สโมสรฟุตบอลทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
| ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด | |||
|---|---|---|---|---|
| ฉายา | แข้งเทพ , บียูเอฟซี | |||
| ก่อตั้ง | 25 ธันวาคม พ.ศ. 2505 (1962) (ในชื่อ ทีมฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ) พ.ศ. 2531 (1988) (ในชื่อ สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ) พ.ศ. 2552 (2009) (ในชื่อ สโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด) พ.ศ. 2561 (2018) (ในชื่อ สโมสรฟุตบอลทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) | |||
| สนาม | ทรู บีจี สเตเดียม | |||
| ความจุ | 15,114 ที่นั่ง | |||
| เจ้าของ | ทรู คอร์ปอเรชั่น | |||
| ประธาน | ขจร เจียรวนนท์ | |||
| ผู้จัดการ | สุรเดช อนันทพงศ์ | |||
| ผู้ฝึกสอน | ธชตวัน ศรีปาน | |||
| ลีก | ไทยลีก | |||
| 2567–68 | ไทยลีก, รองแชมป์ | |||
| เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | |||
| ||||
สโมสรฟุตบอลทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า บียูเอฟซี เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย มีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ในอดีตเคยใช้ชื่อว่า สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จนกระทั่ง พ.ศ. 2552 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกรุงเทพมหานคร ที่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน จึงมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด และมีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งในปี 2561 เป็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มาจนถึงปัจจุบัน สโมสรเคยชนะเลิศไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2549 ก่อนจะตกชั้นในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2553 และเลื่อนชั้นกลับสู่ไทยลีกใน พ.ศ. 2555 ภายหลังจบอันดับ 3 ในไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2555 สโมสรชนะเลิศฟุตบอลไทยลีก, ไทยลีก 2, ไทยเอฟเอคัพ และ ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ รายการละ 1 สมัย[1]
ประวัติสโมสร
[แก้]ยุคแรก
[แก้]สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2505 ตามการก่อตั้งของ โรงเรียนไทยเทคนิค โดยสุรัตน์ และปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์ (เจ้าของกิจการกลุ่มโอสถสภา) ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินของทั้งสอง ภายในซอยบ้านกล้วยใต้ ริมถนนพระรามที่ 4 (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวิทยาเขตกล้วยน้ำไท) ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นถนนลูกรังอยู่ แต่เป็นย่านค้าขายของเหล่าบรรดานายห้างต่างชาติ รวมถึงท่าเรือสินค้าที่คลองเตยด้วย เริ่มแรกเป็นทีมฟุตบอลประจำสถานศึกษาที่ลงแข่งขันในฟุตบอลรายการระดับอุดมศึกษาก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อทีมตามสถานศึกษาเป็น ทีมฟุตบอลวิทยาลัยไทยเทคนิค ในปี 2505 เป็น ทีมฟุตบอลวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี 2508 และเปลี่ยนชื่อเป็น ทีมฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี 2527 จากปณิธานตั้งมั่นของผู้บริหารและคณาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ต้องการสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีคุณภาพชั้นนำของประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากมุ่งส่งเสริมด้านการเรียน เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกสู่สังคมแล้ว มหาวิทยาลัยยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมการกีฬา โดยจัดให้มีศูนย์กีฬาและสนามกีฬาเพื่อให้บริการแก่นักศึกษา บุคลากรตลอดจนบุคคลภายนอก และได้ส่งทีมนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันตามคำเชิญของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และฟุตบอลถือเป็นกีฬาหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัยได้ส่งสโมสรฟุตบอลเข้าร่วมการแข่งขันเรื่อยมา
