛下63歳への歩み 英国留学、雅子さまと結婚:朝日新聞デジタル". www.asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009030639_00000
- ↑ "【天皇誕生日】天皇陛下の歩みを写真10枚で振り返る。幼稚園の遠足、海外でのサングラス姿も". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). 2023-02-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- 1 2 "次の天皇はどんな方?:皇太子さまの横顔". nippon.com (ภาษาญี่ปุ่น). 2018-04-30. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- 1 2 3 https://bunshun.jp/articles/-/63311?page=2
- 1 2 OpenLibrary.org. "The Thames as highway by Hironomiya Naruhito Prince, grandson of Hirohito, Emperor of Japan | Open Library". Open Library. สืบค้นเมื่อ 2025-07-31.
- ↑ 高森明勅 (2023-07-09). "昭和時代に今上陛下が「国事行為」の臨時代行に当たられていた |高森明勅 公式ブログ|天皇、皇室、皇位継承問題". 高森明勅 |高森明勅 公式ブログ|天皇 皇室 皇位継承問題 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- ↑ 産経新聞 (2021-09-06). "陛下、赤坂御所を後にされ「寂しさと深い感慨」". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
- ↑ "【 画像45/75枚 】【写真まとめ】天皇陛下63歳への歩み 英国留学、雅子さまと結婚:朝日新聞デジタル". www.asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2025-07-20.
- 1 2 "皇太子同妃両殿下 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-24. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- 1 2 "Their Imperial Highnesses the Crown Prince and Crown Princess". www.kunaicho.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ "จักรพรรดิญี่ปุ่น : สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ผู้นำพาญี่ปุ่นสู่อนาคต". BBC News ไทย. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ "เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นแล้ว". THE STANDARD. 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ "ญี่ปุ่นเริ่มต้นยุคใหม่ มกุฎราชกุมาร "นารุฮิโตะ" เข้าพิธีสืบราชบัลลังก์". www.thairath.co.th. 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
- ↑ "สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ผู้นำแห่งญี่ปุ่นยุคใหม่ มุ่งสู่อนาคตของรัชสมัยเรวะ". Bsite (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
- ↑ "宮内庁関係年表(慶応3年以後)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-31.
- 1 2 "雅子さま、55歳に 感想発表で皇后となる不安や健康についても". BBCニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-22.
- 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/34840?page=2
- ↑ https://president.jp/articles/-/70744?page=1
- 1 2 https://president.jp/articles/-/70744?page=2
- 1 2 3 https://president.jp/articles/-/70744?page=3
- 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/250364?page=1
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/250364?page=2
- 1 2 คลิปงานแถลงข่าว https://www.youtube.com/watch?v=04TC_U17nEI
- ↑ วิดิโอการถ่ายทอดสด https://www.youtube.com/watch?v=13xZGi6Ge1Y
- ↑ "「仙洞御所」は元「東宮御所」だった建物…同じ建物なのに名前が変わる理由 「仙洞御所」とはどのような場所なのか フジテレビ 皇室担当解説委員 橋本寿史|FNNプライムオンライン". FNNプライムオンライン. 2022-07-06. สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
- ↑ "宮内庁関係年表(慶応3年以後)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
- 1 2 3 4 5 6 "不妊治療に流産も…漫画家も絶句した、雅子妃出産までの「いばらの道」". FRaU | 講談社 (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-12-02. สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
- ↑ https://news.yahoo.co.jp/articles/7733eba7860b92f3697b55879ecfb56da1ceeb37?page=2
- ↑ https://president.jp/articles/-/70744?page=4
- ↑ "「人格否定発言」から21年 雅子皇后を悲嘆させた「朝日スクープ」と宮内庁の思惑(デイリー新潮)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
- 1 2 https://bunshun.jp/articles/-/67423?page=2
- ↑ 「文藝春秋」編集部 (2023-12-07). "《宮内庁幹部が告白》「雅子さまは人権侵害を受けてきた」適応障害を発症された本当の理由". 文春オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
- ↑ "Crown Prince Naruhito defends ailing wife". Irish Examiner. 2008-07-11. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2021-05-14.
- ↑ Japan's crown prince seeks public understanding for ailing princes gmanews.tv.
