เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
เจ้าพระยาโกษาธิบดี | |
|---|---|
ภาพวาดเมื่อ พ.ศ. 2227 | |
| หัวหน้าคณะราชทูตอาณาจักรอยุธยาไปยังราชสำนักฝรั่งเศส | |
| ดำรงตำแหน่ง มิถุนายน พ.ศ. 2229 – มีนาคม พ.ศ. 2230 ดำรงตำแหน่งร่วมกับ ออกหลวงกัลยาราชไมตรี และ ออกขุนศรีวิสารวาจา | |
| แต่งตั้งโดย | พระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) |
| กษัตริย์ | สมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
| ก่อนหน้า | ขุนพิชัยวาลิต ขุนพิจิตรไมตรี |
| ถัดไป | ออกขุนชำนาญใจจง ออกขุนวิเศษภูบาล ออกหมื่นพิพิธราชา |
| ข้อมูลส่วนบุคคล | |
| เกิด | ปาน พ.ศ. 2176[1] กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา |
| เสียชีวิต | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2242 (อายุ 66 ปี)[1] กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา |
| เชื้อชาติ | สยามเชื้อสายมอญ[1] |
| ศาสนา | พุทธศาสนาเถรวาท |
| บุตร | 4 คน รวมถึง เจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) |
| บุพการี | เจ้าแม่วัดดุสิต (มารดา)[1] |
| ญาติ | เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) (พี่ชาย) |
เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ชื่อเกิด ปาน; พ.ศ. 2176 – 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2242) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า โกษาปาน เป็นขุนนางชาวสยามผู้มีบทบาทสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชื่อเสียงจากการเป็นหัวหน้าคณะราชทูตที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2229[2] ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การทูตไทยในสมัยโบราณ
เจ้าพระยาโกษาธิบดีมีนามเดิมว่า ปาน เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมชั้นเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับสามีผู้มีเชื้อสายจากพระยาเกียรติ์ และพระยาราม เขาเกิดในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง[1]
นอกจากนี้ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ยังเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์จักรี โดยเป็นปู่ของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีและผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์[3]
ประวัติ
[แก้]ปาน เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช[1] และเป็นน้องชายของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ซึ่งดำรงตำแหน่งพระคลังระหว่าง พ.ศ. 2200–2226[4] ปานมีบุตรทั้งสิ้น 4 คน[5][6][7] รวมถึง ขุนทอง ภายหลังได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) เสนาดีกรมคลัง ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี

ปานได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "ออกพระวิสุทธสุนทร" และใน พ.ศ. 2229 ได้รับแต่งตั้งเป็นราชทูตนำคณะทูตอาณาจักรอยุธยาเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรฝรั่งเศส ซึ่งในขณะนั้นมีอิทธิพลอย่างสูงในราชสำนักของสมเด็จพระนารายณ์ โดยจุดมุ่งหมายของฝรั่งเศสคือการเผยแพร่คริสต์ศาสนา การเจรจาให้พระมหากษัตริย์อยุธยาเข้ารีต ตลอดจนการตั้งกำลังทหารฝรั่งเศสในเมืองบางกอกและเมืองมะริด[8]
คณะราชทูตประกอบด้วย ปาน ในฐานะราชทูต, ออกหลวงกัลยาราชไมตรี (อุปทูต), ออกขุนศรีวิสารวาจา (ตรีทูต), พร้อมด้วยบาทหลวงเดอ ลีออง และผู้ติดตามรวมกว่า 40 คน เดินทางออกจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2229 และได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ณ พระราชวังแวร์ซาย เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปีเดียวกัน[9] คณะทูตเดินทางกลับถึงกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2230[10]
