ข้ามไปเนื้อหา

อิซาเบล กลารา เอวเฆเนียแห่งสเปน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อิซาเบล กลารา เอวเฆเนียแห่งสเปน
อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย
ผู้ปกครองเนเธอร์แลนด์ของสเปน
ภาพเหมือนของอินฟันตา กลารา เอวเฆเนีย โดย ปีเตอร์ พอล รูเบนส์
ประมุขแห่งเนเธอร์แลนด์ของสเปน[a]
ดำรงพระยศ6 พฤษภาคม ค.ศ.1598 – 13 กรกฎาคม ค.ศ.1621
ก่อนหน้าเฟลิเปที่ 2
ถัดไปเฟลิเปที่ 4
ปกครองร่วมกับอัลเบร็ชท์ที่ 7 อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย
ข้าหลวงต่างพระองค์แห่งเนเธอร์แลนด์ของฮาพส์บวร์ค
ดำรงพระยศ13 กรกฎาคม ค.ศ. 1621 – 1 ธันวาคม ค.ศ. 1633
ก่อนหน้าเนเธอร์แลนด์ปกครองตนเองอย่างอิสระ
ถัดไปพระคาร์ดินัล-อินฟันเตเฟร์นันโดแห่งสเปน
ประสูติ(1566-08-12)12 สิงหาคม 1566
พระราชวังบัลซาอิน, เซโกเบีย, ราชอาณาจักรสเปน
สวรรคต1 ธันวาคม ค.ศ. 1633(1633-12-01) (67 ปี)
บรัสเซลส์ เนเธอร์แลนด์ของสเปน
ฝังพระศพมหาวิหารเซนต์มิเชลและนักบุญกูดูลา, บรัสเซลส์
พระสวามีอัลเบร็ชท์ที่ 7 อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย
(สมรส 1599; เสียชีวิต 1621)
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค
พระราชบิดาพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน
พระราชมารดาเอลีซาแบ็ตแห่งวาลัว
ศาสนาโรมันคาทอลิก
ลายพระอภิไธย

อิซาเบล กลารา เอวเฆเนียแห่งสเปน (สเปน: Isabel Clara Eugenia de Austria y Borbón) (12 สิงหาคม ค.ศ.1566 – 1 ธันวาคม ค.ศ.1633) เป็นเจ้าหญิงแห่งสเปน ผู้ทรงได้รับการยอมรับในฐานะ ผู้ปกครองเนเธอร์แลนด์ของสเปน (Spanish Netherlands) ร่วมกับพระสวามี อาร์ชดยุกอัลเบิร์ตที่ 7 แห่งออสเตรีย (Archduke Albert VII of Austria) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1598 ถึง ค.ศ.1621 และทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่อมา จนกระทั่งสวรรคต พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากในการเมืองยุโรป ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 รวมถึงทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ศิลปะและวัฒนธรรมบาโรกในภูมิภาคเบลเยียมในปัจจุบัน

พระชนม์ชีพในวัยเยาว์และครอบครัว

[แก้]

อิซาเบล กลารา เอวเฆเนีย ประสูติ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1566 ณ พระราชวังเซโกเวีย (Palacio de Valsaín) ในเมืองเซโกเวีย ประเทศสเปน พระองค์ทรงเป็นพระธิดาใน พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน (Philip II of Spain) กษัตริย์ผู้ทรงอำนาจแห่งจักรวรรดิสเปน และ เอลิซาเบธแห่งวาลัวส์ (Elisabeth of Valois) ซึ่งเป็นพระธิดาของ พระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส (Henry II of France) และพระนางแคทเธอรีน เดอ เมดีชี (Catherine de' Medici) ทำให้พระองค์ทรงมีสายเลือดราชวงศ์ที่สำคัญจากทั้งสเปนและฝรั่งเศส อิซาเบลมีพระขนิษฐาเพียงพระองค์เดียวที่รอดชีวิตมาได้ คือ อินฟันตาคาตาลินา มิคาเอลลาแห่งสเปน (Infanta Catalina Micaela of Spain) ซึ่งต่อมาได้อภิเษกสมรสกับดยุกแห่งซาวอย