- ↑ "天皇陛下、生前退位希望を示唆". BBCニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ "なぜ天皇陛下の退位は4月末日になったか 安倍首相との"バトル"の結果は?". PRESIDENT Online(プレジデントオンライン) (ภาษาญี่ปุ่น). 2017-12-11. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ "สำคัญไฉนรัชสมัยจักรพรรดิญี่ปุ่น". สยามรัฐ. 2019-04-03. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- 1 2 "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ วิดิโอพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=UaX5IdVx_1c
- 1 2 "Naruhito: Japan's emperor proclaims enthronement in ancient ceremony" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-10-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- 1 2 "国民の祝日について - 内閣府". warp.da.ndl.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-11-30. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ "'ดาบคุซานางิ' จากสมบัติของจักรพรรดิญี่ปุ่นสู่เรื่องเล่าในวัฒนธรรมป๊อป". The MATTER (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2019-04-30. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ วิดิโอพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=XuoXpf9ULPE
- ↑ "【図解・社会】剣璽等承継の儀の配置図(2019年5月):時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ "片山地方創生担当相 憲政史上初の女性参列者に 剣璽等承継の儀". 毎日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ "天皇陛下御在位20周年記念 公文書特別展示会 | 26.即位後朝見の儀 | 国立公文書館". www.archives.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ คลิปพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=u5A6XXbiB5M
- ↑ คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=9rxMw8-mhAs
- ↑ https://www3.nhk.or.jp/news/special/japans-emperor6/articles/articles_ceremony_08.html
- ↑ "立纓(りゅうえい)と垂纓(すいえい)について". 人形の天世 浜松店 よろず話 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ "Addresses by Their Majesties the Emperor and Empress on the occasion of Imperial Succession". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ https://www.mofa.go.jp/mofaj/gaiko/bluebook/2020/html/tokushu1_01.html
- ↑ https://www3.nhk.or.jp/news/special/japans-emperor6/articles/articles_ceremony_03.html
- ↑ คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=PrPqHrUD3a0
- ↑ https://www3.nhk.or.jp/news/special/japans-emperor6/articles/articles_ceremony_13.html
- ↑ คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=xiFw4gYETkA
- ↑ 産経新聞 (2019-12-04). "皇居で「賢所御神楽の儀」 一連の即位関連儀式、終了へ". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=ObCTYrxYUCc
- ↑ 産経新聞 (2021-09-20). "天皇ご一家、御所にご移動 一連のお引っ越しが終了". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250101/k10014683861000.html
- ↑ "皇居で2年ぶりの新年一般参賀 天皇陛下「安らかでよい年に」". 毎日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "講書始". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "令和6年歌会始の儀 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "一般参賀(宮殿)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "天皇、皇后両陛下主催の春の園遊会…ちばてつやさんや宇津木妙子さんら招き赤坂御苑で始まる". 読売新聞オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-04-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "親任式". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ "認証官任命式". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- 1 2 "勲章親授式". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ "信任状捧呈式". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- 1 2 https://www.mlit.go.jp/kisha/kisha07/03/031101_2_.html
- 1 2 "第3回世界水フォーラム開会式、国立京都国際会館で開催 皇太子殿下が挨拶 |環境ニュース[国内]|EICネット". eic.or.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- 1 2 "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成11年~平成20年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- 1 2 3 "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成21年以降) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "ご聴講(ストックホルム国際水研究所、在日スウェーデン大使館及び国際連合大学による水セミナー「水:気候変動対策といのち輝く未来社会への鍵」)(国際連合大学(渋谷区))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご臨席(第43回全国豊かな海づくり大会式典行事)(大分県立総合文化センター(iichiko総合文化センター)(大分市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ 産経新聞 (2020-01-25). "両陛下と愛子さま、大相撲ご観戦 令和初の天覧相撲". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ "天皇陛下が五輪開会宣言、憲章に規定の「祝う」表現盛り込まれず - 東京オリンピック2020 : 日刊スポーツ". nikkansports.com (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ "THE CONSTITUTION OF JAPAN". www.kantei.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-14. สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ 産経新聞 (2020-04-06). "陛下ご即位に伴う1億円、寄付先が決定". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ "沖縄「豆記者」と皇室の交流は60年 つないだ東京の山本さんの思い:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-06-04. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "V&A子ども博物館ご訪問". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご訪問(千代田区立九段幼稚園(こどもの日にちなみ))(千代田区立九段幼稚園(千代田区))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご供花(広島平和都市記念碑(原爆死没者慰霊碑)(広島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご供花(小桜の塔(那覇市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご拝礼(硫黄島戦没者の碑(天山慰霊碑))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご訪問(広島原爆養護ホーム矢野おりづる園(広島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご視察、関係者とのご懇談(対馬丸記念館(那覇市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご臨席(2025年 日本国際賞(Japan Prize)授賞式)(新国立劇場(渋谷区))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご臨席(2025年日本国際博覧会開会式)(2025年日本国際博覧会会場EXPOホール(大阪市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご臨席(第75回全国植樹祭式典(ご植樹、ご播種))(秩父ミューズパーク(秩父市、小鹿野町))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "ご臨席(第19回みどりの式典)(パレスホテル東京(千代田区))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009170108_00000
