ข้ามไปเนื้อหา

เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าพระยาโกษาธิบดี
ภาพวาดเมื่อ พ.ศ. 2227
หัวหน้าคณะราชทูตอาณาจักรอยุธยาไปยังราชสำนักฝรั่งเศส
ดำรงตำแหน่ง
มิถุนายน พ.ศ. 2229  มีนาคม พ.ศ. 2230
แต่งตั้งโดยพระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
กษัตริย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ก่อนหน้าขุนพิชัยวาลิต
ขุนพิจิตรไมตรี
ถัดไปออกขุนชำนาญใจจง
ออกขุนวิเศษภูบาล
ออกหมื่นพิพิธราชา
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
ปาน

พ.ศ. 2176[1]
กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา
เสียชีวิต15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2242 (อายุ 66 ปี)[1]
กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา
เชื้อชาติสยามเชื้อสายมอญ[1]
ศาสนาพุทธศาสนาเถรวาท
บุตร4 คน รวมถึง เจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง)
บุพการีเจ้าแม่วัดดุสิต (มารดา)[1]
ญาติเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) (พี่ชาย)

เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ชื่อเกิด ปาน; พ.ศ. 2176 – 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2242) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า โกษาปาน เป็นขุนนางชาวสยามผู้มีบทบาทสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชื่อเสียงจากการเป็นหัวหน้าคณะราชทูตที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2229[2] ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การทูตไทยในสมัยโบราณ

เจ้าพระยาโกษาธิบดีมีนามเดิมว่า ปาน เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมชั้นเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับสามีผู้มีเชื้อสายจากพระยาเกียรติ์ และพระยาราม เขาเกิดในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง[1]

นอกจากนี้ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ยังเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์จักรี โดยเป็นปู่ของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีและผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์[3]

ประวัติ

[แก้]

ปาน เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช[1] และเป็นน้องชายของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ซึ่งดำรงตำแหน่งพระคลังระหว่าง พ.ศ. 2200–2226[4] ปานมีบุตรทั้งสิ้น 4 คน[5][6][7] รวมถึง ขุนทอง ภายหลังได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) เสนาดีกรมคลัง ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี

คณะราชทูตจากกรุงศรีอยุธยา นำโดยออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) ขณะเข้าเฝ้าและถวายราชสาสน์แด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ณ ห้องกระจก พระราชวังแวร์ซาย เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229

ปานได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "ออกพระวิสุทธสุนทร" และใน พ.ศ. 2229 ได้รับแต่งตั้งเป็นราชทูตนำคณะทูตอาณาจักรอยุธยาเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรฝรั่งเศส ซึ่งในขณะนั้นมีอิทธิพลอย่างสูงในราชสำนักของสมเด็จพระนารายณ์ โดยจุดมุ่งหมายของฝรั่งเศสคือการเผยแพร่คริสต์ศาสนา การเจรจาให้พระมหากษัตริย์อยุธยาเข้ารีต ตลอดจนการตั้งกำลังทหารฝรั่งเศสในเมืองบางกอกและเมืองมะริด[8]

คณะราชทูตประกอบด้วย ปาน ในฐานะราชทูต, ออกหลวงกัลยาราชไมตรี (อุปทูต), ออกขุนศรีวิสารวาจา (ตรีทูต), พร้อมด้วยบาทหลวงเดอ ลีออง และผู้ติดตามรวมกว่า 40 คน เดินทางออกจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2229 และได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสพระราชวังแวร์ซาย เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปีเดียวกัน[9] คณะทูตเดินทางกลับถึงกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2230[10]

ปานเป็นนักการทูตที่มีบุคลิกสุขุม พูดน้อย และมีความละเอียดลออในการจดบันทึกสิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินทาง[11] การเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของคณะราชทูตจากอยุธยาถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคณะทูตจากราชอาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการกับฝรั่งเศส คณะทูตได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ มีการจัดทำเหรียญที่ระลึกและภาพวาดเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์[11]