อิซาเบลทรงเติบโตขึ้นในราชสำนักสเปนที่เคร่งศาสนาและเข้มงวด พระองค์ทรงเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของพระบิดา ซึ่งผิดวิสัยจากพระอุปนิสัยที่มักจะทรงเคร่งขรึมและไม่ค่อยแสดงอารมณ์ พระองค์ทรงให้ความไว้วางใจอิซาเบลอย่างมาก ถึงขนาดที่ทรงอนุญาตให้พระธิดาประทับอยู่ในห้องทรงงานของพระองค์ ในระหว่างที่ทรงตรวจเอกสารและงานราชการ นับเป็นสิทธิพิเศษที่ไม่เคยมีราชบุตรองค์ใดได้รับมาก่อน พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 ทรงใช้เวลาในการสอนอิซาเบลเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน และทรงมอบหมายงานบางอย่างให้เธอช่วยดำเนินการ เช่น การแปลเอกสารสำคัญจากภาษาอิตาลีหรือละตินเป็นภาษาสเปน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความฉลาดและความสามารถในการเรียนรู้ภาษาของพระองค์ นอกจากนี้ อิซาเบลยังเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างและดูแลพระบิดาอย่างใกล้ชิดในช่วงที่พระองค์ทรงประชวรหนักก่อนที่จะเสด็จสวรรคต ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้ได้หล่อหลอมให้อิซาเบลเป็นสตรีที่มีความรู้ความเข้าใจในกิจการบ้านเมืองอย่างลึกซึ้ง

การอภิเษกสมรสและเงื่อนไขทางการเมือง

[แก้]

การอภิเษกสมรสของอิซาเบล กลารา เอวเฆเนียกับ อาร์ชดยุกอัลเบิร์ตที่ 7 แห่งออสเตรีย จัดขึ้น เมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ.1599 ณ เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน อาร์ชดยุกอัลเบิร์ต ทรงเป็นพระโอรสในจักรพรรดิมักซีมีเลียนที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Maximilian II, Holy Roman Emperor) และเป็นพระญาติสนิทของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 เดิมที อัลเบิร์ตทรงได้รับการศึกษาเพื่อเตรียมเป็นพระคาร์ดินัลและเคยทรงดำรงตำแหน่งเป็นอุปราชแห่งโปรตุเกส แต่สถานการณ์ทางการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป

การแต่งงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่สำคัญของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 เพื่อแก้ปัญหาสงครามแปดสิบปี (Eighty Years' War) ที่ยืดเยื้อและสร้างความเสียหายอย่างหนักในเนเธอร์แลนด์ของสเปน โดยพระองค์ตัดสินพระทัยที่จะยกเนเธอร์แลนด์ของสเปนทั้งหมด (ซึ่งรวมถึง ฟลานเดอร์ส, อาร์ตัวส์, วอลโลเนีย และส่วนอื่นๆ ของเบลเยียมและลักเซมเบิร์กในปัจจุบัน) ให้เป็นสินสมรส (dowry) แก่อิซาเบลและอัลเบิร์ต โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า หากทั้งสองพระองค์ไม่มีทายาทสืบทอดดินแดนนี้ ดินแดนจะกลับคืนสู่การปกครองของราชบัลลังก์สเปน การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงในภูมิภาค โดยหวังว่าการมีผู้ปกครองท้องถิ่นที่มาจากสายเลือดราชวงศ์สเปนและจักรวรรดิจะช่วยยุติความขัดแย้งและสร้างสันติภาพขึ้นในภูมิภาคที่วุ่นวายและกบฏมาอย่างยาวนาน

ผู้ปกครองเนเธอร์แลนด์ของสเปน: ยุคแห่งสันติภาพและการฟื้นฟู

[แก้]

หลังจากอภิเษกสมรส อิซาเบลและอัลเบิร์ตทรงเดินทางเข้าสู่กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ของสเปน โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชน พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็น "ผู้ปกครองร่วม" (Sovereigns) ซึ่งมีอำนาจในการบริหารและปกครองดินแดนแห่งนี้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพียงผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน นับเป็นช่วงเวลาที่เนเธอร์แลนด์ของสเปน เริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ "ยุคของอาร์ชดยุก" (Archdukes' Reign)

การปกครองและนโยบาย

[แก้]

