ข้ามไปเนื้อหา

เหตุฆาตกรรมแสงชัย อริยวุฒิพันธ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุฆาตกรรมแสงชัย อริยวุฒิพันธุ์
แสงชัย อริยวุฒิพันธุ์
แสงชัย อริยวุฒิพันธุ์
สถานที่อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม (ลักพาตัว)
สะพานธนะรัชต์ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี (จ่ายค่าไถ่)
ตำบลดอนรวก อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม (พบร่าง)
วันที่8 เมษายน พ.ศ. 2519 – 20 เมษายน พ.ศ. 2519
ประเภทการจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และฆาตกรรม
ผู้เสียหายแสงชัย อริยวุฒิพันธุ์ อายุ 13 ปี
ผู้ก่อเหตุ
  • วัฒนะ จำปาทอง อายุ 57 ปี
  • อรรณพ จำปาทอง อายุ 27 ปี
ผู้ต่อต้านเกษม อริยวุฒิพันธุ์
เหตุจูงใจเรียกค่าไถ่เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ที่เกิดจากการพนัน
การพิจารณาคดี
พิพากษาลงโทษร่วมกันเอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบสามปีไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย[1]
โทษประหารชีวิตด้วยการยิง

เหตุฆาตกรรมแสงชัย อริยวุฒิพันธุ์ เป็นเหตุลักพาตัวคนไปเรียกค่าไถ่ และฆาตกรรมที่เกิดภายในจังหวัดนครปฐม ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2519 เมื่อแสงชัย หรือ อู้ด อริยวุฒิพันธุ์ อายุ 13 ปี บุตรชายของเจ้าของร้านขายข้าวสารและเจ้าของโรงแรมซันย่าในอำเภอเมืองนครปฐม ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และฆาตกรรม โดยผู้ลักพาตัว 2 คนคือ วัฒนะ หรือ น้อม จำปาทอง เจ้าของบาร์รำวง กับ ส.ต.ท. อรรณพ หรือ ตึ๋ง จำปาทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐม และเป็นลูกชายของวัฒนะ[2] ทั้งสองได้เรียกค่าไถ่จากบิดาของแสงชัยจำนวน 3 ล้านบาท ในท้ายที่สุดแสงชัยได้ถูกฆาตกรรมเมื่อ 3-4 วันก่อนที่บิดาของแสงชัยจะจ่ายค่าไถ่[3] อรรณพกับวัฒนะถูกจับกุมในเดือนเดียวกัน และถูกประหารชีวิตในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2523[4]

ภูมิหลัง

[แก้]

แสงชัย หรือ อู้ด อริยวุฒิพันธุ์ เกิดประมาณพ.ศ. 2506 เขาเป็นบุตรชายของเกษม หรือ ซงก้า อริย วุฒินันท์ เจ้าของร้านขายข้าวสาร ก. ชุ้นงวน ที่ถนนซ้ายพระ และเป็นเจ้าของโรงแรมซันย่า ที่ถนนทรงพล ในอำเภอเมืองนครปฐม[5][6]

เกษมและญาติเปิดเผยว่าแสงชัยเป็นคนฉลาด และไม่เคยเล่นห่างจากบ้านพัก โดยพวกเขาสันนิษฐานว่าในการลักพาตัวครั้งนี้ คนร้ายอาจใช้เพื่อนๆของแสงชัย ล่อให้ออกมาเล่นไกลบ้าน แล้วจับตัวไปเรียกค่าไถ่[7]

ก่อนการจับตัวแสงชัยไปเรียกค่าไถ่ มีเด็กถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ในจังหวัดนครปฐมจำนวน 3 ราย แต่พ่อแม่ของเด็กไม่ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะกลัวเด็กถูกคนร้ายฆาตกรรม โดยในทุกครั้งพ่อแม่จะติดต่อจ่ายค่าไถ่กับคนร้ายด้วยตนเอง[8]

การลักพาตัว และการฆาตกรรม

[แก้]

