คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ
| Sisters of Sacred Heart of Jesus of Bangkok Sœurs du Sacré-Cœur de Jésus de Bangkok | |
| ชื่อย่อ | S.H.B. |
|---|---|
| คําขวัญ | ข้าพเจ้าทำได้ทุกสิ่งอาศัยพระองค์ (ฟีลิปปี 4:13) |
| ก่อตั้ง | ค.ศ. 1871 |
| ผู้ก่อตั้ง | คุณพ่ออาลอยส์ อันฟองส์ ดอนต์ |
| ประเภท | คณะนักบวชคาทอลิก[1] |
| สํานักงานใหญ่ | กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
| คุณแม่อันนา อรัญญา กิจบุญชู | |
| เว็บไซต์ | http://www.shb.or.th/ |
คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ (อังกฤษ: Sisters of Sacred Heart of Jesus of Bangkok; ฝรั่งเศส: Sœurs du Sacré-Cœur de Jésus de Bangkok) เป็นคณะนักบวชหญิงโรมันคาทอลิกพื้นเมืองของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของประมุขแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยมีรากมาจากคณะรักกางเขน
ประวัติ
[แก้]ในปีค.ศ. 1834 ได้มีคริสตศาสนิกชนชาวเวียดนาม หรือ คริสตังค์ญวน กว่า 1,350 คนอพยพลี้ภัยจากการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนของจักรพรรดิมิญ หมั่งในประเทศเวียดนามมายังสยามเพื่อมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้คริสตังค์ญวนจำนวนประมาณ 1,350 คน นั้น ตั้งบ้านเรือนอยู่ในบริเวณวัดส้มเกลี้ยง เหนือบ้านเขมรซึ่งมีคริสตังค์จำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ทรงใช้เงินส่วนพระองค์ซื่อที่ดินสวนแปลงใหญ่ใกล้เคียงกัน พระราชทานให้อาศัยอยู่ โปรดเกล้าให้สร้างโรงใหญ่เพื่อเป็นที่พักอาศัย พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องอุปโภคให้อีกเป็นจำนวนมาก ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างโบสถ์หลังแรก ซึ่งเป็นโบสถ์ชั่วคราวทำด้วยไม้ไผ่ ใช้ชื่อว่า วัดแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ (ฝรั่งเศส: Église Saint-François-Xavier; ปัจจุบันถูกเรียกว่า วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน) ชุมชนนี้จึงถูกเรียกว่า บ้านญวณแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ และในกลุ่มชาวเวียดนามอพยพเหล่านี้ ได้มีภคินีคณะรักกางเขนจากโคชินไชนารวมอยู่ด้วย เมื่อเห็นว่ามีวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรดาภคินีเหล่านั้นได้ขอร้องคุณพ่อเจ้าวัดให้รับตนกลับมาเป็นภคินีผู้ปฏิบัติวินัยดังเดิม พระสังฆราชยัง ปอล ฮิแลร์ มิแชล กูรเวอซี (ฝรั่งเศส: Mgr. Jean-Paul-Hilaire-Michel Courvezy) เห็นสมควร จึงได้สร้างอารามแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ขึ้น รับภคินีได้ 15 คน ให้ถือวินัยอย่างเดียวกับที่เคยใช้ในโคชินไชนา คณะภคินีเหล่านี้เป็นกำลังในการสอนนักเรียนหญิงดังได้กล่าวข้างต้น และยังได้ทำหน้าที่รับเลี้ยงเด็กหญิงกำพร้าด้วย
ในปีค.ศ. 1851 คุณพ่อโกลเดต์ เจ้าอาวาสวัดแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ สามเสนในขณะนั้น ได้สนใจอารามภคีนี ซึ่งพระสังฆราชกูรเวอรซี่สร้างขึ้นและมีภคินีอยู่แล้ว 15 รูป คุณพ่อใคร่จะขยายอารามและเพิ่มจำนวนภคินีขึ้น จึงเริ่มรับสมัครหญิงสาว ซึ่งทำหน้าที่ช่วยสอน คำสอนอยู่แล้ว ให้เข้ารับการอบรมเพิ่มขึ้น แล้วจัดให้ได้เข้าพิธีสวมเสื้อภคินีกระทำ คือให้สวมเสื้อคำยาว กางเกงดำ มีรูปไม้กางเขนแขวนห้อยที่หน้าอก ภายนอกมองดูคล้ายภคินี แต่ความจริง ยังมิได้เป็นภคินีแท้ ถือระเบียบวินัยน้อยกว่า นับเป็นหญิงสาวถวายตัวเพื่อทำงานวัดทำหน้าที่เป็นครูสอน คำสอนและสอนวิชาอื่น ๆ ให้เด็กหญิง พวกเขาอยากถวายตัวเป็นภคีนี แต่อารามยังไม่พร้อมกระนั้นก็ดี

ในปีค.ศ. 1871 คุณพ่ออาลอยส์ อันฟองส์ ดอนต์ (ฝรั่งเศส: R.P. Aloïse Alphonse D'Hont) หรือที่รู้จักกันในนามของ คุณพ่อปีโอ พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส เชื้อชาติเบลเยี่ยม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ สามเสน และยังได้รับหน้าที่พระอุปสังฆราชควบคู่ไปด้วย คุณพ่อได้เห็นปัญหาต่าง ๆ ของมิสซังที่มีจำนวนมิชชันรีหรือพระสงฆ์น้อย บางวัดไม่มีพระสงฆ์ประจำอยู่และบรรดามิชชันรีต่างก็ล้มป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับสภาพอากาศ คุณพ่อจึงเกิดความคิดที่จะนำเหล่าภคินีมาเป็นผู้ช่วยพระสงฆ์ในงานแพร่ธรรม สอนศาสนา สอนหนังสือ ดูแลเด็กกำพร้า ช่วยด้านพิธีกรรมของวัดและดูแลอาหารสำหรับมิชชันนารีที่ออกไปแพร่ธรรม โดยยึดถือจิตตารมณ์แรกเริ่มที่สืบทอดมาจากพระสังฆราชลัมแบร์ต เดอ ลาม๊อต ผู้สถาปนาคณะรักกางเขน ต่อมาในปีค.ศ. 1897 คุณพ่อได้ทำการปรับปรุงอารามแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ขึ้นใหม่ แทนหลังเก่าซึ่งทรุดโทรมมาก ในปีถัดมา ได้รับผู้สมัครเข้าอบรมเป็นภคินีแท้ได้ 12 คน คือได้จากอารามเดิม 6 คน อีก 6 คนเป็นผู้สมัครใหม่ คุณพ่อดอนต์เอาใจใส่ให้การอบรมเองอย่างดีที่สุด โดยคุณพ่อได้เริ่มเปิดนวกสถานและอบรมเหล่าบรรดาภคินีด้วยตนเอง คุณพ่อได้ปราถนาที่จะถวายกิจการนี้เพื่อเป็นเกียรติแด่พระหฤทัยของพระเยซู ซึ่งคุณพ่อรักและศรัทธาเป็นพิเศษ และบรรดาภคินีเหล่านี้ได้ถูกเรียกอย่างลำลองว่า ภคินีสามเสน[2]
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1898 ฯพณฯ พระสังฆราชชอง หลุยส์ เวย์ (ฝรั่งเศส: Mgr. Louis VEY) ผู้แทนพระสันตะปาปาประจำราชอาณาจักรสยามในเวลานั้นได้ทำหนังสือตกลงร่วมกันกับแมร์กังดีด (ฝรั่งเศส: Mère Candide) เจ้าคณะภาคตะวันออกไกล คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ซึ่งประจำอยู่ที่ไซ่ง่อนในการส่งภคินี 7 คนจากไซง่อนมาดำเนินการในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์[3] ทั้งนี้ คุณพ่อปีโอได้ประทับใจในการทำงานของบรรดาภคินีเหล่านี้มาก คุณพ่อจึงส่งหนังสือไปถึงแมร์กังดีดที่ไซ่ง่อนให้ส่งภคินีมาเป็นผู้ให้การอบรมเหล่าแก่เหล่าภคินีสามเสน โดยความเห็นชอบของพระสังฆราชชอง หลุยส์ เวย์

ในปี ค.ศ. 1900 คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้ส่งภคินี 2 คนจากไซ่ง่อนคือ เซอร์ฮังเรียต และ เซอร์ยุสติน มาประจำอยู่ที่อารามสามเสนเพื่อให้การอบรมทางด้านชีวิตนักบวชแก่บรรดาภคินีพื้นเมือง ต่อมา คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้ย้าย เซอร์ เซราฟิน เดอ มารี ลูเตนบาคเคอร์, SPC (ฝรั่งเศส: Sr. Séraphine de Marie LUTTENBACHER, SPC) ซึ่งประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง มาแทนเซอร์ยูสติน และแต่งตั้งเซอร์เซราฟิน เดอ มารี เป็นอธิการิณีของอารามสามเสนแทนเซอร์ฮังเรียตในปีค.ศ. 1903 โดยเซอร์เซราฟิน เดอ มารี เป็นผู้วางรากฐานด้านชีวิตนักบวชและชีวิตจิต[4][5]
ต่อมาในปีค.ศ. 1924 ฯพณฯ พระสังฆราชเรอเน แปร์รอสได้ยกฐานะของคณะภินีแห่งอารามสามเสนจากการที่จำกัดตนเองอยู่กับวัดแซงต์ฟร็องซัวส์ซาเวียร์ สามเสนให้เป็นคณะนักบวชที่ขึ้นตรงกับมิสซังเพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักรและได้แต่งตั้งเซอร์ เซราฟิน เดอ มารี ลูเตนบาคเคอร์เป็นมหาธิการิณีคนแรก และให้คุณพ่อแปรูดง ซึ่งเป็นคุณพ่อปลัดในขณะนั้น เป็นพระสงฆ์วิญญาณารักษณ์องค์แรกของคณะ
ในปีค.ศ. 1930 พระคุณเจ้าโคลัมบัน มารีย์ เดรเยร์ (ฝรั่งเศส: Mgr. Colomban Marie Dreyer O.F.M.) ผู้แทนพระสันตะปาปาประจำอินโดจีนของฝรั่งเศสได้มาเยี่ยมและตรวจการมิสซังสยามและได้มาตรวจการ ณ อารามสามเสน ท่านได้ทำเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของอารามพระหฤทัยที่สามเสนนี้ ยื่นต่อพระคุณเจ้าแปร์รอส ฉบับที่หนึ่งลงวันที่ 6 มีนาคม 1930 ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ ให้พระสังฆราชจัดการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คณะรักกางเขนที่สามเสนได้ขึ้นต่อมิสซังโดยตรงและย้ายออกจากบริเวณวัดสามเสน คณะจะได้ขยายออกไปและเป็นประโยชน์มากขึ้นต่อพระศาสนจักรโดยส่วนรวม[6]

ในปีค.ศ. 1931 คณะได้ย้ายสำนักศูนย์กลางมาที่คลองเตย โดยขายอารามเก่าที่สามเสนให้กับคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์[7]
ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1957 พระสังฆราชหลุยส์ โชแรง ได้ประกาศรับรองคณะเป็นทางการในนามของพระศาสนจักรโดยมอบนามแก่คณะว่า “คณะภคินีพระหฤทัยแห่งกรุงเทพฯ” และมอบพระวินัยแก่ภคินี เพื่อเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตนักบวชของคณะนี้ตลอดไป นับเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งการเป็นคณะนักบวชที่สมบูรณ์ของพระศาสนจักรคณะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากพระศาสนจักร และได้ชื่อว่า “คณะภคินีพระหฤทัยแห่งกรุงเทพฯ”
(ภายหลังปี ค.ศ.1990 เปลี่ยนให้สมบูรณ์เป็น "คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ") ปัจจุบันคณะพระหฤทัยฯได้ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ เพื่อรักและรับใช้พระเจ้าในพระศาสนจักรท้องถิ่นในประเทศไทย ปัจจุบันคณะรับใช้พระศาสนจักรท้องถิ่นในประเทศไทยใน 5 สังฆมณฑล คือ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ สังฆมณฑลราชบุรี สังฆมณฑลนครสวรรค์ สังฆมณฑลเชียงใหม่ และสังฆมณฑลเชียงราย นอกจากนั้น ยังคงทำงานในสังฆมณฑลพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อีก 1 แห่งด้วยการร่วมมือกับพระสงฆ์ในงานแพร่ธรรมและการอภิบาลของวัดด้วยจิตตารมณ์พระหฤทัยฯ[8]
ภารกิจของคณะ
[แก้]ภารกิจของคณะ คือ การรับใช้ประชากรของพระเจ้า โดยภคินีเป็นผู้ช่วยพระสงฆ์ในงานแพร่ธรรมด้านต่าง ๆ ของวัดเป็นต้น ด้านการสอนคำสอน ด้านการศึกษา ด้านสังคมพัฒนา ด้านแม่บ้าน ด้านอภิบาลและประกาศข่าวดี นอกนั้น คณะยังทำงานด้านการสงเคราะห์ผู้ยากจนและงานอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนจักร (ธ.ว. 6)
เมื่อผู้ใหญ่ของคณะส่งภคินีไปทำงานในที่ใดให้ถือว่าเป็นพระศาสนจักร ส่งตนไปร่วมในภารกิจเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด ภคินีควรไปในทุกสถานที่ที่ผู้ใหญ่เห็นเหมาะสมและพร้อมที่จะทำงานทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็งและรับผิดชอบเพื่อเผยแผ่พระอาณาจักรของพระเจ้า” (ธ.ว. 96)[9]
คณะได้แบ่งภารกิจของภคินีออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่
ภารกิจด้านแม่บ้าน
[แก้]ภคินีที่ทำงานด้านแม่บ้านทำหน้าที่ด้วยความรักและรับผิดชอบ โดยถือว่าการทำงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการแพร่ธรรม ดังนั้น ภคินีควรถือตามแบบอย่างของแม่พระและนักบุญโยเซฟที่นาซาเรธ โดยยินดีทำงานต่างๆ แม้เล็กน้อยด้วยความเอาใจใส่ เพราะความรักต่อพระคริสตเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด (ธ.ว. 105)
ภารกิจด้านการศึกษา
[แก้]
คณะเริ่มต้นภารกิจด้านการศึกษาจากการเป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนนักบุญเทเรซา สามเสน (ปัจจุบันคือโรงเรียนโยนออฟอาร์ค) และหลังจากที่คณะได้ย้ายบ้านศูนย์กลางไปอยู่ที่คลองเตย คุณแม่เซราฟิน เดอ มารีได้ก่อตั้งโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์[5] โดยใช้อารามเป็นห้องเรียน ถือว่าเป็นสถานศึกษาของคณะแห่งแรก
ปัจจุบัน คณะได้ทำงานด้านการศึกษาในโรงเรียนของคณะ 5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง โรงเรียนพระหฤทัยนนทบุรี โรงเรียนพระหฤทัยพัฒเวศม์ และโรงเรียนพระหฤทัยสวรรคโลก ตามเป้าหมายของการศึกษาคาทอลิก นอกจากนั้น คณะยังได้ร่วมบริหารโรงเรียนของสังฆมณฑลต่าง ๆ กว่า 26 โรงเรียน
ภารกิจด้านการสังคมพัฒนา
[แก้]คณะมีส่วนงานในการช่วยเหลือสังคม ทั้งในส่วนของความร่วมมือกับพระศาสนจักรท้องถิ่น และกิจกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะ ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ศักดิ์ศรี และสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะเป็นคนยากจน คนชรา เด็กกำพร้า หรือผู้ด้อยโอกาสต่าง ๆ[10] รวมทั้งบรรดาเยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์ หรือเด็กพิเศษ เน้นการเสริมโอกาสและพัฒนาศักยภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้บุคคลเหล่านั้น “ได้มีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” (ยน.10:10)