เข้าร่วมกับสมาคมฟุตบอล
[แก้]เมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. 2531 สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ร่วมเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถือเป็นการเริ่มต้นการเป็นสโมสรฟุตบอลอย่างเป็นทางการ และได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง. ก่อนจะสามารถเลื่อนระดับชั้นสู่ถ้วยพระราชทานประเภท ค. ในปี พ.ศ. 2533 และเลื่อนขึ้นไปแข่งในถ้วยพระราชทานประเภท ข. ในปี พ.ศ. 2534 จากการบ่มเพาะฝึกฝนพัฒนาทักษะของทีมเรื่อยมา จนปี พ.ศ. 2543 สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ตำแหน่งรองชนะเลิศถ้วยพระราชทานประเภท ข. ทำให้ได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วมการแข่งขันในไทยลีกดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2544/2545 และจบที่อันดับ 3
ไทยพรีเมียร์ลีก
[แก้]
ในฤดูกาล 2545/2546 สโมสรคว้าแชมป์ไทยลีกดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ ทำให้ได้รับสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นผลงานในระดับที่ดีที่สุดครั้งแรกของการก่อตั้งสโมสร และถือเป็นทีมสโมสรเดียวจากสถาบันการศึกษาที่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปแข่งขันในระดับลีกสูงสุดของประเทศได้โดยที่มีนักกีฬาส่วนใหญ่มาจากนักศึกษาและศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย จนมาถึงการเข้าร่วมแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2549 สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพก็สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของไทยได้สำเร็จ จากทีมร่วมแข่งขันทั้งหมด 12 ทีม และได้สิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก และยังได้รับเชิญจากสมาคมฟุตบอลประเทศสิงคโปร์ให้เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลสิงคโปร์คัพ 2007 (ได้อันดับ 3) และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 ในไทยพรีเมียร์ลีก ส่วนผลแข่งขันจากรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2008 จับฉลากได้อยู่ในสายเอฟ ซึ่งแข่งขันกับทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จากญี่ปุ่น อาเรมามาลังจากอินโดนีเซีย และชุนนัม ดรากอนส์จากเกาหลีใต้ โดยมีการแข่งขันทั้งหมด 6 นัด ทีมมหาวิทยาลัยกรุงเทพเสมอ 3 และแพ้ 3 ตกรอบแบ่งกลุ่มของรายการนี้ แต่ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาทีมสู่การแข่งขันอาชีพระดับนานาชาติ
เปลี่ยนชื่อเป็นแบงค็อก ยูไนเต็ด และ ตกชั้น
[แก้]ปี พ.ศ. 2552 สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด จากการร่วมเป็นพันธมิตรกับกรุงเทพมหานคร ด้วยหลักการและเหตุผลที่ต้องการพัฒนาทีมของมหาวิทยาลัยให้เป็นทีมของชาวกรุงเทพฯ และเพื่อยกระดับมาตรฐานฟุตบอลอาชีพของไทยสู่ความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มตัว ทำให้มีการปรับเปลี่ยนของสโมสรหลายอย่าง เช่น การเปลี่ยนตัวประธานสโมสรจากเรือโทหญิงสุธี บูรณธนิต เป็นนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และเปลี่ยนสัญลักษณ์ตลอดจนสีชุดแข่งขันจากสีประจำมหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นสีประจำกรุงเทพมหานคร รวมทั้งย้ายสนามแข่งขันจากสนามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต มาเป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง
และเมื่อเดือนต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 กลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เข้าร่วมสนับสนุนโดยการถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด ฟุตบอลคลับ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตให้เกิดแก่วงการฟุตบอลไทย รวมทั้งได้เริ่มจัดตั้ง สถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร หรือ แบงค็อก ฟุตบอล อคาเดมี จากความร่วมมือของกรุงเทพมหานคร พร้อมกับสร้างปูทางสู่ระดับนานาชาติให้กับทีมด้วยการดึงนักเตะต่างชาติมาเข้าร่วมทีม ตลอดจนรวมพลนักเตะระดับชาติที่มีชื่อหลายคนมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีม ด้วยเป้าหมายสำคัญกับการขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 5 ของไทยพรีเมียร์ลีก แต่สโมสรก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังจนจบฤดูกาล 2552 และฤดูกาล 2553 ด้วยอันดับ 13 และ 15 ตามลำดับ ตกชั้นสู่ ไทยลีกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลต่อมา
หลังจากตกชั้นลงสู่ไทยลีกดิวิชั่น 1 สโมสรก็ได้ตั้งเป้าหมายในการกลับขึ้นไปแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนแปลงทีมใหม่ทั้งหมดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานให้มีความพร้อมในการเป็นสโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศ โดยในฤดูกาล 2554 สโมสรจบการแข่งขันด้วยอันดับ 6 ของไทยลีก ดิวิชั่น 1 พลาดการเลื่อนชั้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกอย่างน่าเสียดาย สำหรับในฤดูกาล 2555 ภายใต้การนำของ สะสม พบประเสริฐ แม้จะออกสตาร์ทช่วงต้นฤดูกาลไม่ดีนัก แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่ายสโมสรจึงกลับมาทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ส่งผลให้จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 คว้าตั๋วใบสุดท้ายเลื่อนชั้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกได้ในที่สุด
ยุคใหม่และเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก (พ.ศ. 2556–2560)
[แก้]
ปี พ.ศ. 2556 ขจร เจียรวนนท์ ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด คนใหม่ ต่อจากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งมีการปรับปรุงสโมสรให้มีความแข็งแกร่งขึ้นในหลายๆ ด้านเพื่อสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีก โดยในปีเดียวกัน ผู้สนับสนุนหลักอย่าง ทรูวิชั่นส์ ได้ทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่กว่า 60 ล้านบาทเพื่อใช้สนับสนุนสโมสร พร้อมกับเปิดตัวนักเตะหน้าใหม่ที่สโมสรดึงเข้ามาร่วมทีมอาทิเช่น รณชัย รังสิโย, ปกาศิต แสนสุข, พงษ์พิพัฒน์ คำนวณ, โทนี่ คอสต้า และ มาริโอ ดาซิลวา เข้ามาผนึกกำลังร่วมกับนักเตะชุดเก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วซึ่งช่วยให้ศักยภาพของทีมโดยรวมดีขึ้น
สำหรับผลการแข่งขันในฤดูกาล 2556 สโมสรออกสตาร์ทได้ไม่ดีนักเก็บได้เพียง 1 คะแนนจากการแข่งขัน 7 นัดแรก ทำให้ถูกมองว่าเป็นทีมเต็งในปีนี้ที่ต้องตกชั้นไปเล่น ไทยลีกดิวิชั่น 1 แต่ด้วยกำลังใจจากกองเชียร์ ประกอบกับความมุ่งมั่นของทีมงานและนักเตะ ส่งผลให้สโมสรมีผลงานที่ดีขึ้นตามลำดับในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล จนสามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 13 ตามด้วยอันดับ 8 ในฤดูกาล 2557

ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2558 ทรู แบงค็อกทำผลงานได้ดีขึ้นในฤดูกาลนี้ภายใต้การฝึกสอนของ อาเลชังดรี ปอลกิง ด้วยการจับอันดับ 5 และนับจากฤดูกาลนั้น พวกเขายกระดับกลับมาเป็นหนึ่งในสโมสรชั้นนำของวงการฟุตบอลไทยอีกครั้ง และได้รับการยอมรับในปรัชญาฟุตบอลเกมรุกอันดุดัน เข้มข้นซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในฟุตบอลไทย ต่อมาในฤดูกาล 2559 สโมสรได้ย้ายสู่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อให้ผ่านการรับรองมาตรฐานการลงแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก พวกเขาจบฤดูกาลด้วยรองแชมป์ไทยลีกจากการมี 75 คะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ทว่าพวกเขาพลาดโอกาสลงแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2016 หลังจากแพ้สโมสรฟุตบอลโจโฮร์ดารุลตักซิมในการแข่งขันเพลย์ออฟ