- 1 2 "陛下、脳裏に焼き付く「忘れられない記憶」 阪神大震災30年、神戸の街に見た「努力」(共同通信)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ "ご視察(殿下のみ),ご臨席(阪神・淡路大震災15周年追悼式典),ご懇談(遺族代表)(兵庫県公館(神戸市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- 1 2 株式会社スポーツニッポン新聞社マルチメディア事業本部. "東日本大震災支援コンサート 皇太子さま参加 ― スポニチ Sponichi Annex 社会". www.sponichi.co.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-15. สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ "皇太子ご夫妻、福島避難民を激励 「お元気で」と - 47NEWS(よんななニュース)". www.47news.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-18. สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ 日本テレビ. "皇太子ご夫妻 宮城県の被災地訪問|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ 産経新聞 (2019-12-26). "両陛下、宮城・福島の台風被災地お見舞い". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "被災状況ご視察(久手川町(輪島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "被災者お見舞(輪島市立輪島中学校(輪島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "災害対応尽力者お労い(輪島市役所(輪島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(戦後)(昭和28年~昭和63年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(令和元年以降)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250713/k10014862281000.html
- ↑ "国賓・公賓など外国賓客一覧表(令和元年~)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ "トランプ氏と天皇陛下が会見、外国元首との面会は即位後初". BBCニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ "ブラジル大統領閣下及び同令夫人「国賓」ご接遇(歓迎行事、ご会見、宮中晩餐、お別れのご訪問)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
- ↑ "組織概要|日本赤十字社". warp.da.ndl.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-12-03. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "皇太子殿下の名誉総裁ご就任について". www.expo2005.or.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "国際主要事項 5月". www.mofa.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-12-02. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "皇太子殿下が愛知万博名誉総裁に|環境ニュース[国内]|EICネット". www.eic.or.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "ドイツご訪問に際し(平成23年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "厚生労働省:皇太子殿下を2007年ユニバーサル技能五輪国際大会名誉総裁に推戴することについて". www.mhlw.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "外務省: 日本ブラジル交流年実行委員会第2回総会及び木村外務副大臣主催 日本ブラジル交流年オープニング・レセプションの開催". www.mofa.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-10-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "外務省: 日本メキシコ交流400周年記念式典概要". www.mofa.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-28. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "皇太子さま、日独修好150年式典に出席". 日本経済新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2011-01-24. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "皇太子殿下のスペイン御訪問~日本スペイン交流400周年の開幕~". スペイン情報誌 acueducto. 2013-08-31. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ https://www.mofa.go.jp/mofaj/press/release/press4_000561.html
- ↑ "皇太子殿下の「日デンマーク外交関係樹立150周年」日本側名誉総裁御就任". Ministry of Foreign Affairs of Japan (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2025-05-28. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "「第32回オリンピック競技大会(2020/東京)」及び「東京2020パラリンピック競技大会」における天皇陛下の開会宣言等について | September 2021 | Highlighting Japan". www.gov-online.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "【速報】皇后さまに「名誉法学博士号」授与 英オックスフォード大学(日テレNEWS NNN)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ Segretariato generale della Presidenza della Repubblica - Servizio sistemi informatici. "Le onorificenze della Repubblica Italiana". www.quirinale.it (ภาษาอิตาลี). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-10-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ https://bunshun.jp/articles/-/12637?page=3
- ↑ "ENTIDADES ESTRANGEIRAS AGRACIADAS COM ORDENS PORTUGUESAS - Página Oficial das Ordens Honoríficas Portuguesas". www.ordens.presidencia.pt. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ https://www.yuko2ch.net/mako/imgbbs3jik/img-box/img20071009174105.jpg
- ↑ https://www.parlament.gv.at/dokument/XXIV/AB/10542/imfname_251156.pdf
- ↑ "The Order of Sikatuna | GOVPH". Official Gazette of the Republic of the Philippines (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-13. สืบค้นเมื่อ 2025-08-29.
