ข้ามไปเนื้อหา

เอลิซาเบธแห่งยอร์ก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอลิซาเบธแห่งยอร์ก
สมเด็จพระราชินีเเห่งอังกฤษ
ดำรงพระยศ8 มกราคม ค.ศ. 1486 - 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1503
ประสูติ11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1466
พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ลอนดอน
สิ้นพระชนม์11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1503 (37 ปี)
พระราชวังริชมอนด์ ลอนดอน
พระราชสวามีพระเจ้าเฮนรีที่ 7
พระบุตรอาเทอร์ เจ้าชายแห่งเวลส์
มาร์กาเร็ต ทิวดอร์
พระเจ้าเฮนรีที่ 8
แมรี ทิวดอร์
ราชวงศ์ยอร์ก
พระบิดาพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4
พระมารดาเอลิซาเบธ วูดวิลล์
ลายพระอภิไธย

เอลิซาเบธแห่งยอร์ก (Elizabeth of York) (ประสูติ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1466 – สิ้นพระชนม์ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1503) ทรงเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ในฐานะพระมเหสีของ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งอังกฤษ (Henry VII of England) และเป็นพระมารดาของ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษ (Henry VIII of England) เธอมีบทบาทสำคัญในการยุติ สงครามดอกกุหลาบ (Wars of the Roses) ผ่านการอภิเษกสมรสที่รวม ราชวงศ์ยอร์ก (House of York) และ ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ (House of Lancaster) เข้าด้วยกัน ซึ่งนำไปสู่การสถาปนา ราชวงศ์ทิวดอร์ (House of Tudor) ที่ทรงอำนาจและปกครองอังกฤษมายาวนาน

พระราชประวัติและช่วงต้นพระชนม์ชีพ

[แก้]

เอลิซาเบธแห่งยอร์ก ประสูติเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1466 ณ พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Palace) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เธอเป็นพระธิดาองค์โตของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษ (Edward IV of England) ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ทรงอิทธิพลจาก ราชวงศ์ยอร์ก และ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ วูดวิลล์ (Elizabeth Woodville) ผู้เป็นพระมารดา

ช่วงต้นพระชนม์ชีพของเอลิซาเบธ ถูกกำหนดโดยความผันผวนทางการเมืองและความรุนแรงของ สงครามดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์อังกฤษ ระหว่างราชวงศ์ยอร์ก และ ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดา ในปี ค.ศ.1483 และการขึ้นครองราชย์ของพระปิตุลา (อา) คือ พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (Richard III of England) พระอนุชาทั้งสองของเธอ คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 แห่งอังกฤษ (Edward V of England) และ ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก (Richard, Duke of York) ได้หายตัวไปอย่างลึกลับใน หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) และเป็นที่รู้จักในนาม "เจ้าชายในหอคอย" (Princes in the Tower) เหตุการณ์นี้ทำให้ เอลิซาเบธ กลายเป็นทายาทผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ที่สำคัญที่สุดของ ราชวงศ์ยอร์ก และเป็นบุคคลสำคัญในแผนการยุติสงครามและความขัดแย้งภายในราชอาณาจักร

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษ พระบิดาของเอลิซาเบธแห่งยอร์ก





สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ วูดวิลล์ พระมารดา ของเอลิซาเบธแห่งยอร์ก

การอภิเษกสมรสและการสถาปนาราชวงศ์ทิวดอร์

[แก้]

เพื่อยุติความขัดแย้งอันยาวนานของสงครามดอกกุหลาบ และสร้างความชอบธรรมให้แก่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งอังกฤษ ผู้นำของราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ซึ่งได้รับชัยชนะใน ยุทธการบอสเวิร์ธ ฟิลด์ (Battle of Bosworth Field) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1485 จึงได้มีการจัดให้เอลิซาเบธแห่งยอร์ก อภิเษกสมรสกับพระองค์ ในวันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1486 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey) กรุงลอนดอน พิธีอภิเษกสมรสนี้ไม่ได้เป็นเพียงการรวมบุคคลสองคนเข้าด้วยกัน แต่เป็นการรวมสองราชวงศ์ที่เคยเป็นปฏิปักษ์เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ

การอภิเษกสมรสครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์อังกฤษ ไม่เพียงเป็นการรวมกันของสองราชวงศ์ที่เคยขัดแย้ง แต่ยังเป็นการนำไปสู่การก่อตั้ง ราชวงศ์ทิวดอร์ และการสร้างสัญลักษณ์ใหม่คือ "กุหลาบทิวดอร์" (Tudor Rose) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง "กุหลาบขาวแห่งยอร์ก" (White Rose of York) และ "กุหลาบแดงแห่งแลงคาสเตอร์" (Red Rose of Lancaster) อันเป็นสัญลักษณ์แห่งเอกภาพและความสงบสุขของราชอาณาจักรอังกฤษ แม้จะเป็นการแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมือง แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้นชี้ว่า เอลิซาเบธ และ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งอังกฤษ ทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีและเคารพซึ่งกันและกัน โดยทั้งสองพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและไว้วางใจกัน เธอได้รับการสวมมงกุฎเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ.1487 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์

ภาพเหมือนของพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ (พระสวามี) และเอลิซาเบธแห่งยอร์ก

บทบาทในฐานะสมเด็จพระราชินี

[แก้]

ในฐานะสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ เอลิซาเบธทรงปฏิบัติหน้าที่ตามประเพณีอย่างเคร่งครัด เธอรับผิดชอบในการบริหารจัดการพระราชวงศ์ ดูแลทรัพย์สินส่วนพระองค์ และจัดงานในราชสำนัก ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และความสง่างามของราชวงศ์ทิวดอร์ เธอไม่ได้มีบทบาททางการเมืองที่เปิดเผยมากนัก แต่เชื่อว่าเธอมีอิทธิพลอย่างมากต่อพระสวามีในเรื่องส่วนตัวและในบางประเด็นที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์

เอลิซาเบธทรงได้รับการยกย่องจากผู้คนในยุคนั้นว่าเป็นผู้มีพระจริยวัตรอันงดงาม อ่อนโยน ใจดี และเคร่งศาสนา เธอเป็นที่รักของพสกนิกรและเป็นที่รู้จักในด้านสติปัญญารวมถึงความสนใจส่วนพระองค์หลายด้าน เธอทรงโปรดการอ่านหนังสือ ดนตรี การเต้นรำ การเย็บปักถักร้อย และทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาของพระโอรสและธิดาอย่างยิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาท ในฐานะพระมารดาผู้เอาใจใส่บุตร

ภาพเหมือนของเอลิซาเบธแห่งยอร์ก แสดงให้เห็นถึงพระพักตร์อันงดงามและเครื่องแต่งกายของราชินี

พระโอรสและพระธิดา

[แก้]

เอลิซาเบธแห่งยอร์ก และ พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ มีพระราชบุตรรวม 8 พระองค์ คือ

  • อาเธอร์ เจ้าชายแห่งเวลส์ (Arthur, Prince of Wales) (ประสูติ 20 กันยายน ค.ศ.1486 – สิ้นพระชนม์ 2 เมษายน ค.ศ.1502): พระโอรสองค์โตและรัชทายาทในราชบัลลังก์ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์อย่างกะทันหันในวัยเยาว์ ทำให้พระอนุชาคือ เจ้าชายเฮนรี่ ขึ้นมาเป็นรัชทายาทแทน ซึ่งนำไปสู่การอภิเษกสมรสของ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ กับพระชายาหม้ายของพระองค์ แคเธอรีนแห่งอารากอน (Catherine of Aragon) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อประวัติศาสตร์อังกฤษในภายหลัง
  • เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ทิวดอร์ (Margaret Tudor) (ประสูติ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1489 – สิ้นพระชนม์ 18 ตุลาคม ค.ศ.1541): สมเด็จพระราชินีแห่งสกอตแลนด์ (Queen of Scots) ในฐานะพระมเหสีของ พระเจ้าเจมส์ที่ 4 แห่งสกอตแลนด์ (James IV of Scotland) เธอเป็นพระปัยยิกา (ย่าทวด) ของ พระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ (James VI of Scotland) ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ (James I of England) นับเป็นการรวมบัลลังก์สกอตแลนด์และอังกฤษภายใต้กษัตริย์องค์เดียวกัน
  • เจ้าชายเฮนรี่ ทิวดอร์ (Henry Tudor) ต่อมาคือ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ( Henry VIII of England) (ประสูติ 28 มิถุนายน ค.ศ.1491 – สิ้นพระชนม์ 28 มกราคม ค.ศ.1547): กษัตริย์ผู้มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ
  • เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ทิวดอร์ (Elizabeth Tudor) (ประสูติ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1492 – สิ้นพระชนม์ 14 กันยายน ค.ศ.1495): สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
  • เจ้าหญิงแมรี่ ทิวดอร์ (Mary Tudor) (ประสูติ 18 มีนาคม ค.ศ.1496 – สิ้นพระชนม์ 25 มิถุนายน ค.ศ.1533): สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส ในฐานะพระมเหสีของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส (Louis XII of France)
  • เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ทิวดอร์ (Edward Tudor) (ประสูติประมาณ ค.ศ.1498 – สิ้นพระชนม์ ค.ศ.1499): สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
  • เจ้าชายเอ็ดมันด์ ดยุกแห่งซัมเมอร์เซ็ต (Edmund, Duke of Somerset) (ประสูติ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1499 – สิ้นพระชนม์ 19 มิถุนายน ค.ศ.1500): สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
  • เจ้าหญิงแคเธอรีน ทิวดอร์ (Katherine Tudor) (ประสูติ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1503 – สิ้นพระชนม์ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1503): สิ้นพระชนม์ไม่นานหลังประสูติ
ภาพเหมือนของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ พระโอรสที่มีชื่อเสียงที่สุดของเอลิซาเบธแห่งยอร์ก โดยฮันส์ โฮลไบน์

ความท้าทายและข้อถกเถียง

[แก้]