ปานเป็นนักการทูตที่มีบุคลิกสุขุม พูดน้อย และมีความละเอียดลออในการจดบันทึกสิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินทาง[11] การเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของคณะราชทูตจากอยุธยาถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคณะทูตจากราชอาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการกับฝรั่งเศส คณะทูตได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ มีการจัดทำเหรียญที่ระลึกและภาพวาดเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์[11]
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงกล่าวถึงปานไว้ในพระราชสาส์นที่มีถึงสมเด็จพระนารายณ์ว่า:
ราชทูตของพระองค์นี้ รู้สึกว่าเป็นคนรอบคอบ รู้จักปฏิบัติราชกิจของพระองค์ถี่ถ้วนดีมาก หากเรามิฉวยโอกาสนี้เพื่อเผยแพร่ความชอบแห่งราชทูตของพระองค์บ้าง ก็จะเป็นการอยุติธรรมไป เพราะราชทูตได้ปฏิบัติล้วนถูกใจเราทุกอย่าง โดยแต่น้ำคำที่พูดออกมาทีไร แต่ละคำ ๆ ก็ดูน่าปลื้มใจ และน่าเชื่อถือทุกคำ
— พระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึงสมเด็จพระนารายณ์ ประมาณ พ.ศ. 2230[12]
ด้วยวาทศิลป์และความสามารถทางการทูตของเขา ปานจึงได้รับสมญาว่า "ราชทูตลิ้นทอง" หรือ "นักการทูตลิ้นทอง"[13]
การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231
[แก้]หลังกลับกรุงศรีอยุธยา ปานถูกกดดันให้เข้ากลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสของสมเด็จพระเพทราชาซึ่งประกอบด้วยขุนนางที่ไม่พอใจฝรั่งเศสที่มีอำนาจมากในกรุงศรีอยุธยา การยึดอำนาจที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาส่งผลให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพ้นจากราชบัลลังก์และขับไล่ทหารฝรั่งเศสซึ่งปานได้รับการส่งให้ไปเจรจาด้วย จากนั้น ปานจึงได้เป็นเจ้าพระยาพระคลัง[14][15]
เองเงิลแบร์ท เคมพ์เฟอร์ นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน พบกับปานใน ค.ศ. 1690 และเขียนบรรยายไว้ว่า ปานมีภาพของราชวงศ์ฝรั่งเศสกับแผนที่ยุโรปแขวนอยู่ในห้องโถงบ้าน[16]
เขาเป็นคนน่ามองและมีวิสัยทัศน์ดียิ่งกว่าคนใด ๆ ที่ข้าพเจ้าเคยพบในหมู่มนุษย์ชนชาติผิวคล้ำนี้... เขายังเข้าใจรวดเร็ว และมีอากัปกิริยากระตือรือร้น ซึ่งเป็นเหตุให้เขาได้รับการตั้งให้เป็นทูตไปฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่ปีก่อน และเขามักสร้างความบันเทิงให้แก่เราด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับประเทศดังกล่าว การปกครองประเทศนั้น ค่ายคูประตูหอรบ และสิ่งอื่น ๆ ทำนองเดียวกัน และที่โถงบ้านเขาซึ่งเราพบกันเป็นการส่วนตัวนั้นมีรูปราชวงศ์ฝรั่งเศสกับแผนที่ยุโรปแขวนอยู่ ส่วนเครื่องเรือนอื่น ๆ หามีอันใดนอกจากฝุ่นและหยากไย่
— เองเงิลแบร์ท เคมพ์เฟอร์ (1727/1987:38).[17]
ใน ค.ศ. 1699 กี ตาชาร์ บาทหลวงคณะเยสุอิต เข้าพบปานและพระเพทราชา แต่การพบกันเป็นแต่ทางพิธีการ ไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ใด ๆ[18]
การเสียชีวิต
[แก้]

เมื่อสิ้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชใน พ.ศ. 2231 สมเด็จพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ต่อ ปานได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาโกษาธิบดี ว่าการพระคลัง[19]
ใน พ.ศ. 2239 ปานถูกลงอาญาอยู่บ่อยครั้ง เนื่องด้วยเป็นที่นิยมในหมู่ราษฎร มีครั้งหนึ่งสมเด็จพระเพทราชากริ้วมาก ใช้พระแสงตัดปลายจมูกของปาน[20] บางแหล่งว่า ที่ถูกตัดจมูก เพราะเขาถูกกล่าวหาว่า จงรักภักดีต่อฝรั่งเศสและสมเด็จพระนารายณ์มหาราช [21]
ใน พ.ศ. 2242 เขาถูกลงพระราชอาญา ภรรยา อนุภรรยา รวมทั้งบุตรสาวและบุตรชาย ถูกคุมขัง ทรัพย์สมบัติก็ถูกริบหมด[20]
บางแหล่งว่า เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายใน พ.ศ. 2243[21] บางคนว่า เขาใช้มีดแทงตัวตาย บางคนว่า เขาถูกโบยด้วยเชือกจนตาย[20]
ต้นตระกูลราชวงศ์จักรี
[แก้]มีคำกล่าวกันว่า โกษาปานเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์จักรี[22] เพราะมีสถานะเป็นบิดาของเจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) พระปัยกาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งภายหลังเข้ารับราชการกับสมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดีและยังเป็นปู่ของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช [3][23]
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
[แก้]ละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิตออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มีตัวละครหนึ่งชื่อ "พระยาวิสูตรสุนทร" หรือ "เจ้าพระยาโกษาธิบดี" นำแสดงโดยชาติชาย งามสรรพ์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- 1 2 3 4 5 6 มานพ ถนอมศรี, 2533, หน้า 13–14
- ↑ มานิจ ชุมสาย, 2531, หน้า 100
- 1 2 Smithies, 2002, p. 100
- ↑ เปิดประวัติวีรบุรุษคนสำคัญ! 'โกษาเหล็ก' แม่ทัพผู้ช่ำชองด้านการศึกษา ใช้จิตวิทยารบชนะพม่า ข่าวสดออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2561
- ↑ พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. สมเด็จพระชนกาธิบดี พระปฐมราชวงศ์จักรี. กรุงเทพฯ: บันทึกสยาม, 2564, หน้า 45.
- ↑ แสงเทียน ศรัทธาไทย. มหาอุทรโอบอุ้มมหาราช. กรุงเทพฯ: ร่มฟ้าสยาม, 2548, หน้า 128.
- ↑ พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. เล่าเรื่องเมืองสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: เอ็ม.บี.เอ, 2536, หน้า 139.
- ↑ เปิดวาร์ป “โกษาปาน” ในบุพเพสันนิวาส กับภาพวาดฝีมือชาวฝรั่งเศส ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม 2561
- ↑ มานพ ถนอมศรี. 2533. หน้า 24–26.
- ↑ มานิจ ชุมสาย. 2531. หน้า 143.
- 1 2 'โกษาปาน' นักการทูตผู้สุขุม รูปงาม ไทยโพสต์. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2561
- ↑ มานพ ถนอมศรี. 2533. หน้า 11.
- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน (2011). "พจนานุกรมคำใหม่ เล่ม 3 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน" (PDF). กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2014-07-18. สืบค้นเมื่อ 15 July 2014.
- ↑ Smithies 2002, p. 35
- ↑ Smithies 1999, p. 2
- ↑ Suarez, p. 30
- ↑ Quoted in Smithies 2002, p. 180
- ↑ Smithies 2002, p. 185
- ↑ เปิดประวัติสุดเศร้า! ฝรั่งเศสบันทึกชะตากรรมโกษาปาน โดนตัดจมูก-เฆี่ยน จนฆ่าตัวตาย! ข่าวสดออนไลน์ สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2561
- 1 2 3 มานพ ถนอมศรี 2533, หน้า 38
- 1 2 มานิจ ชุมสาย 2531, หน้า 203
- ↑ Smithies 2002, p.180
- ↑ มานพ ถนอมศรี 2533, หน้า 40-42
บรรณานุกรม
[แก้]- Smithies, Michael (1999), A Siamese embassy lost in Africa 1686, Silkworm Books, Bangkok, ISBN 974-7100-95-9
- Smithies, Michael (2002), Three military accounts of the 1688 "Revolution" in Siam, Itineria Asiatica, Orchid Press, Bangkok, ISBN 974-524-005-2
- มานพ ถนอมศรี (1990). เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) (PDF). กรุงเทพมหานคร: ต้นอ้อ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2021-02-24. สืบค้นเมื่อ 2018-03-31.
- มานิจ ชุมสาย (1988). สมเด็จพระนารายณ์และโกษา (PDF). ธิติมา พิทักษ์ไพรวัน. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ. ISBN 9741006071. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 2018-03-31.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
- กรมศิลปากร (2529). สมเด็จพระนารายณ์และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (pdf). กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร.[ลิงก์เสีย]