การปกครองของอิซาเบลและอัลเบิร์ต ซึ่งมักถูกเรียกรวมกันว่า "อาร์ชดยุกทั้งสอง" ถือเป็นยุคแห่งการฟื้นฟูที่สำคัญสำหรับเนเธอร์แลนด์ของสเปน หลังจากการสู้รบที่ยืดเยื้อกับสาธารณรัฐดัตช์นานนับทศวรรษ ทั้งสองพระองค์ทรงมุ่งเน้นนโยบายไปที่การสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และการฟื้นฟูประเทศเป็นหลัก

นโยบายที่สำคัญที่สุดคือความพยายามในการยุติสงครามกับสาธารณรัฐดัตช์ ซึ่งนำไปสู่การลงนามใน สนธิสัญญา 12 ปี (Twelve Years' Truce) ในปี ค.ศ.1609 สนธิสัญญาสันติภาพชั่วคราวนี้เป็นการยุติการสู้รบที่ยาวนานถึง 40 ปี และเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างพื้นฐานของเนเธอร์แลนด์ของสเปนได้ฟื้นตัวและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ใช่การยุติสงครามอย่างถาวร แต่ก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุขที่สำคัญอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ทั้งสองพระองค์ยังทรงปรับปรุงระบบบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทรงปฏิรูปการศาลและระบบภาษีให้มีความเป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งทรงส่งเสริมการค้า การเกษตร และอุตสาหกรรมในท้องถิ่นอย่างแข็งขัน

ในด้านความสัมพันธ์กับศาสนาและวัฒนธรรม ทั้งอิซาเบลและอัลเบิร์ตทรงเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัดมาก ทรงสนับสนุนการฟื้นฟูคาทอลิกในดินแดนของพระองค์อย่างแข็งขัน และทรงอุปถัมภ์คณะสงฆ์ต่างๆ โดยเฉพาะ คณะเยสุอิต (Jesuits) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูการศึกษาและศาสนาคาทอลิก การสนับสนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ที่กำลังแพร่ขยายอยู่ในยุโรป

อุปถัมภ์ศิลปะและวัฒนธรรม: ศูนย์กลางศิลปะบาโรก

[แก้]

ราชสำนักของเจ้าหญิงอิซาเบลและอาร์ชดยุกอัลเบิร์ตที่กรุงบรัสเซลส์ ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านศิลปะ บาโรก (Baroque) ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะที่กระตือรือร้นและมีรสนิยมสูง สามารถดึงดูดศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ และนักคิดจากทั่วทวีปยุโรป ให้มารวมตัวกันที่ราชสำนักแห่งนี้

พระองค์ทรงอุปถัมภ์ศิลปินชื่อดังระดับโลกหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ (Peter Paul Rubens) ผู้ซึ่งเป็นศิลปินประจำราชสำนักและมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกมากมายให้กับอาร์ชดยุกทั้งสอง ซึ่งรวมถึงภาพวาดทางศาสนาและภาพเหมือนราชวงศ์ นอกจากนี้ยังมีศิลปินคนอื่นๆ ที่ได้รับพระราชูปถัมภ์ เช่น อันโตนี แวน ไดค์ (Anthony van Dyck), ฟรานส์ สไนเดอร์ส (Frans Snyders) และ จาคอบ จอร์แดนส์ (Jacob Jordaens) ซึ่งล้วนเป็นจิตรกรชั้นนำในยุคนั้น

อาร์ชดยุกทั้งสอง ทรงมีคอลเลกชันงานศิลปะส่วนพระองค์ขนาดใหญ่และหลากหลายอย่างน่าทึ่ง ประกอบไปด้วยภาพวาด ประติมากรรม สิ่งทอ และเครื่องประดับอันล้ำค่า การสะสมงานศิลปะเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนรสนิยมส่วนพระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงอำนาจและความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่ของราชสำนักอีกด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองพระองค์ยังทรงให้การสนับสนุนการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตกแต่งพระราชวังในกรุงบรัสเซลส์และสถานที่สำคัญทางศาสนา สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างให้เมืองหลวงแห่งนี้มีความงดงามและโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมมากยิ่งขึ้นในยุคนั้น

ช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพและการสวรรคต

[แก้]

