เหตุฆาตกรรมแสงชัย อริยวุฒิพันธ์
| เหตุฆาตกรรมแสงชัย อริยวุฒิพันธุ์ | |
|---|---|
![]() แสงชัย อริยวุฒิพันธุ์ | |
| สถานที่ | อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม (ลักพาตัว) สะพานธนะรัชต์ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี (จ่ายค่าไถ่) ตำบลดอนรวก อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม (พบร่าง) |
| วันที่ | 8 เมษายน พ.ศ. 2519 – 20 เมษายน พ.ศ. 2519 |
| ประเภท | การจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และฆาตกรรม |
| ผู้เสียหาย | แสงชัย อริยวุฒิพันธุ์ อายุ 13 ปี |
| ผู้ก่อเหตุ |
|
| ผู้ต่อต้าน | เกษม อริยวุฒิพันธุ์ |
| เหตุจูงใจ | เรียกค่าไถ่เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ที่เกิดจากการพนัน |
| การพิจารณาคดี | |
| พิพากษาลงโทษ | ร่วมกันเอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบสามปีไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย[1] |
| โทษ | ประหารชีวิตด้วยการยิง |
เหตุฆาตกรรมแสงชัย อริยวุฒิพันธุ์ เป็นเหตุลักพาตัวคนไปเรียกค่าไถ่ และฆาตกรรมที่เกิดภายในจังหวัดนครปฐม ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2519 เมื่อแสงชัย หรือ อู้ด อริยวุฒิพันธุ์ อายุ 13 ปี บุตรชายของเจ้าของร้านขายข้าวสารและเจ้าของโรงแรมซันย่าในอำเภอเมืองนครปฐม ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และฆาตกรรม โดยผู้ลักพาตัว 2 คนคือ วัฒนะ หรือ น้อม จำปาทอง เจ้าของบาร์รำวง กับ ส.ต.ท. อรรณพ หรือ ตึ๋ง จำปาทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐม และเป็นลูกชายของวัฒนะ[2] ทั้งสองได้เรียกค่าไถ่จากบิดาของแสงชัยจำนวน 3 ล้านบาท ในท้ายที่สุดแสงชัยได้ถูกฆาตกรรมเมื่อ 3-4 วันก่อนที่บิดาของแสงชัยจะจ่ายค่าไถ่[3] อรรณพกับวัฒนะถูกจับกุมในเดือนเดียวกัน และถูกประหารชีวิตในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2523[4]
ภูมิหลัง
[แก้]แสงชัย หรือ อู้ด อริยวุฒิพันธุ์ เกิดประมาณพ.ศ. 2506 เขาเป็นบุตรชายของเกษม หรือ ซงก้า อริย วุฒินันท์ เจ้าของร้านขายข้าวสาร ก. ชุ้นงวน ที่ถนนซ้ายพระ และเป็นเจ้าของโรงแรมซันย่า ที่ถนนทรงพล ในอำเภอเมืองนครปฐม[5][6]
เกษมและญาติเปิดเผยว่าแสงชัยเป็นคนฉลาด และไม่เคยเล่นห่างจากบ้านพัก โดยพวกเขาสันนิษฐานว่าในการลักพาตัวครั้งนี้ คนร้ายอาจใช้เพื่อนๆของแสงชัย ล่อให้ออกมาเล่นไกลบ้าน แล้วจับตัวไปเรียกค่าไถ่[7]
ก่อนการจับตัวแสงชัยไปเรียกค่าไถ่ มีเด็กถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ในจังหวัดนครปฐมจำนวน 3 ราย แต่พ่อแม่ของเด็กไม่ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะกลัวเด็กถูกคนร้ายฆาตกรรม โดยในทุกครั้งพ่อแม่จะติดต่อจ่ายค่าไถ่กับคนร้ายด้วยตนเอง[8]
การลักพาตัว และการฆาตกรรม
[แก้]วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2519 แสงชัย อริยวุฒินันท์ อายุ 13 ปึ หายตัวไปหลังจากออกไปวิ่งเล่นที่ตลาดในอำเภอเมืองนครปฐม โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดภาคเรียน ต่อมาในเวลา 20.00 น. คนร้ายได้โทรศัพท์มาที่บ้านของเกษม อริยวุฒินันท์ ซึ่งเป็นพ่อของแสงชัย โดยคนร้ายบอกเกษมว่าได้จับตัวของแสงชัยไปแล้ว และให้เตรียมเงินค่าไถ่จำนวน 3 ล้านบาท หากเกษมไปแจ้งตำรวจ หรือไม่จ่ายเงิน คนร้ายจะฆ่าแสงชัย หลังจากนั้นคนร้ายได้โทรศัพท์มายืนยันจำนวนเงินค่าไถ่ที่จำนวน 3 ล้านบาทกับเกษมอีกหลายครั้ง โดยเกษมพยามขอลดเงินค่าไถ่เหลือ 2 ล้านบาท แต่คนร้ายก็ยังยืนยันว่าต้องจ่ายเงินค่าไถ่จำนวน 3 ล้านบาท[9]