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงกล่าวถึงปานไว้ในพระราชสาส์นที่มีถึงสมเด็จพระนารายณ์ว่า:

ราชทูตของพระองค์นี้ รู้สึกว่าเป็นคนรอบคอบ รู้จักปฏิบัติราชกิจของพระองค์ถี่ถ้วนดีมาก หากเรามิฉวยโอกาสนี้เพื่อเผยแพร่ความชอบแห่งราชทูตของพระองค์บ้าง ก็จะเป็นการอยุติธรรมไป เพราะราชทูตได้ปฏิบัติล้วนถูกใจเราทุกอย่าง โดยแต่น้ำคำที่พูดออกมาทีไร แต่ละคำ ๆ ก็ดูน่าปลื้มใจ และน่าเชื่อถือทุกคำ

พระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึงสมเด็จพระนารายณ์ ประมาณ พ.ศ. 2230[12]

ด้วยวาทศิลป์และความสามารถทางการทูตของเขา ปานจึงได้รับสมญาว่า "ราชทูตลิ้นทอง" หรือ "นักการทูตลิ้นทอง"[13]

การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231

[แก้]

หลังกลับกรุงศรีอยุธยา ปานถูกกดดันให้เข้ากลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสของสมเด็จพระเพทราชาซึ่งประกอบด้วยขุนนางที่ไม่พอใจฝรั่งเศสที่มีอำนาจมากในกรุงศรีอยุธยา การยึดอำนาจที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาส่งผลให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพ้นจากราชบัลลังก์และขับไล่ทหารฝรั่งเศสซึ่งปานได้รับการส่งให้ไปเจรจาด้วย จากนั้น ปานจึงได้เป็นเจ้าพระยาพระคลัง[14][15]

เองเงิลแบร์ท เคมพ์เฟอร์ นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน พบกับปานใน ค.ศ. 1690 และเขียนบรรยายไว้ว่า ปานมีภาพของราชวงศ์ฝรั่งเศสกับแผนที่ยุโรปแขวนอยู่ในห้องโถงบ้าน[16]

เขาเป็นคนน่ามองและมีวิสัยทัศน์ดียิ่งกว่าคนใด ๆ ที่ข้าพเจ้าเคยพบในหมู่มนุษย์ชนชาติผิวคล้ำนี้... เขายังเข้าใจรวดเร็ว และมีอากัปกิริยากระตือรือร้น ซึ่งเป็นเหตุให้เขาได้รับการตั้งให้เป็นทูตไปฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่ปีก่อน และเขามักสร้างความบันเทิงให้แก่เราด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับประเทศดังกล่าว การปกครองประเทศนั้น ค่ายคูประตูหอรบ และสิ่งอื่น ๆ ทำนองเดียวกัน และที่โถงบ้านเขาซึ่งเราพบกันเป็นการส่วนตัวนั้นมีรูปราชวงศ์ฝรั่งเศสกับแผนที่ยุโรปแขวนอยู่ ส่วนเครื่องเรือนอื่น ๆ หามีอันใดนอกจากฝุ่นและหยากไย่

เองเงิลแบร์ท เคมพ์เฟอร์ (1727/1987:38).[17]

ใน ค.ศ. 1699 กี ตาชาร์ บาทหลวงคณะเยสุอิต เข้าพบปานและพระเพทราชา แต่การพบกันเป็นแต่ทางพิธีการ ไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ใด ๆ[18]

การเสียชีวิต

[แก้]
โกษาปาน วาดโดย Charles Le Brun เมื่อปี ค.ศ. 1686
ตราประทับของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ขณะมีบรรดาศักดิ์เป็นออกพระวิสุทธสุนธร

เมื่อสิ้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชใน พ.ศ. 2231 สมเด็จพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ต่อ ปานได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาโกษาธิบดี ว่าการพระคลัง[19]