ชีวิตของ เอลิซาเบธแห่งยอร์ก เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอนทางการเมืองหลายประการ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ วัยเด็กและวัยเยาว์ของเธอถูกบดบังด้วยความวุ่นวายและความไม่มั่นคงทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ในอังกฤษระหว่าง ราชวงศ์ยอร์ก และ ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ในช่วง สงครามดอกกุหลาบ ซึ่งสร้างความตึงเครียดและภัยคุกคามต่อราชวงศ์ของเธออยู่ตลอดเวลา

หนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดและไม่ได้รับการแก้ไขในประวัติศาสตร์อังกฤษ คือ การหายตัวไปอย่างลึกลับของพระอนุชาทั้งสองของเธอ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 แห่งอังกฤษ (Edward V of England) และ ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก (Richard, Duke of York) หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระบิดา ในปี ค.ศ.1483 พวกเขาถูกนำไปคุมขังใน หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) และเป็นที่รู้จักในนาม "เจ้าชายในหอคอย" (Princes in the Tower) ซึ่งเชื่อกันว่าพวกเขาถูกสังหารหลังจากที่ พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (Richard III of England) ขึ้นครองราชย์ เหตุการณ์อันน่าเศร้าและเป็นปริศนานี้ส่งผลกระทบอย่างหนัก ต่อสถานะของเอลิซาเบธ ในฐานะทายาทของราชวงศ์ยอร์ก และทำให้เธอต้องอยู่ในสถานะที่เปราะบาง

นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดอย่างกว้างขวางในยุคนั้นว่า พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นพระปิตุลา (อา) ของเธอ และเป็นผู้ที่ขึ้นครองราชย์ต่อจาก พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 แห่งอังกฤษ อาจมีแผนจะอภิเษกสมรสกับเอลิซาเบธ เพื่อรวมสิทธิ์ในราชบัลลังก์และกำจัดผู้ท้าทายจากราชวงศ์ยอร์ก ข่าวลือนี้สร้างความสับสนและเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในหมู่ชนชั้นสูงและราชสำนัก เนื่องจาก เป็นการอภิเษกสมรสที่ผิดหลักศาสนาคริสต์ในเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ใกล้ชิดเกินไป

ในช่วงต้นรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งอังกฤษ เอลิซาเบธยังต้องเผชิญกับความท้าทายจาก เพอร์กิน วอร์เบก (Perkin Warbeck) ซึ่งเป็นผู้แอบอ้างว่าตนเองคือ ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก ผู้รอดชีวิตจาก "เจ้าชายในหอคอย" กรณีการอ้างสิทธิ์นี้เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความมั่นคงของราชวงศ์ทิวดอร์ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ และทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองอยู่ช่วงหนึ่ง แม้แต่หลังจากที่ เพอร์กิน วอร์เบก ถูกจับกุมและประหารชีวิต เอลิซาเบธก็ยังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อ่อนไหว จากการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงชีวิตที่ไม่เคยปราศจากความซับซ้อนทางการเมืองของเธอ






การสิ้นพระชนม์ มรดก และความสำคัญทางประวัติศาสตร์

[แก้]

เอลิซาเบธแห่งยอร์ก สิ้นพระชนม์ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1503 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติปีที่ 37 ของเธอ ณ หอคอยแห่งลอนดอน เพียงไม่นาน หลังประสูติพระธิดาองค์สุดท้าย คือ เจ้าหญิงแคเธอรีน ทิวดอร์ การสิ้นพระชนม์ของเธอสร้างความโศกเศร้าอย่างมากต่อ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งอังกฤษ ซึ่งไม่ทรงอภิเษกสมรสใหม่ ตลอดพระชนม์ชีพ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความผูกพันอันลึกซึ้งและความรักที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกัน

มรดกที่สำคัญที่สุดของเอลิซาเบธ คือ บทบาทของเธอในการเป็นกุญแจสำคัญในการก่อตั้ง ราชวงศ์ทิวดอร์ การอภิเษกสมรสของเธอเป็นสัญลักษณ์แห่งการรวมชาติและการสิ้นสุดของความขัดแย้งที่ยาวนานในอังกฤษ เธอได้รับการจดจำในฐานะ สมเด็จพระราชินี ผู้สง่างาม ใจดี และเป็นที่รักของประชาชน เธอเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับราชวงศ์ที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ

เอลิซาเบธแห่งยอร์ก ยังคงปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมสมัยนิยมหลายรูปแบบ เช่น ในบทละครของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) เรื่อง ริชาร์ดที่ 3 (Richard III) ซึ่งเป็นวรรณกรรมชิ้นสำคัญ และเป็นตัวละครหลักในนิยายอิงประวัติศาสตร์และซีรีส์โทรทัศน์ยอดนิยมหลายเรื่อง เช่น The White Queen, The White Princess และ The Spanish Princess ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของเธอในบริบททางประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีการอ้างอิงว่าภาพของสมเด็จพระราชินีบนไพ่สำรับ อาจได้รับแรงบันดาลใจจากภาพเหมือนของเธออีกด้วย

อ้างอิง

[แก้]

    ดูเพิ่ม

    [แก้]