ต่อมาในวันที่ 12 เมษายน คนร้ายโทรศัพท์มาบอกเกษมให้ไปรับจดหมายที่คนร้ายเอาถ่านไฟฉายทับไว้ ที่สี่แยกสนามจันทร์ ในอำเภอเมืองนครปฐม เมื่อเกษมไปถึงเขาไม่พบจดหมาย เขาจึงกลับไปค้นหาจดหมายอีกครั้งจนพบ โดยในจดหมายมีข้อความที่เขียนด้วยเครื่องพิมพ์ดีดว่า "ให้ไปพบที่ต.สระกระเทียม" เกษมจึงไปที่ทางแยกวัดสระกะเทียม ตำบลสระกะเทียม แต่ก็ไม่พบคนร้าย[10] หลังจากนั้นคนร้ายได้โทรติดต่อเพื่อทวงเงินค่าไถ่กับเกษมอีกหลายครั้ง โดยเขาได้แอบบันทึกเสียงการพูดคุยโทรศัพท์กับคนร้าย[11][12]
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2519 เวลาประมาณ 22.00 น. คนร้ายได้โทรมาทวงเงินค่าไถ่อีกครั้ง โดยขอค่าไถ่เหลือ 300,000 บาท เกษมจึงขอลดเหลือ 100,000 บาท คนร้ายยอมลดเงินไถ่ตัวเหลือ 100,000 บาท โดยให้นำเงินไปมอบให้คนร้ายที่คอสะพานธนะรัตน์ ภายในเวลาเที่ยงคืนของวันเดียวกัน โดยคนร้ายจะส่องไฟฉายเป็นสัญญาณแล้วให้เกษมโยนเงินทิ้งไว้ที่คอสะพาน[13] เกษมจึงไปเบิกเงินจากธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ สาขานครปฐมจำนวน 100,000 บาท จดหมายเลขธนบัตรเอาไว้[14] จากนั้นเดินทางไปที่สะพานธนะรัตน์ แล้วยืนรอสัญญาณไฟฉายจากคนร้าย เมื่อเห็นสัญญาณไฟฉาย เขาจึงโยนห่อเงินจำนวน 100,000 บาท ไปที่คอสะพาน แล้วกลับไปบ้านไปรอลูกชาย หลังจากนั้นคนร้ายโทรมาบอกเกษมว่าจะคืนตัวลูกชายในอีก 2–3 วัน[15][16]
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2519 เวลา 14.00 น. ชาวบ้านริมคลองชลประทาน ตำบลดอนรวก อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ได้ไปทอดแหจับปลาในคลอง และพบกับกระสอบลอยติดกับแหขึ้นมา ชาวบ้านจึงลากขึ้นมาบนตลิ่ง เมื่อกระสอบลอยปริ่มน้ำ ชาวบ้านพบขาคน ชาวบ้านจึงไปแจ้งรักษ์ บูชาพิมพ์ กำนันตำบลดอนรวก เมื่อรักษ์ และชาวบ้านแกะกระสอบออกมาพบร่างของเด็กชายที่เน่าจนจำไม่ได้ และพบก้อนหินก้อนใหญ่ถูกผูกกับคอเด็กเพื่อใช้ถ่วงน้ำ หลังจากนั้นกำนันได้ไปแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจกับอนามัยอำเภอจึงเดินทางมาชันสูตรพลิกศพ โดยผลการชันสูตรศพ พบว่าเด็กชายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะ[17] ต่อมาในวันเดียวกัน เมื่อเกษมทราบข่าวการพบศพเด็กชายนิรนาม เขาจึงเดินทางมาดูศพ เมื่อเห็นศพเขาก็ร้องไห้ออกมาเพราะเป็นศพแสงชัย ซึ่งเป็นลูกชายของเขา หลังจากนั้นเขาได้เอาศพไปที่วัดพระงาม[18]
การสืบสวน
[แก้]
หลังจากเกษมทราบว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตแล้ว เขาจึงนำจดหมายของคนร้าย,เลขธนบัตรที่จดได้ และเทปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์กับคนร้าย แล้วเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต. มงคล ศรีโพธิ์ ซึ่งเป็นสารวัตรใหญ่ของสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม[19] เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกสืบสวนหาตัวคนร้าย และสืบจากเอกสารหลักฐานที่เกษมนำมาให้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพอจะทราบตัวคนร้าย[20]
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2519 เวลา 06.00 น. พ.ต.ท. สรวง ทองหล่อ และ พ.ต.ต. มงคล ศรีโพธิ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นบ้านเลขที่ 197 ซอยยาสุก ถนนราชวิถี อำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งเป็นของน้อม หรือวัฒนะ จำปาทอง เจ้าของบาร์รำวงดลฤดี และพบธนบัตร 100 บาท จำนวน 5 ใบ ในกล่องใส่เงินที่ห้องนอนของน้อม[21] ซึ่งมีหมายเลขตรงกับที่เกษมจดไว้ คือ 944661, 944662, 944663, 944664 และ944690[22] นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้จับกุม ส.ต.ท. อรรณพ จำปาทอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกองกำกับการ 2 ทางหลวงนครปฐม และน้อม จำปาทอง ซึ่งทั้งสองอยู่ที่บ้านระหว่างการตรวจค้น[23][24]
หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งสองกลับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรมืองนครปฐม ทั้งสองได้ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา[25] น้อมอ้างว่าธนบัตร 100 บาทจำนวน 5 ใบ เขารับมาจากลูกค้าในบาร์ ส่วนจดหมายจากคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ส.ต.ท. อรรณพน่าจะใช้เครื่องพิมพ์ดีดของสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม กองกำกับการ 2 พิมพ์จดหมาย[26]
ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2519 เนย ช้างเผือก ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลมาบแค และเจริญ แซ่อึ้ง บ๋อยของบาร์รำวงดลฤดี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัย ได้มอบตัว และให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก โดยคำให้การของทั้งสองทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าแรงจูงใจการก่อเหตุมาจากส.ต.ท.อรรณพ ติดการพนันทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก เขาจึงใช้หนี้โดยการจับคนไปเรียกค่าไถ่ โดยมีน้อม ซึ่งเป็นพ่อร่วมก่อเหตุด้วย หลังจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุญาตให้ทั้งสองกลับบ้านไป[27]
การพิจารณาคดี
[แก้]หลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนการสอบสวน และพยานหลักฐานส่งมอบให้อัยการจังหวัดนครปฐมส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม ศาลได้สืบพยานโจทย์ และจำเลยจนครบทุกปาก โดยศาลกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2520[28]
วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ศาลจังหวัดนครปฐมอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยมีคำตัดสินให้ประหารชีวิตน้อม และอรรณพ โดยศาลพิเคราะห์ว่าทั้งสองมีความผิดจริงเพราะพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยให้การหักล้างข้อกล่าวหาของโจทก์ไม่ได้เนื่องจากฝ่ายโจทก์มีพยานหลักฐานที่มัดตัวน้อมและอรรณพหลายอย่าง เช่น ธนบัตร 100 บาทจำนวน 5 ใบ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้จากบ้านของน้อม มีหมายเลขตรงกับที่เกษมจดไว้หลังจากเบิกจากธนาคาร,หมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดต่อกับเกษม ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ชุมสายโทรศัพท์นครปฐมพบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของบาร์รำวงดลฤดี ส่วนหลักฐานอื่นๆอีก ก็แสดงชัดว่าทั้งสองได้กระทำความผิดจริง[29][30]
ทั้งสองใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนประหารชีวิต ทั้งสองจึงยื่นฎีกา ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษายืนให้ประหารชีวิต[31] ทั้งสองจึงทำหนังสือถวายฎีกาทูลเกล้าขอพระราชอภัยโทษ แต่ก็ถูกยกฎีกา[32]
การประหารชีวิต
[แก้]วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงของเรือนจำกลางบางขวางเบิกตัวอรรณพ และน้อม เพื่อมาดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆก่อนการประหารชีวิต เมื่อทั้งสองรู้ว่าจะถูกประหารชีวิตทั้งสองก็หน้าซีด และเข่าอ่อนจนเดินไม่ไหว โดยเริ่มจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตามมาด้วยการทำพินัยกรรม และเขียนจดหมาย โดยทั้งสองเขียนจดหมายถึงญาติจำนวน 1 ฉบับ จากนั้นเจ้าหน้าที่นำมาอาหารมื้อสุดท้ายมาให้ทั้งสอง แต่ทั้งสองรับประทานไม่ลง โดยดื่มน้ำกันไปเพียงคนละแก้วเท่านั้น หลังจากนั้นเหรียญชัย วิไลทิพย์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมของเรือนจำ ได้อ่านคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีให้ทั้งสองฟัง แล้วให้เซ็นรับทราบลงในคำสั่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงนำตัวทั้งสองไปฟังเทศนาธรรมจากพระอมรเวที เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ โดยเทศนาเรื่องกัณฑ์ไตรลักษณ์ เรื่องบาปบุญคุณโทษ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวน้อมไปประหารชีวิตก่อน โดยเดิมทั้งสองจะถูกประหารชีวิตพร้อมกัน แต่น้อมขอให้นำตัวเขาไปประหารชีวิตก่อนเพียงลำคนเดียว เนื่องจากเขาทำใจไม่ได้ที่จะรู้ว่าลูกชายต้องมาตายอยู่ด้วยกันใกล้ๆ โดยประถมดำเนินการประหารชีวิตน้อมเมื่อเวลา 18.24 น. โดยใช้กระสุนจำนวน 10 นัด แต่น้อมยังไม่เสียชีวิต ประถมจึงยิงชุดที่ 2 อีก 10 นัด ทำให้น้อมเสียชีวิต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวอรรณพ เข้ามายังสถานที่หมดทุกข์ แล้วผูกมัดกับหลักประหาร โดยธิญโญ จันทร์โอทานดำเนินการประหารชีวิตอรรณพเมื่อเวลา 19.17 น. ใช้กระสุนจำนวน 10 นัด หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพไปเก็บที่วัดบางแพรกใต้ เพื่อให้ญาติรับศพไปจัดการตามประเพณี[33][34]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ประหาร". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 July 1977. p. 2.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 July 1977. p. 16.
- ↑ "บางขวาง". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 November 1980. p. 16.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 26 July 1977. p. 16.
- ↑ "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
- ↑ "สมคบกับพ่อ จนมุมทั้งคู่". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 2.
- ↑ "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ สตท". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ สตท". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ส.ต.ต.". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "สมคบกับพ่อ จนมุมทั้งคู่". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 2.
- ↑ "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ สตท". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ส.ต.ต.". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
- ↑ "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 July 1977. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 July 1977. p. 16.
- ↑ "ประหาร". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 July 1977. p. 2.
- ↑ "บางขวาง". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 November 1980. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 November 1980. p. 6.
- ↑ "บางขวาง". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 November 1980. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 November 1980. p. 6.