- ↑ https://www.gettyimages.co.uk/detail/news-photo/crown-prince-naruhito-of-japan-attends-the-wedding-of-crown-news-photo/102229666?adppopup=true
- ↑ https://www.boe.es/boe/dias/2008/11/10/pdfs/A44698-44698.pdf
- ↑ "Glittering Royal Events Message Board: Re: Coronation in Tonga". members3.boardhost.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-05. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "Crown Princess Masako completes first duties abroad in more than 2 years - AJW by The Asahi Shimbun". AJW by The Asahi Shimbun (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-05. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "tongdals". www.royalark.net. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ Rebecca English [@RE_DailyMail] (June 25, 2024). "The King has appointed The Emperor of Japan to the Most Noble Order of the Garter" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
- ↑ "Na véspera de viagem, Lula concede comenda a imperador do Japão | Metrópoles". www.metropoles.com (ภาษาโปรตุเกสแบบบราซิล). 2025-03-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "【速報】皇后さまに「名誉法学博士号」授与 英オックスフォード大学(日テレNEWS NNN)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1
- 1 2 3 หนังสือ "殿下とともに" โดยพระพี่เลี้ยง ฮามาโอะ มิโนรุ
- 1 2 3 4 5 https://www.news-postseven.com/archives/20190411_1350711.html/2
- 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/118721?page=1
- ↑ หนังสือ "テムズとともに" พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
- 1 2 "おすすめの一冊「テムズとともに」徳仁親王著". 衆議院議員 河野太郎公式サイト (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ https://bunshun.jp/articles/-/63311?page=3
- ↑ "天皇誕生日 62年前の味わい深い新聞・雑誌の「ご誕生報道」と「9枚の秘蔵写真」(6ページ目)". デイリー新潮 (ภาษาญี่ปุ่น). 2022-02-23. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- 1 2 https://mi-mollet.com/articles/-/49115?page=2
- 1 2 "皇太子さま、ビオラで「第九」をご演奏 - MSN産経ニュース". sankei.jp.msn.com (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-13. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- 1 2 https://mi-mollet.com/articles/-/49115?page=3&per_page=1
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=eVPPP5tJmWE
- 1 2 3 "天皇陛下の登山遍歴を回顧「雅子と一緒に登山するから楽しいんですよ」". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ https://www.news-postseven.com/archives/20210501_1655660.html/2
- ↑ https://imagelink.kyodonews.jp/search?product_type=1,2,11&keyword=%E7%A8%B2%E7%94%B0%E6%82%A6%E5%AD%90&opendetail=3508587
- ↑ "「殿下がんばれ」 皇太子さまが都心でジョギング - MSN産経ニュース". sankei.jp.msn.com (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-18. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ "柏原芳恵が伝説の天皇陛下"来場"コンサートの裏側明かす 宮内庁と「前例ない」やりとり". 東スポWEB (ภาษาญี่ปุ่น). 2023-12-21. สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- 1 2 3 https://fujinkoron.jp/articles/-/1636?page=3
- 1 2 "サンデー毎日:スポーツと皇室の深い関係 天皇は巨人・末次が好きだった 社会学的皇室ウォッチング!/68 成城大教授・森暢平". 週刊エコノミスト Online (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ "天皇陛下~成年式からご結婚まで~ 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
- ↑ "歴代2番目の高齢即位、59歳2か月…新天皇陛下". 読売新聞オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ "天皇陛下御即位記念貨幣". 財務省 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ 美術品、芸術品、工芸品、の通信販売サイト, 【公式サイト】東京書芸館. "『天皇陛下御即位記念貨セット』(令和元年発行)". shogeikan.co.jp (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
- ↑ "皇太子さま、明日、十二指腸ポリープ切除へ". www.afpbb.com (ภาษาญี่ปุ่น). 2007-06-05. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ 日本放送協会. "天皇陛下 前立腺の検査結果「異常認められず」 宮内庁発表 | NHK". NHKニュース (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-02. สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ
[แก้]- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาอังกฤษ https://www.kunaicho.go.jp/eindex.html
- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาญี่ปุ่น https://www.kunaicho.go.jp/
- ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
| ก่อนหน้า | สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ | ถัดไป | ||
|---|---|---|---|---|
| สมเด็จพระจักรพรรดิ อากิฮิโตะ |
จักรพรรดิญี่ปุ่น (1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน) |
ยังอยู่ในราชสมบัติ | ||
| มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น (โคไตชิ) (23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 – 30 เมษายน พ.ศ. 2562) |
มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ | ||
| – | ลำดับโปเจียมแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น (ลำดับที่ 1) |
สมเด็จพระจักรพรรดินี มาซาโกะ |