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2519 แสงชัย อริยวุฒินันท์ อายุ 13 ปึ หายตัวไปหลังจากออกไปวิ่งเล่นที่ตลาดในอำเภอเมืองนครปฐม โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดภาคเรียน ต่อมาในเวลา 20.00 น. คนร้ายได้โทรศัพท์มาที่บ้านของเกษม อริยวุฒินันท์ ซึ่งเป็นพ่อของแสงชัย โดยคนร้ายบอกเกษมว่าได้จับตัวของแสงชัยไปแล้ว และให้เตรียมเงินค่าไถ่จำนวน 3 ล้านบาท หากเกษมไปแจ้งตำรวจ หรือไม่จ่ายเงิน คนร้ายจะฆ่าแสงชัย หลังจากนั้นคนร้ายได้โทรศัพท์มายืนยันจำนวนเงินค่าไถ่ที่จำนวน 3 ล้านบาทกับเกษมอีกหลายครั้ง โดยเกษมพยามขอลดเงินค่าไถ่เหลือ 2 ล้านบาท แต่คนร้ายก็ยังยืนยันว่าต้องจ่ายเงินค่าไถ่จำนวน 3 ล้านบาท[9]

ต่อมาในวันที่ 12 เมษายน คนร้ายโทรศัพท์มาบอกเกษมให้ไปรับจดหมายที่คนร้ายเอาถ่านไฟฉายทับไว้ ที่สี่แยกสนามจันทร์ ในอำเภอเมืองนครปฐม เมื่อเกษมไปถึงเขาไม่พบจดหมาย เขาจึงกลับไปค้นหาจดหมายอีกครั้งจนพบ โดยในจดหมายมีข้อความที่เขียนด้วยเครื่องพิมพ์ดีดว่า "ให้ไปพบที่ต.สระกระเทียม" เกษมจึงไปที่ทางแยกวัดสระกะเทียม ตำบลสระกะเทียม แต่ก็ไม่พบคนร้าย[10] หลังจากนั้นคนร้ายได้โทรติดต่อเพื่อทวงเงินค่าไถ่กับเกษมอีกหลายครั้ง โดยเขาได้แอบบันทึกเสียงการพูดคุยโทรศัพท์กับคนร้าย[11][12]

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2519 เวลาประมาณ 22.00 น. คนร้ายได้โทรมาทวงเงินค่าไถ่อีกครั้ง โดยขอค่าไถ่เหลือ 300,000 บาท เกษมจึงขอลดเหลือ 100,000 บาท คนร้ายยอมลดเงินไถ่ตัวเหลือ 100,000 บาท โดยให้นำเงินไปมอบให้คนร้ายที่คอสะพานธนะรัตน์ ภายในเวลาเที่ยงคืนของวันเดียวกัน โดยคนร้ายจะส่องไฟฉายเป็นสัญญาณแล้วให้เกษมโยนเงินทิ้งไว้ที่คอสะพาน[13] เกษมจึงไปเบิกเงินจากธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ สาขานครปฐมจำนวน 100,000 บาท จดหมายเลขธนบัตรเอาไว้[14] จากนั้นเดินทางไปที่สะพานธนะรัตน์ แล้วยืนรอสัญญาณไฟฉายจากคนร้าย เมื่อเห็นสัญญาณไฟฉาย เขาจึงโยนห่อเงินจำนวน 100,000 บาท ไปที่คอสะพาน แล้วกลับไปบ้านไปรอลูกชาย หลังจากนั้นคนร้ายโทรมาบอกเกษมว่าจะคืนตัวลูกชายในอีก 2–3 วัน[15][16]

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2519 เวลา 14.00 น. ชาวบ้านริมคลองชลประทาน ตำบลดอนรวก อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ได้ไปทอดแหจับปลาในคลอง และพบกับกระสอบลอยติดกับแหขึ้นมา ชาวบ้านจึงลากขึ้นมาบนตลิ่ง เมื่อกระสอบลอยปริ่มน้ำ ชาวบ้านพบขาคน ชาวบ้านจึงไปแจ้งรักษ์ บูชาพิมพ์ กำนันตำบลดอนรวก เมื่อรักษ์ และชาวบ้านแกะกระสอบออกมาพบร่างของเด็กชายที่เน่าจนจำไม่ได้ และพบก้อนหินก้อนใหญ่ถูกผูกกับคอเด็กเพื่อใช้ถ่วงน้ำ หลังจากนั้นกำนันได้ไปแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจกับอนามัยอำเภอจึงเดินทางมาชันสูตรพลิกศพ โดยผลการชันสูตรศพ พบว่าเด็กชายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะ[17] ต่อมาในวันเดียวกัน เมื่อเกษมทราบข่าวการพบศพเด็กชายนิรนาม เขาจึงเดินทางมาดูศพ เมื่อเห็นศพเขาก็ร้องไห้ออกมาเพราะเป็นศพแสงชัย ซึ่งเป็นลูกชายของเขา หลังจากนั้นเขาได้เอาศพไปที่วัดพระงาม[18]

