ข้ามไปเนื้อหา

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
ก่อตั้ง2536 (ลงทะเบียนใน พ.ศ. 2546)
ประเภทองค์การนอกภาครัฐ (NGO)
วัตถุประสงค์ปกป้องสิทธิมนุษยชน
สํานักงานใหญ่กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย
สาขาให้ความสนใจสื่อ, แคมเปญอุทธรณ์โดยตรง, การชุมนุม, การวิจัย
สมาชิก (2559)
ประมาณ 1,000 คน[1]
ภาษาทางการไทย, อังกฤษ
ผู้อำนวยการ
ปิยนุช โคตรสาร[2]
ประธานคณะกรรมการ
พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ[3]
สังกัดAmnesty International
เว็บไซต์www.amnesty.or.th

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เป็นองค์การนอกภาครัฐที่ทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานใหญ่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ร่วมกับอีก 50 สำนักงานย่อยทั่วโลก โดยสำนักงานของประเทศไทยก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2536 และได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกับรัฐบาลไทยในปี 2546 ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เมื่อปี 2559 มีการก่อตั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก มีสำนักงานอยู่ที่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

การรณรงค์

[แก้]

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ทำงานร่วมทั้งกับภาครัฐและเอกชน แต่เดิมองค์กรรณรงค์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างประเทศแต่ภายหลังได้เริ่มต้นทำงานในพื้นที่ของตัวเอง โดยเฉพาะช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของคนที่ออกมาชุมนุมหรือสมาคมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมา เช่นร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่างไอลอว์ (โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน) ในการสังเกตการณ์การชุมนุม[4]

ในเดือนมิถุนายน 2559 แอมเนสตี้ประเทศไทยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการตั้งข้อหาต่อนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 13 คน และให้ปล่อยตัว 7 นักกิจกรรมที่รณรงค์ต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ[5]

คำวิจารณ์

[แก้]

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้รับเสียงวิจารณ์ในด้านการทำงาน เช่น ในประเด็นเรื่องของโทษประหารชีวิต มีเสียงวิจารณ์ว่า "เห็นใจผู้ร้าย แต่ไม่เห็นใจเหยื่อ" โดยทางแอมเนสตี้ ให้เหตุผลว่า "ไม่ได้อ่อนข้อ หรือยกโทษให้กับผู้กระทำความผิด แต่เรา [แอมเนสตี้] เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบ วิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด" หรือประเด็นปัญหาชาวโรฮิงญาในประเทศไทย ก็ได้รับคำวิจารณ์ว่า "องค์กรโลกสวย แต่ไม่เคยช่วยอะไรเลย" แอมเนสตี้มองในแง่ของมนุษยธรรมว่าในช่วงที่ชาวโรฮิงญาเดินทางผ่านมา ก็ต้องเอื้ออำนวยให้เขาได้เข้าถึงสิทธิ์เรื่องของน้ำและอาหาร และมองว่าไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานว่าชาวโรฮิงญาจะก่อให้เกิดปัญหา ทางแอมเนสตี้มีหน้าที่ในการติดตามว่ารัฐได้ทำตามสิ่งเหล่านั้นหรือไม่[6]

ในช่วงที่แอมนาสตี้ ดำเนินงานกระตุ้นรัฐบาลให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... แอมนาสตี้ได้รับเสียงเรียกร้องขับไล่ออกจากประเทศ[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล คือใคร?". OK Nation Blog. 2008-11-01. สืบค้นเมื่อ 2016-08-02.
  2. "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-02. สืบค้นเมื่อ 2016-07-28.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์)
  3. "Thai activists charged over 'military torture' report". BBC. 26 July 2016. สืบค้นเมื่อ 2 August 2016.
  4. "ชื่อเสียงและพวงหรีด: ราคาที่ 'แอมเนสตี้ฯ' แลกเพื่อพูดเรื่องอ่อนไหวในไทย". ประชาไท.
  5. "Amnesty International prepares petition in defence of pro-democracy activists - The Nation". Nationmultimedia.com. 2016-07-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-06. สืบค้นเมื่อ 2016-08-02.
  6. "คุยกับ 'แอมเนสตี้ ประเทศไทย' องค์กรที่หลายคนมองว่าโลกสวย แต่ไม่เคยช่วยอะไรเลย". brandthink.me.
  7. "เมินเสียงขับไล่พ้นไทย! แอมเนสตี้ยืนหยัดทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน". โพสต์ทูเดย์.