ต่อมาในไทยลีก ฤดูกาล 2560 สโมสรจบอันดับ 3 และพลาดโอกาสไปแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2018 โดยแพ้เชียงราย ยูไนเต็ดในช้าง เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2560 ด้วยผลประตู 4–2 แต่พวกเขายังเป็นทีมที่ทำประตูมากที่สุดในลีกฤดูกาลนี้จำนวน 97 ประตูจากการแข่งขัน 34 นัด เกือบจะทำลายสถิติสูงสุดของบุรีรัมย์ใน พ.ศ. 2558 เกมรุกของทรู แบ็งคอกในฤดูกาลนี้ โดดเด่นจากการประสานงานระหว่างสองผู้เล่นสำคัญในแนวรุกทั้งดราแกน บอสโควิช และ มารีโอ ยูโรฟสกี ซึ่งทำรวมกัน 50 ประตู[3]
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (พ.ศ. 2561–ปัจจุบัน)
[แก้]เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 มีการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผลทางด้านผู้สนับสนุน และสโมสรจบอันดับ 2 อีกครั้งในไทยลีก ฤดูกาล 2561 ด้วยการมี 71 คะแนน[4] ต่อมา ในปี 2562 สโมสรได้รับสิทธิ์เข้าไปแข่งขันในการแข่งขันถ้วยสโมสรเอเชียอีกครั้ง เริ่มต้นในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งพวกเขาเปิดบ้านเจอกับ สโมสรฟุตบอลฮานอย แต่ก็สิ้นสุดการแข่งขันแค่รอบนี้เพราะพลาดท่าแพ้ไปผลประตู 1–0 ยุติเส้นทางที่รอบเพลย์ออฟอีกครั้ง สโมสรแต่งตั้ง ธชตวัน ศรีปาน อดีตนักฟุตบอลชื่อดังเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เขาพาสโมสรจบอันดับ 5 ในฤดูกาลแรกที่คุมทีม และตามด้วยอันดับ 3 ในฤดูกาล 2564–65 ธชตวันแยกทางกับสโมสรหลังจากผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังทำงานกับสโมสรต่อไปในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค[5] ออเรลิโอ วิดมาร์ ผู้ฝึกสอนชาวออสเตรเลียเข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2565 ก่อนจะประกาศลาออกในเดือนธันวาคมปีเดียวกันด้วยเหตุผลส่วนตัว โดยธชตวันรับตำแหน่งรักษาการผู้ฝึกสอนจนจบฤดูกาล
สโมสรจบอันดับ 2 ในไทยลีก ฤดูกาล 2565–66 และชนะเลิศไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 2566 นับเป็นการชนะเลิศรายการแรกของสโมสร นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อทีมจากสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตามด้วยการชนะเลิศฟุตบอลถ้วยช้าง เอฟเอคัพ 2566–67 โดยชนะจุดโทษ ดราก้อน ปทุมวัน กาญจนบุรี 4–2 หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 1–1 ซึ่งถือเป็นแชมป์รายการเมเจอร์แรกในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่คว้าแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2549 และจบอันดับ 2 ในไทยลีก ฤดูกาล 2566–67
ในส่วนของการแข่งขันระดับเอเชีย สโมสรได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2023–24 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 15 ปี พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม เอฟ โดยอยู่ร่วมกลุ่มกับ สโมสรฟุตบอลช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ จากเกาหลีใต้ ไลออนซิตีเซเลอส์ จากสิงคโปร์ และ สโมสรกีฬาคิตฉี จากฮ่องกง โดยมีผลงานโดดเด่นจากการบุกไปชนะไลออนซิตีถึงสนามกีฬาจาลันเบอซาร์ 2–1 จากประตูของอีเวร์ตง กงชัลวีส ซาตูร์นีนู และฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ รวมทั้งเอาชนะช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 3–2 นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรด้วยการเข้ารอบสู่การแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับ โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส จากประเทศญี่ปุ่น โดยในเกมแรกสามารถยันเสมอได้ด้วยสกอร์ 2–2 ก่อนต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดายในเลกที่สองช่วงต่อเวลาพิเศษ 1–0 จากการเสียจุดโทษในนาทีที่ 120+2 ซึ่งโยโกฮะมะ เอ็ฟ มารินอส ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้
เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2023–24 กลุ่ม เอฟ
| อันดับ | ทีม | เล่น | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | คะแนน | การผ่านเข้ารอบ | |||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | 6 | 4 | 1 | 1 | 11 | 8 | +3 | 13 | ผ่านเข้าสู่ รอบ 16 ทีมสุดท้าย | — | 3–2 | 1–0 | 1–1 | ||
| 2 | 6 | 4 | 0 | 2 | 12 | 9 | +3 | 12 | 3–2 | — | 3–0 | 2–1 | |||
| 3 | 6 | 2 | 0 | 4 | 5 | 9 | −4 | 6 | 1–2 | 2–0 | — | 0–2 | |||
| 4 | 6 | 1 | 1 | 4 | 7 | 9 | −2 | 4 | 1–2 | 1–2 | 1–2 | — |
สโมสรผ่านเข้าสู่เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกอีลิท 2024–25 รอบคัดเลือกเพลย์ออฟ ไปพบกับสโมสรฟุตบอลชานตงไท่ชาน วันที่ 13 สิงหาคม 2567 อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องพลาดการลงแข่ง เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกอีลิท 2024–25 จากการดวลจุดโทษแพ้ด้วยผลประตู 4–3 และต้องลงเล่นในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกทู 2024–25 แทน โดยอยู่กลุ่มจีร่วมกับสโมสรฟุตบอลแท้ปซัญ นามดิ่ญ (เวียดนาม), สโมสรฟุตบอลแทมพินีสโรเวอส์ (สิงคโปร์) และ สโมสรฟุตบอลลีแมน (ฮ่องกง) ทรู แบงค็อกเป็นแชมป์กลุ่มจากการมี 13 คะแนน ผ่านเข้าไปพบสโมสรฟุตบอลซิดนีย์ พวกเขาสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีโดยบุกไปเสมอที่ซิดนีย์ 2–2 จากประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 96 โดยฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และเมื่อกลับมาแข่งในบ้าน พวกเขาแพ้ด้วยผลประตู 3–2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ตกรอบไปด้วยผลประตูรวมสองนัด 5–4
สโมสรคว้ารองแชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2567–68 อีกครั้งด้วยการมี 69 คะแนน พลาดแชมป์โดยมีแต้มน้อยกว่าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดคะแนนเดียว ได้สิทธิ์แข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกอีลิท 2025–26 แต่ตกรอบคัดเลือกโดยแพ้เฉิงตูหรงเฉิงทำให้ไม่ได้ไปต่อในการแข่งขันรอบลีก ตามด้วยการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน ฤดูกาล 2568–69 โดยทรู แบงค็อกอยู่กลุ่มบีซึ่งประกอบไปด้วยทีมที่แข็งแกร่งหลายทีมทั้ง สโมสรฟุตบอลแท้ปซัญ นามดิ่ญ, สโมสรฟุตบอลไลออนซิตีเซเลอส์ และ สโมสรฟุตบอลโจโฮร์ดารุลตักซิม ในฤดูกาล 2568–69 สโมสรยุติการลงเล่น ณ สนามกีฬาธรรมศาสตร์ และย้ายไปยังทรู บีจี สเตเดียม ด้วยความร่วมมือกับบีจี ปทุม ยูไนเต็ด
สัญลักษณ์สโมสร
[แก้]- ฤดูกาล 2543–2551
- ฤดูกาล 2552–2556
- ฤดูกาล 2557
- ฤดูกาล 2561–ปัจจุบัน
สนามแข่งขัน
[แก้]สโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพใช้ สนามกีฬาภายใน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ศูนย์กีฬาสุรี บูรณธนิต เป็นสนามแข่งขันในนัดเหย้า ต่อมาในปี 2552 หลังจากเปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ย้ายสนามเหย้ามาที่ สนามกีฬาศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
ในปี 2559 แบงค็อก ยูไนเต็ดย้ายไปใช้ สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ตั้งอยู่ ณ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ความจุ 20,000 ที่นั่ง และได้มาตรฐานจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียเมื่อปี 2559 ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมเพื่อลงแข่งขันในรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก
ต่อมาในฤดูกาล 2568–69 สโมสรมีการย้ายสนามเหย้าอีกครั้งไปยัง ทรู บีจี สเตเดียม จังหวัดปทุมธานีซึ่งจะใช้งานร่วมกับสโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด สนามมีความจุ 15,114 คน
ผู้เล่น
[แก้]ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
[แก้]หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
[แก้]หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นชุดรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
[แก้]หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ทีมงาน
[แก้]| ตำแหน่ง | สัญชาติ | ชื่อ |
|---|---|---|
| ประธานสโมสร | ขจร เจียรวนนท์ | |
| ผู้อำนวยการสโมสร | เอิร์นส์ มิดเดนดอร์ป | |
| ผู้จัดการทีม | สุรเดช อนันทพงศ์ | |
| หัวหน้าผู้ฝีกสอน | ธชตวัน ศรีปาน | |
| ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝีกสอน | ซารีฟ สายนุ้ย | |
| โค้ชฟิตเนส | เปาโล อเล็กซานเดร | |
| ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู | ปาโวล ฮรันเคียลิก | |
| นักกายภาพบำบัด | แอนดี้ ชิลลิงเกอร์ | |
| นักกายภาพบำบัด | นรีภัทร ลิ้มเทียมรัตน์, มงคล แซ่ท้าว, นคินทร์ สุวรรณหังสกุล | |
| เจ้าหน้าที่ทีม | ปกป้อง พงศ์จันทรเสถียร, นิธินันท์ ศิริลดาจินดาเลิศ, ชัชชัย พึ่งทอง, สุวิทย์ พิมพ์สวรรค์ | |
ทำเนียบผู้ฝึกสอน
[แก้]| ชื่อ | สัญชาติ | ระยะเวลา | ความสำเร็จ |
|---|---|---|---|
| สมชาย ทรัพย์เพิ่ม | 2549 – มีนาคม 2553 | ชนะเลิศ – ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2549 | |
| วรกร วิจารณรงค์ | มีนาคม – กรกฎาคม 2553 | ||
| ทวีรักษ์ สิทธิพูลทอง | กรกฎาคม – สิงหาคม 2553 | ||
| ประพล พงษ์พานิช | สิงหาคม 2553 – ตุลาคม 2554 | ||
| สุวโรจน์ อภิวัฒน์วราชัย | ตุลาคม – พฤศจิกายน 2554 | ||
| สะสม พบประเสริฐ | พฤศจิกายน 2554 – มกราคม 2557 | ||
| รุย เบงตู | มกราคม – เมษายน 2557 | ||
| ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล | เมษายน – มิถุนายน 2557 | ||
| อาเลชังดรี ปอลกิง | มิถุนายน 2557 – ตุลาคม 2563 | รองชนะเลิศ – ไทยลีก ฤดูกาล 2559 รองชนะเลิศ – เอฟเอคัพ 2560 รองชนะเลิศ – ไทยลีก ฤดูกาล 2561 | |
| ธชตวัน ศรีปาน | พฤศจิกายน 2563 – มีนาคม 2565 | ||
| ออเรลิโอ วิดมาร์ | มีนาคม – ธันวาคม 2565 | ||
| ธชตวัน ศรีปาน | ธันวาคม 2565 – | รองชนะเลิศ – ไทยลีก ฤดูกาล 2565–66 รองชนะเลิศ – ช้าง เอฟเอคัพ 2565–66 ชนะเลิศ – ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 2566 รองชนะเลิศ – ไทยลีก ฤดูกาล 2566–67 ชนะเลิศ – ช้าง เอฟเอคัพ 2566-67 รองชนะเลิศ – ไทยลีก ฤดูกาล 2567–68 |
สถิติ
[แก้]ผลงานของสโมสรในแต่ละฤดูกาล
[แก้]| ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ถ้วย ก/แชมเปียนส์คัพ | เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก | เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกทู | ผู้ทำประตูสูงสุด | ||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ดิวิชั่น | P | W | D | L | F | A | GD | Pts | Pos. | ชื่อ | ประตู | ||||||
| 2544/45 | ไทยลีกดิวิชั่น 1 | 20 | 10 | 6 | 4 | 39 | 15 | +21 | 36 | 3 | — | — | |||||
| 2545/46 | 22 | 13 | 8 | 1 | 42 | 10 | +32 | 47 | 1 | — | |||||||
| 2546/47 | ไทยพรีเมียร์ลีก | 18 | 9 | 4 | 5 | 26 | 22 | +4 | 31 | 4 | — | — | |||||
| 2547/48 | 18 | 5 | 7 | 6 | 16 | 21 | -5 | 22 | 7 | — | — | ||||||
| 2549 | 22 | 11 | 6 | 5 | 25 | 17 | +8 | 39 | 1 | รองชนะเลิศ | 7 | ||||||
| 2550 | 30 | 14 | 5 | 11 | 39 | 36 | +3 | 47 | 4 | รอบแบ่งกลุ่ม | — | 8 | |||||
| 2551 | 30 | 9 | 8 | 13 | 27 | 36 | -9 | 35 | 10 | — | — | 8 | |||||
| 2552 | 30 | 5 | 15 | 10 | 24 | 34 | -10 | 30 | 13 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 4 | ||||||
| 2553 | ไทยพรีเมียร์ลีก | 30 | 5 | 9 | 16 | 25 | 52 | -27 | 24 | 15 | รอบสี่ | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 5 | ||||
| 2554 | ไทยลีกดิวิชั่น 1 | 34 | 15 | 6 | 13 | 56 | 52 | +4 | 51 | 6 | รอบสอง | รอบแรก | 13 | ||||
| 2555 | ไทยลีกดิวิชั่น 1 | 34 | 23 | 5 | 6 | 57 | 29 | +28 | 74 | 3 | รอบสาม | รอบแรก | 17 | ||||
| 2556 | ไทยพรีเมียร์ลีก | 32 | 8 | 7 | 17 | 38 | 61 | -23 | 31 | 13 | รอบสี่ | รอบแรก | 9 | ||||
| 2557 | 38 | 15 | 14 | 9 | 38 | 37 | +1 | 54 | 8 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | รอบแรก | 12 | |||||
| 2558 | 34 | 16 | 9 | 9 | 59 | 47 | +12 | 57 | 5 | รอบแรก | รอบสอง | 13 | |||||
| 2559 | 31 | 26 | 2 | 3 | 72 | 36 | +36 | 75 | 2 | รอบแรก | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 20 | |||||
| 2560 | ไทยลีก | 34 | 21 | 3 | 10 | 97 | 57 | +40 | 66 | 3 | รองชนะเลิศ | รอบสอง | รอบคัดเลือกเพลย์ออฟ รอบ 2 | — | 38 | ||
| 2561 | 34 | 21 | 5 | 10 | 68 | 36 | +32 | 71 | 2 | รอบแรก | รอบสอง | — | — | 14 | |||
| 2562 | 30 | 13 | 11 | 6 | 55 | 32 | +23 | 50 | 4 | รอบรองชนะเลิศ | รอบก่อนรองชนะเลิศ | รอบคัดเลือกเพลย์ออฟ รอบ 2 | — | 16 | |||
| 2563–64 | 30 | 15 | 6 | 9 | 57 | 39 | +18 | 51 | 5 | รอบรองชนะเลิศ | งดจัดการแข่งขัน | — | — | 12 | |||
| 2564–65 | 30 | 15 | 8 | 7 | 53 | 30 | +23 | 53 | 3 | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | รอบ 8 ทีมสุดท้าย | 15 | |||||
| 2565–66 | 30 | 19 | 5 | 6 | 55 | 22 | +33 | 62 | 2 | รองชนะเลิศ | รอบ 8 ทีมสุดท้าย | 12 | |||||
| 2566–67 | 30 | 17 | 10 | 3 | 58 | 24 | 34 | 61 | 2 | ชนะเลิศ | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | ชนะเลิศ | รอบ 16 ทีม | — | 20 | ||
| 2567–68 | 30 | 21 | 6 | 3 | 63 | 30 | 33 | 69 | 2 | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | รอบก่อนรองชนะเลิศ | รอบเพลย์ออฟ | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | 22 | |||
| 2568–69 | รอบเพลย์ออฟ | ||||||||||||||||
|
ชนะเลิศ |
รองชนะเลิศ |
อันดับที่สาม |
เลื่อนชั้น |
ตกชั้น |
N/A = ไม่ทราบข้อมูล |
ผลงานระดับทวีป
[แก้]เกียรติประวัติ
[แก้]
ชนะเลิศ (1) : 2549
รองชนะเลิศ (4) : 2559, 2561, 2565–66, 2566–67
ชนะเลิศ (1) : 2545–46
ชนะเลิศ (1) : 2566–67
รองชนะเลิศ (2) : 2560, 2565–66
ชนะเลิศ (1) : 2566
สโมสรพันธมิตร
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ทรู แบงค็อกฯ จ่อทำลายสถิติตลอดกาลสโมสรไทยถ้วยเอเชีย". www.siamsport.co.th (ภาษาอังกฤษ). 2023-10-26. สืบค้นเมื่อ 2025-09-11.
- ↑ "ส่องขุมกำลัง 5 ทีม แย่งแชมป์ไทยลีก 2017". mgronline.com. 2017-01-04. สืบค้นเมื่อ 2025-09-11.
- ↑ "สุดเดือด 4 แดง! เชียงรายไล่ขยี้แบงค็อก 4-2 ซิวแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ". www.thairath.co.th (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-09-11.
- ↑ "บทสรุปไทยลีก 2018 : ทีมไหนแชมป์, ทีมไหนตกชั้น - เลื่อนชั้น". kapook.com. 2018-10-08. สืบค้นเมื่อ 2025-09-11.
- ↑ "On This Day : "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน ลาออกจากการคุมเมืองทองหลังพ่าย ประจวบ เอฟซี 1-6". Mainstand. 2022-03-11. สืบค้นเมื่อ 2025-09-11.
- ↑ ทรู บียู-ปราการฯ จับมือส่งโค้ช-ดาวรุ่งลุยไทยลีก 3