ใน พ.ศ. 2239 ปานถูกลงอาญาอยู่บ่อยครั้ง เนื่องด้วยเป็นที่นิยมในหมู่ราษฎร มีครั้งหนึ่งสมเด็จพระเพทราชากริ้วมาก ใช้พระแสงตัดปลายจมูกของปาน[20] บางแหล่งว่า ที่ถูกตัดจมูก เพราะเขาถูกกล่าวหาว่า จงรักภักดีต่อฝรั่งเศสและสมเด็จพระนารายณ์มหาราช [21]

ใน พ.ศ. 2242 เขาถูกลงพระราชอาญา ภรรยา อนุภรรยา รวมทั้งบุตรสาวและบุตรชาย ถูกคุมขัง ทรัพย์สมบัติก็ถูกริบหมด[20]

บางแหล่งว่า เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายใน พ.ศ. 2243[21] บางคนว่า เขาใช้มีดแทงตัวตาย บางคนว่า เขาถูกโบยด้วยเชือกจนตาย[20]

ต้นตระกูลราชวงศ์จักรี

[แก้]

มีคำกล่าวกันว่า โกษาปานเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์จักรี[22] เพราะมีสถานะเป็นบิดาของเจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) พระปัยกาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งภายหลังเข้ารับราชการกับสมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดีและยังเป็นปู่ของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช [3][23]

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

[แก้]

ละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิตออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มีตัวละครหนึ่งชื่อ "พระยาวิสูตรสุนทร" หรือ "เจ้าพระยาโกษาธิบดี" นำแสดงโดยชาติชาย งามสรรพ์

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 3 4 5 6 มานพ ถนอมศรี, 2533, หน้า 13–14
  2. มานิจ ชุมสาย, 2531, หน้า 100
  3. 1 2 Smithies, 2002, p. 100
  4. เปิดประวัติวีรบุรุษคนสำคัญ! 'โกษาเหล็ก' แม่ทัพผู้ช่ำชองด้านการศึกษา ใช้จิตวิทยารบชนะพม่า ข่าวสดออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2561
  5. พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. สมเด็จพระชนกาธิบดี พระปฐมราชวงศ์จักรี. กรุงเทพฯ: บันทึกสยาม, 2564, หน้า 45.
  6. แสงเทียน ศรัทธาไทย. มหาอุทรโอบอุ้มมหาราช. กรุงเทพฯ: ร่มฟ้าสยาม, 2548, หน้า 128.
  7. พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. เล่าเรื่องเมืองสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: เอ็ม.บี.เอ, 2536, หน้า 139.
  8. เปิดวาร์ป “โกษาปาน” ในบุพเพสันนิวาส กับภาพวาดฝีมือชาวฝรั่งเศส ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม 2561
  9. มานพ ถนอมศรี. 2533. หน้า 24–26.
  10. มานิจ ชุมสาย. 2531. หน้า 143.
  11. 1 2 'โกษาปาน' นักการทูตผู้สุขุม รูปงาม ไทยโพสต์. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2561
  12. มานพ ถนอมศรี. 2533. หน้า 11.
  13. ราชบัณฑิตยสถาน (2011). "พจนานุกรมคำใหม่ เล่ม 3 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน" (PDF). กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2014-07-18. สืบค้นเมื่อ 15 July 2014.
  14. Smithies 2002, p. 35
  15. Smithies 1999, p. 2
  16. Suarez, p. 30
  17. Quoted in Smithies 2002, p. 180
  18. Smithies 2002, p. 185
  19. เปิดประวัติสุดเศร้า! ฝรั่งเศสบันทึกชะตากรรมโกษาปาน โดนตัดจมูก-เฆี่ยน จนฆ่าตัวตาย! ข่าวสดออนไลน์ สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2561
  20. 1 2 3 มานพ ถนอมศรี 2533, หน้า 38
  21. 1 2 มานิจ ชุมสาย 2531, หน้า 203
  22. Smithies 2002, p.180
  23. มานพ ถนอมศรี 2533, หน้า 40-42

บรรณานุกรม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์