ความสุขจากการปกครองร่วมสิ้นสุดลง เมื่ออาร์ชดยุกอัลเบิร์ตที่ 7 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1621 การสวรรคตของพระสวามีเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในพระชนม์ชีพของเจ้าหญิงอิซาเบล ตามเงื่อนไขของพระราชทานเนเธอร์แลนด์ของสเปน หากไม่มีทายาท ดินแดนนี้จะกลับคืนสู่ราชบัลลังก์สเปน เนื่องจากทั้งสองพระองค์ไม่มีพระโอรสธิดา ดินแดนนี้จึงกลับคืนสู่การปกครองของกษัตริย์สเปน ในขณะนั้นคือ พระเจ้าเฟลิเปที่ 4 แห่งสเปน (Philip IV of Spain)

อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถและประสบการณ์อันโดดเด่นของเจ้าหญิงอิซาเบล พระเจ้าเฟลิเปที่ 4 ทรงตัดสินพระทัยแต่งตั้งให้พระองค์เป็น ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน (Governor) ในเนเธอร์แลนด์ของสเปนต่อไป จนกระทั่งสวรรคต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจและคุณูปการที่พระองค์มีต่ออาณาจักร แม้ว่าจะทรงอยู่ในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน แต่พระองค์ยังคงมีอำนาจในการบริหารประเทศอย่างกว้างขวาง

ช่วงหลังจากการสวรรคตของอัลเบิร์ต เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเนเธอร์แลนด์ของสเปน สงครามแปดสิบปีได้ปะทุขึ้นอีกครั้งหลังจากการสิ้นสุดของสนธิสัญญา 12 ปี ในปี ค.ศ.1621 ทำให้อิซาเบลต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการสงคราม การเงิน และการรักษาความมั่นคงของดินแดน แม้จะทรงเผชิญกับความยากลำบากเหล่านี้ แต่พระองค์ก็ยังคงทรงบริหารราชการด้วยความมุ่งมั่นและรอบคอบ

เจ้าหญิงอิซาเบล กลารา เอวเฆเนีย สวรรคต เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ.1633 ที่กรุงบรัสเซลส์ ด้วยพระชนมายุ 67 พรรษา พระศพของพระองค์ถูกฝังอยู่ข้างพระสวามี อาร์ชดยุกอัลเบิร์ต ที่มหาวิหารเซนต์มิเชลและนักบุญกูดูลา (Cathedral of St. Michael and St. Gudula) ในกรุงบรัสเซลส์

มรดก

[แก้]

เจ้าหญิงอิซาเบล กลารา เอวเฆเนีย เป็นที่จดจำในฐานะผู้ปกครองที่ฉลาดและมากความสามารถ ทั้งยังอุทิศตนเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นในการบริหารจัดการดินแดนที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งได้อย่างยอดเยี่ยม

ช่วงการปกครองของเจ้าหญิงอิซาเบลและอาร์ชดยุกอัลเบิร์ตถือเป็น "ยุคทอง" ของเนเธอร์แลนด์ของสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านศิลปะ วัฒนธรรม และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ราชสำนักของพระองค์ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะและวัฒนธรรมอันล้ำค่ามากมายที่ยังคงเป็นมรดกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นหนึ่งในสตรีไม่กี่พระองค์ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 ที่มีบทบาททางการเมืองและการปกครองที่สำคัญและทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสตรีก็สามารถเป็นผู้นำที่มีความสามารถในการบริหารจัดการรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน

ในชีวิตส่วนพระองค์ หลังจากอาร์ชดยุกอัลเบิร์ตเสด็จสวรรคต เจ้าหญิงอิซาเบลทรงสวมใส่ชุดของนักบวชคณะฟรันซิสกัน และทรงอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่ในการเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ควบคู่ไปกับการบำเพ็ญเพียรทางศาสนาอย่างเคร่งครัด

อ้างอิง

[แก้]

    https://en.wikipedia.org/wiki/Isabella_Clara_Eugenia

    https://www.britannica.com/biography/Isabella-Clara-Eugenia

    https://www.wikidata.org/wiki/Q158256

    https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Infanta_Isabella_Clara_Eugenia_of_Spain

    ดูเพิ่ม

    [แก้]


    1. พระมหากษัตริย์ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คปกครองกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำด้วยตำแหน่งในนามคือ ดยุกและดัชเชสแห่งบูร์กอญ.
    อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน