ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
| ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี | |
|---|---|
| Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani | |
ธงของขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี | |
| คณะผู้นำ | ฮัสซัน ตอยิบ, มะแซ อุเซ็ง, สะแปอิง บาซอ, อับดุลเลาะ มูนิร, ดุลเลาะ แวมัน (อุซตาซเลาะห์), อับรอเซะฮ์ ปาแรรูเปาะฮ์, อับดุลกานิน กะลูปิง, อิสมาแอ โต๊ะยาหลง, อาดือนัน มามะ, บอรอติง บินบือราเฮง แลพยูซุฟ รายาหลง (อุซตาซอิสมาแอ) และคนอื่น ๆ |
| กองบัญชาการ | รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย |
| ภูมิภาคปฏิบัติการ | ปาตานี |
| แนวคิด | ชาตินิยมมาเลย์ ญิฮาด แบ่งแยกดินแดนปาตานี |
| การโจมตีเด่น | ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย |
| ขนาด | 200 (เป้าหมาย)[ต้องการอ้างอิง] |
| ฝ่ายตรงข้าม | กองทัพภาคที่ 4 |
ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี[1] (มลายู: Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani[2][3]; อังกฤษ: Patani Malayu National Revolutionary Front) หรือบีอาร์เอ็นก่อตั้งเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2503 โดยอุสตาซ อับดุลการิม ฮัสซัน กลุ่มนี้วางแผนก่อเหตุจับตัวจังหวัดในวันฮารีรายอ 18 มีนาคม พ.ศ. 2504 แต่เจ้าหน้าที่สืบทราบล่วงหน้าจึงถูกจับกุม โดยหะยีอามีน โต๊ะมีนา บุตรชายของหะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ถูกจับกุมด้วย และถูกจำคุกจนถึง พ.ศ. 2508 เมื่อพ้นโทษ หะยีอามีนจึงลี้ภัยไปอยู่มาเลเซียจนเสียชีวิต[4]
บีอาร์เอ็นมีความเข้มแข็งมาก รบแบบกองโจร พ.ศ. 2511 ได้จัดตั้งหน่วยทหารลาดตระเวนขนาดเล็กใช้ชื่อว่า RKK และ กองกำลังติดอาวุธปลดแอกอิสลามปัตตานี (มลายู: Angkatan Bersenjata Revolusi Patani : ABRIP[5][6]; อังกฤษ: Patani Islamic Liberation Armed Forces) ซึ่งเป็นทหารที่ถูกฝึกมาจากหน่วยรบพิเศษของประเทศอินโดนีเซีย เคลื่อนไหวอยู่ในแถบ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เป็นขบวนการกลุ่มโจรที่มักจะปล้นร้านทองที่อยู่ในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมักใช้อุดมการณ์บังหน้า แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่กลุ่มโจรที่หวังผลประโยชน์เท่านั้น

ความแตกแยกในองค์กร
[แก้]พ.ศ. 2520 เกิดความแตกแยกในหมู่แกนนำบีอาร์เอ็น จน พ.ศ. 2522 อามีนแยกตัวไปตั้ง บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต พ.ศ. 2526 มีการประชุมสมัชชา เลือกผู้นำใหม่คือ เปาะนูซา ยาลิล และตั้งชื่อขบวนการใหม่ว่าบีอาร์เอ็น คองเกรส ส่วนอุสตาซ อับดุลการิม ฮัสซัน ผู้นำเดิมหมดอำนาจลงโดยสิ้นเชิง จึงรวบรวมกำลังไปตั้งองค์กรใหม่เรียก บีอาร์เอ็น อูลามา
บีอาร์เอ็น คองเกรส
[แก้]เป็นกองกำลังติดอาวุธ มีเป้าหมายเพื่อก่อกวนและสร้างปัญหาทางสังคมจิตวิทยา เพื่อดำรงสภาพของตนไว้ เน้นการรบแบบจรยุทธ์ ไม่สร้างที่พักถาวร แต่ใช้การหลบหนีข้ามพรมแดน ฐานทางเศรษฐกิจมาจากการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง และขู่กรรโชกส่วนแบ่งจากการซื้อขายที่ดิน การสนับสนุนจากต่างประเทศมีน้อย มีความสัมพันธ์กับขบวนการอื่นในต่างประเทศ เช่น กลุ่มโมโร ขบวนการอาเจะฮ์เสรี และกลุ่มที่เคลื่อนไหวในหมู่เกาะโมลุกกะ
ศักยภาพการเคลื่อนไหวขององค์กรลดลงหลังไทยปรับเปลี่ยนนโยบายเมื่อ พ.ศ. 2523 สถานะปัจจุบัน ประธานคือ รอสะ บูราซอ กำลังทหารเหลืออยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่กระจายเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต
[แก้]ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ไม่ชัดเจน การข่าวของไทยเชื่อว่า เป็นกลุ่มที่อิงผู้นำทางศาสนาและนักการเมือง โดยใช้การเคลื่อนไหวทางศาสนาเป็นเกราะกำบังเพื่อขยายเครือข่ายสู่กลุ่มเยาวชน เป็นกลุ่มที่เข้มแข็งที่สุด จากคำอ้างของกลุ่ม มีสมาชิกเป็นแสนคน และเป็นผู้บงการขบวนการก่อความไม่สงบสุขอาร์เคเค
บีอาร์เอ็น อูลามา
[แก้]มีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับกลุ่มย่อยนี้[7] กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนกลุ่มนี้ก่อเหตุรุนแรงในปี พ.ศ. 2547 โดยใช้กลวิธีต่าง ๆ เช่น วางระเบิด 2 ลูกในสถานที่แห่งหนึ่ง โดยลูกที่สองออกแบบมาเพื่อสังหารและทำร้ายผู้เข้าร่วมเหตุการณ์หลังจากเหตุการณ์ครั้งแรก โดยรวมแล้ว กลุ่มกบฏในภาคใต้ได้สังหารผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,000 ราย[8]
การเจรจาสันติภาพ
[แก้]ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 คณะเจรจาสันติภาพไทย นำโดย พลเอก วัลลภ รักษ์เสนาะ ได้พบกับผู้แทนบีอาร์เอ็น นายอานัส อับดุลเราะห์มาน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่บีอาร์เอ็น นายอับดุล อาซิส จาบัล อธิบายว่าเป็น "การเจรจาสันติภาพรอบแรกอย่างเป็นทางการ"[9] ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในกรอบการเจรจาสำหรับการเจรจาครั้งต่อไป[9][10]
เหตุการณ์
[แก้]ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มซีอาร์เอ็น-ซ๊ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางเพลิง การวางระเบิด และการโจมตีสังหารหลายครั้ง เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวและความไม่แน่นอนในสามจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย ผู้สังเกตการณ์ทางทหารของไทยเชื่อว่าการโจมตีส่วนใหญ่ดำเนินการโดยกลุ่มรุนดากุมปูลันเกอจิล ที่มีเครือข่ายหลวม ๆ และดำเนินการอย่างลับ ๆ[11][12]
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้โจมตีร้านอาหารแห่งหนึ่งปัตตานี ผู้ก่อเหตุซึ่งใช้อาวุธปืนกลสังหารคนไป 6 คน รวมถึงเด็กอายุ 2 ขวบด้วย[13] การกระทำดังกล่าวถือเป็นการแก้แค้นที่เกิดขึ้น 12 ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวใน 3 จังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา[14]
การใช้เด็ก
[แก้]ในปี พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 สหประชาชาติได้รับรายงานว่า BRN และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ได้คัดเลือกเด็กชายและเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 14 ปี[15][16] เด็ก ๆ ได้รับการฝึกทางทหารและถูกมอบหมายให้เป็นนักรบ ผู้ให้ข้อมูล และหน่วยสอดแนม[16] แต่การรายงานดังกล่าวกลับไม่ได้รับการบันทึกในรายงานของสหประชาชาติทั้งในปี พ.ศ. 2558 หรือ พ.ศ. 2559[17][18]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี". prachatai.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-29. สืบค้นเมื่อ 2025-07-18.
- ↑ "Free Patani ขออิสรภาพแก่ปาตานี)". Facebook. สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ Ummah Patani. "Pengistiharan Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani (B.R.N.) Ke-4". สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ "แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) Archives". มูลนิธิผสานวัฒนธรรม. 2025-05-07. สืบค้นเมื่อ 2025-07-18.
- ↑ "Free Patani ขออิสรภาพแก่ปาตานี)". Facebook. สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ Ummah Patani. "Pengistiharan Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani (B.R.N.) Ke-4". สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ No one is safe - The Ongoing Insurgency in Southern Thailand: Trends in Violence, Counterinsurgency Operations, and the Impact of National Politics, Human Rights Watch, p. 18
- ↑ Who is behind the Thailand bombings?, BBC News, 12 August 2016
- 1 2 Wongcha-um, Panu (January 21, 2020). Heinrich, Mark (บ.ก.). "Thai officials resume peace dialogue with main southern insurgents". Reuters.
- ↑ Nanuam, Wassana (January 22, 2020). "Peace talks with BRN launched". The Bangkok Post.
- ↑ Post Publishing PCL. "Visakha Bucha Day blast kills 5". สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ Post Publishing PCL. "State informant shot dead in rebel revenge attack". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 October 2017. สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ 6 killed in shooting in Thailand's restive south - Toshiba เก็บถาวร 23 กุมภาพันธ์ 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ "Gun attack in Thailand's south leaves six dead". BBC News. 2 May 2013. สืบค้นเมื่อ 28 November 2014.
- ↑ United Nations Secretary-General (2014). "Report of the Secretary-General: Children and armed conflict, 2014". www.un.org. สืบค้นเมื่อ 2018-01-24.
- 1 2 United Nations Secretary-General (2015). "Report of the Secretary-General: Children and armed conflict, 2015". www.un.org. สืบค้นเมื่อ 2018-01-24.
- ↑ United Nations Secretary-General (2016). "Report of the Secretary-General: Children and armed conflict, 2016". www.un.org. สืบค้นเมื่อ 2018-01-24.
- ↑ United Nations Secretary-General (2017). "Report of the Secretary-General: Children and armed conflict, 2017". www.un.org. สืบค้นเมื่อ 2018-01-24.
- สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี. สันติภาพในเปลวเพลิง. กทม. เนชั่นบุกส์. 2547
- แจ๊ค สโลโมชั่น. แสงสว่างแห่งอิสรภาพ. ปัตตานี. โจอี้ พับบลิชชิ่ง. 2555