การสืบสวน

[แก้]
อรรณพ จำปาทอง
อรรณพ จำปาทอง

หลังจากเกษมทราบว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตแล้ว เขาจึงนำจดหมายของคนร้าย,เลขธนบัตรที่จดได้ และเทปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์กับคนร้าย แล้วเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต. มงคล ศรีโพธิ์ ซึ่งเป็นสารวัตรใหญ่ของสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม[19] เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกสืบสวนหาตัวคนร้าย และสืบจากเอกสารหลักฐานที่เกษมนำมาให้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพอจะทราบตัวคนร้าย[20]

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2519 เวลา 06.00 น. พ.ต.ท. สรวง ทองหล่อ และ พ.ต.ต. มงคล ศรีโพธิ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นบ้านเลขที่ 197 ซอยยาสุก ถนนราชวิถี อำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งเป็นของน้อม หรือวัฒนะ จำปาทอง เจ้าของบาร์รำวงดลฤดี และพบธนบัตร 100 บาท จำนวน 5 ใบ ในกล่องใส่เงินที่ห้องนอนของน้อม[21] ซึ่งมีหมายเลขตรงกับที่เกษมจดไว้ คือ 944661, 944662, 944663, 944664 และ944690[22] นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้จับกุม ส.ต.ท. อรรณพ จำปาทอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกองกำกับการ 2 ทางหลวงนครปฐม และน้อม จำปาทอง ซึ่งทั้งสองอยู่ที่บ้านระหว่างการตรวจค้น[23][24]

หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งสองกลับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรมืองนครปฐม ทั้งสองได้ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา[25] น้อมอ้างว่าธนบัตร 100 บาทจำนวน 5 ใบ เขารับมาจากลูกค้าในบาร์ ส่วนจดหมายจากคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ส.ต.ท. อรรณพน่าจะใช้เครื่องพิมพ์ดีดของสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม กองกำกับการ 2 พิมพ์จดหมาย[26]

ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2519 เนย ช้างเผือก ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลมาบแค และเจริญ แซ่อึ้ง บ๋อยของบาร์รำวงดลฤดี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัย ได้มอบตัว และให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก โดยคำให้การของทั้งสองทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าแรงจูงใจการก่อเหตุมาจากส.ต.ท.อรรณพ ติดการพนันทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก เขาจึงใช้หนี้โดยการจับคนไปเรียกค่าไถ่ โดยมีน้อม ซึ่งเป็นพ่อร่วมก่อเหตุด้วย หลังจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุญาตให้ทั้งสองกลับบ้านไป[27]

การพิจารณาคดี

[แก้]

หลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนการสอบสวน และพยานหลักฐานส่งมอบให้อัยการจังหวัดนครปฐมส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม ศาลได้สืบพยานโจทย์ และจำเลยจนครบทุกปาก โดยศาลกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2520[28]

วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ศาลจังหวัดนครปฐมอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยมีคำตัดสินให้ประหารชีวิตน้อม และอรรณพ โดยศาลพิเคราะห์ว่าทั้งสองมีความผิดจริงเพราะพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยให้การหักล้างข้อกล่าวหาของโจทก์ไม่ได้เนื่องจากฝ่ายโจทก์มีพยานหลักฐานที่มัดตัวน้อมและอรรณพหลายอย่าง เช่น ธนบัตร 100 บาทจำนวน 5 ใบ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้จากบ้านของน้อม มีหมายเลขตรงกับที่เกษมจดไว้หลังจากเบิกจากธนาคาร,หมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดต่อกับเกษม ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ชุมสายโทรศัพท์นครปฐมพบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของบาร์รำวงดลฤดี ส่วนหลักฐานอื่นๆอีก ก็แสดงชัดว่าทั้งสองได้กระทำความผิดจริง[29][30]

ทั้งสองใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนประหารชีวิต ทั้งสองจึงยื่นฎีกา ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษายืนให้ประหารชีวิต[31] ทั้งสองจึงทำหนังสือถวายฎีกาทูลเกล้าขอพระราชอภัยโทษ แต่ก็ถูกยกฎีกา[32]

การประหารชีวิต

[แก้]

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงของเรือนจำกลางบางขวางเบิกตัวอรรณพ และน้อม เพื่อมาดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆก่อนการประหารชีวิต เมื่อทั้งสองรู้ว่าจะถูกประหารชีวิตทั้งสองก็หน้าซีด และเข่าอ่อนจนเดินไม่ไหว โดยเริ่มจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตามมาด้วยการทำพินัยกรรม และเขียนจดหมาย โดยทั้งสองเขียนจดหมายถึงญาติจำนวน 1 ฉบับ จากนั้นเจ้าหน้าที่นำมาอาหารมื้อสุดท้ายมาให้ทั้งสอง แต่ทั้งสองรับประทานไม่ลง โดยดื่มน้ำกันไปเพียงคนละแก้วเท่านั้น หลังจากนั้นเหรียญชัย วิไลทิพย์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมของเรือนจำ ได้อ่านคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีให้ทั้งสองฟัง แล้วให้เซ็นรับทราบลงในคำสั่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงนำตัวทั้งสองไปฟังเทศนาธรรมจากพระอมรเวที เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ โดยเทศนาเรื่องกัณฑ์ไตรลักษณ์ เรื่องบาปบุญคุณโทษ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวน้อมไปประหารชีวิตก่อน โดยเดิมทั้งสองจะถูกประหารชีวิตพร้อมกัน แต่น้อมขอให้นำตัวเขาไปประหารชีวิตก่อนเพียงลำคนเดียว เนื่องจากเขาทำใจไม่ได้ที่จะรู้ว่าลูกชายต้องมาตายอยู่ด้วยกันใกล้ๆ โดยประถมดำเนินการประหารชีวิตน้อมเมื่อเวลา 18.24 น. โดยใช้กระสุนจำนวน 10 นัด แต่น้อมยังไม่เสียชีวิต ประถมจึงยิงชุดที่ 2 อีก 10 นัด ทำให้น้อมเสียชีวิต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวอรรณพ เข้ามายังสถานที่หมดทุกข์ แล้วผูกมัดกับหลักประหาร โดยธิญโญ จันทร์โอทานดำเนินการประหารชีวิตอรรณพเมื่อเวลา 19.17 น. ใช้กระสุนจำนวน 10 นัด หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพไปเก็บที่วัดบางแพรกใต้ เพื่อให้ญาติรับศพไปจัดการตามประเพณี[33][34]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "ประหาร". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 July 1977. p. 2.
  2. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  3. "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 July 1977. p. 16.
  4. "บางขวาง". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 November 1980. p. 16.
  5. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  6. "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 26 July 1977. p. 16.
  7. "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
  8. "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
  9. "สมคบกับพ่อ จนมุมทั้งคู่". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 2.
  10. "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
  11. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  12. "จับ สตท". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 23 April 1976. p. 16.
  13. "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
  14. "จับ สตท". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 23 April 1976. p. 16.
  15. "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
  16. "ส.ต.ต.". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 16.
  17. "สมคบกับพ่อ จนมุมทั้งคู่". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 2.
  18. "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
  19. "จับ สตท". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 23 April 1976. p. 16.
  20. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  21. "ส.ต.ต.". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 23 April 1976. p. 16.
  22. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  23. "ตร.จับเด็ก". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 23 April 1976. p. 16.
  24. "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
  25. "หวาดผวา โจรฆ่าเด็กตัวการหนี". หนังสือพิมพ์เดลิไทม์. 25 April 1976. p. 16.
  26. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  27. "จับ ส.ต.ท.". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 23 April 1976. p. 16.
  28. "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 July 1977. p. 16.
  29. "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 July 1977. p. 16.
  30. "ประหาร". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 July 1977. p. 2.
  31. "บางขวาง". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 November 1980. p. 16.
  32. "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 November 1980. p. 6.
  33. "บางขวาง". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 25 November 1980. p. 16.
  34. "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 25 November 1980. p. 6.