อนึ่ง ในการดำเนินกิจการดังกล่าว ให้พยายามใช้หรือพัฒนาทรัพยากร และโอกาสที่มีอยู่แล้ว เช่น ที่บ้านสวนพระหฤทัยลำปาง บ้านพระหฤทัยสวรรคโลก มูลนิธิประสานใจ มูลนิธิพระหฤทัยอุปถัมภ์ ให้ตอบสนองความต้องการเหล่านี้อย่างเต็มศักยภาพ
ภารกิจด้านงานอภิบาลและประกาศข่าวดี
[แก้]- โครงการจัดอบรมคุณธรรม – จริยธรรมสำหรับเด็กนักเรียนโรงเรียนในเครือคณะ
- โครงการสอนคำสอนเด็กวันอาทิตย์
- โครงการคำสอนนอกโรงเรียน (สำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป)
- โครงการค่ายคุณธรรม – คำสอน
- โครงการพัฒนาบุคลากรด้านอภิบาลและประกาศข่าวดี
- โครงการสำรวจ – เยี่ยมเยียนสัตบุรุษในเขตวัดอาราม
- โครงการสำรวจ – เยี่ยมเยียนสัตบุรุษในเขตวัดอาราม
- โครงการส่งเสริมจิตตารมณ์ยุวธรรมทูตในโรงเรียน
จิตตารมณ์ของคณะ
[แก้]จิตตารมณ์ของคณะคือจิตตารมณ์ของพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ภคินียึดเอาดวงพระหฤทัยของพระองค์เป็นแหล่งพลังและแบบอย่างในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความรัก ความสุภาพ และใจน้อมน้อม พร้อมที่จะยอมรับทุกสิ่งเป็นพลีบูชาเพื่อความรอดของมนุษย์ (ธว.5)
พระพรพิเศษของคณะ เป็นพระพรแห่งการรับใช้ประชากรของพระเจ้าโดยภคินีเป็นผู้ช่วยพระสงฆ์ในการแพร่ธรรมต่าง ๆ ของวัดและงานอื่น ๆ ของสังฆมณฑลด้วยจิตตารมณ์ของพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ตามพระพรที่ได้รับสืบทอดมาจากคุณพ่ออาลอยส์ อันฟองส์ ดอนต์ ผู้ก่อตั้งคณะ[11]
มหาธิการิณี
[แก้]คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ มี มหาธิการิณี[12] เป็นผู้ปกครองคณะสูงสุด โดยจะมีการการเลือกตั้งมหาธิการิณีในทุก ๆ วาระ มีรายนามดังนี้
| ลำดับ | รายนาม | ปีที่ดำรงตำแหน่ง (ค.ศ.) | หมายเหตุ |
| 1. | คุณแม่เซราฟิน เดอ มารี ลูเตนบาคเคอร์, SPC (Mère Séraphine de Marie LUTTENBACHER, SPC; ชื่อเดิม: Eugénie LUTTENBACHER) | สมัยที่ 1 : ปี 1924 - 1942 สมัยที่ 2: ปี 1948 - 1951 | ชาวฝรั่งเศสจากแคว้นอาลซัส ภคินีของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาธิการิณีโดยพระสังฆราชเรอเน แปร์รอส[13][14][15] |
| 2. | คุณแม่เอลีซาแบ็ธ ธานี บุญคั้นผล | สมัยที่ 1 : ปี 1942 - 1945 สมัยที่ 2: ปี 1951 - 1953 | มหาธิการิณีคนไทยคนแรกของคณะ สัตบุรุษวัดพระผู้ไถ่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก |
| 3. | คุณแม่แบร์นาแด็ต ดารี บุญคั้นผล | สมัยที่ 1 : ปี 1954 - 1957 สมัยที่ 2: ปี 1957 - 1963 สมัยที่ 3: ปี 1963 - 1969 | สัตบุรุษวัดพระผู้ไถ่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก |
| 4. | คุณแม่ซีดอนี วราภรณ์ บรรจง | ปี 1968 - 1973 | สัตบุรุษวัดพระหฤทัย วัดเพลง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี |
| 5. | คุณแม่กัลลิสต์ ธีรา มากสกุล | สมัยที่ 1 : ปี 1973 - 1979 สมัยที่ 2: ปี 1979 - 1985 สมัยที่ 3: ปี 1990 - 1995 | สัตบุรุษวัดพระคริสตหฤทัย วัดเพลง จ.ราชบุรี |
| 6. | คุณแม่มารีอา สมพิศ กตัญญู | ปี 1985 - 1990 | สัตบุรุษวัดเซนต์นิโกลาส จ.พิษณุโลก |
| 7. | คุณแม่มารีอา เชลียง เวชยันต์ | สมัยที่ 1 : ปี 1995 - 2000 สมัยที่ 2: ปี 2006 - 2010 สมัยที่ 3: ปี 2011 - 2015 | สัตบุรุษวัดนักบุญเทเรซา หน้าโคก จ.พระนครศรีอยุธยา |
| 8. | คุณแม่อังเยลา เมริชี พรรณี ภู่เรือนหงษ์ | ปี 2001 - 2005 | |
| 7. | คุณแม่อันนา อรัญญา กิจบุญชู | สมัยที่ 1 : ปี 2016 - 2020 สมัยที่ 2: ปี 2021 - ปัจจุบัน | สัตบุรุษวัดนักบุญเปโตร อ.สามพราน จ.นครปฐม |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "องค์กรคาทอลิก". THAI CATHOLIC HUB.
- ↑ "วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ (วัดสามเสน)". หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ.
- ↑ "ก้าวแรก พันธกิจด้านการพยาบาล ณ ดินแดนสยาม". คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร.
- ↑ "ก้าวที่สอง...หน้าที่ของพี่เลี้ยง". คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร.
- 1 2 ZIPPER, Jean-Marie (August 31, 2016). "90 religieuses de Bangkok pour sœur Séraphine". Les Dernières Nouvelles d'Alsace.
- ↑ "ประวัติคณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ". คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ.
- ↑ "ประวัติโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์". โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์.
- ↑ "Congragation of the Sisters of the Sacred Heart of Jesus of Bangkok". คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ.
- ↑ "ภารกิจของคณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ". คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ.
- ↑ "Des sœurs thaïlandaises lancent un projet alimentaire dans le plus grand bidonville de Bangkok". Les Missions étrangères de Paris. September 23, 2022.
- ↑ "จิตตารมณ์และพระพรพิเศษ คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ". คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ.
- ↑ "มหาธิการิณี". คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ.
- ↑ JOB, Emmanuel (August 26, 2020). "Sœur Séraphine de Marie : le destin exceptionnel d'une enfant de la vallée de la Thur". Les Dernières Nouvelles d'Alsace.
- ↑ EDEL, Philippe. "Ces Alsaciens qui firent le monde: Eugénie Luttenbacher (1873-1952), supérieure du Sacré-Cœur de Bangkok (Thaïlande)" (PDF). L’Alsace dans le Monde, n°51 – Eté 2016, 10. สืบค้นเมื่อ June 30, 2016.
- ↑ ซีมอนา สมศรี บุญอรุณรักษา. "ย้อนอดีตรำลึกคุณ ธรรมทูตหญิงห้าแผ่นดินสยามจากแคว้นอัลซาส". คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ.