ข้ามไปเนื้อหา

สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส
พระบรมสาทิสลักษณ์ ปี 1783
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและอัลการ์วึช
ครองราชย์24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1777 –
20 มีนาคม ค.ศ. 1816
พิธีอวยองค์13 พฤษภาคม ค.ศ. 1777
ก่อนหน้าพระเจ้าฌูเซที่ 1
ถัดไปพระเจ้าฌูเอาที่ 6
ผู้ร่วมในราชสมบัติพระเจ้าเปดรูที่ 3 (สิทธิของพระมเหสี)
ผู้สำเร็จราชการเจ้าชายฌูเอา
(1792–1816)
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งบราซิล
ครองราชย์16 ธันวาคม ค.ศ. 1815 –
20 มีนาคม ค.ศ. 1816
ถัดไปพระเจ้าฌูเอาที่ 6
พระราชสมภพ(1734-12-17)17 ธันวาคม 1734
ลิสบอน, ราชอาณาจักรโปรตุเกส
สวรรคต20 มีนาคม ค.ศ. 1816(1816-03-20) (81 ปี)
รีโอเดจาเนโร, ราชอาณาจักรบราซิล
คู่อภิเษกพระเจ้าเปดรูที่ 3 แห่งโปรตุเกส
พระราชบุตรเจ้าชายฌูเซ เจ้าชายแห่งบราซิล
อิงฟังตึฌูเอา ฟรังซิชกูแห่งบรากังซา
อิงฟังตามารีอา อีซาแบลแห่งบรากังซา
พระเจ้าฌูเอาที่ 6 แห่งโปรตุเกส
อิงฟังตามารีอานา วีตอรีอาแห่งบรากังซา
อิงฟังตามารีอา กลึเมนตีนาแห่งบรากังซา
พระบรมนามาภิไธย
มารีอา ฟรังซิชกา อิซาเบล ฌูเซฟา อังโตนีอา ชือร์ตรูดึช ริตา ฌูอานา
ราชวงศ์บรากังซา
พระราชบิดาพระเจ้าฌูเซที่ 1 แห่งโปรตุเกส
พระราชมารดาอินฟันตามาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน
ศาสนาโรมันคาทอลิก
ลายพระอภิไธย

สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส (17 ธันวาคม ค.ศ. 1734 - 20 มีนาคม ค.ศ. 1816) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและอัลการ์วึช ตั้งแต่ค.ศ. 1777 จนกระทั่งเสด็จสวรรคต ทรงเป็นที่รู้จักกันในพระนาม มารีอา ผู้ใจบุญ โดยชาวโปรตุเกส และเป็นที่รู้จักในพระนาม มารีอา ผู้วิปลาส โดยชาวบราซิล เป็นพระประมุขสตรีพระองค์แรกของโปรตุเกส เป็นพระราชธิดาพระองค์โตจากพระราชธิดาทั้งสี่พระองค์ในพระเจ้าฌูเซที่ 1 แห่งโปรตุเกสกับสมเด็จพระราชินีมารีอานา วีตอรีอาแห่งโปรตุเกส

ช่วงต้นของพระชนม์ชีพ

[แก้]
ขณะดำรงฐานันดรเป็น อินฟันตามารีอา

เจ้าหญิงมารีอาพระราชสมภพที่พระราชวังริเบย์รา ซึ่งต่อมาพระราชวังนี้ได้ถูกทำลายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ พระนามเต็มของพระนางคือ มารีอา ฟรังซิชกา อิซาเบล ฌูเซฟา อังโตนีอา ชือร์ตรูดึช ริตา ฌูอานา ในวันพระราชสมภพ พระเจ้าฌูเอาที่ 5 แห่งโปรตุเกสซึ่งเป็นพระอัยกาของพระนาง ได้พระราชทานพระอิสริยยศเจ้าหญิงเป็น เจ้าหญิงแห่งไบรา พระนางเป็นพระราชธิดาพระองค์โตจากทั้งหมด 4 พระองค์

เมื่อพระราชบิดาได้สืบราชสมบัติเป็น พระเจ้าฌูเซแห่งโปรตุเกส หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าฌูเอาที่ 5 ในปีค.ศ. 1750 เจ้าหญิงมารีอาได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าหญิงแห่งบราซิลซึ่งเป็นพระอิสริยยศตามแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ใช่พระอิสริยยศดัชเชสแห่งบรากังซา

เจ้าหญิงมารีอาทรงเจริญพระชันษาในช่วงที่การปกครองของพระราชบิดาและรัฐบาลอยู่ภายใต้อำนาจของมาควิสแห่งพอมบาล พระราชบิดาของพระนางมักจะปลีกตัวพระองค์จากการเมืองมาพำนักที่พระราชวังหลวงเควลูซ ซึ่งต่อมาได้มอบให้กับเจ้าหญิงมารีอาและพระสวามี มาควิสแห่งพอมบาลได้เข้ากุมอำนาจในรัฐบาลหลังจากเหตุการณ์ครั้งร้ายแรงคือ แผ่นดินไหวในลิสบอน ค.ศ. 1755 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1755 วึ่งส่งผลให้ประชาชนกว่าหนึ่งแสนคนต้องเสียชีวิต และพระราชวังริเบย์ราถูกทำลายจนสิ้น

หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้นส่งผลให้พระราชบิดาของพระนางเกิดพระอาการประหลาดคือ พระองค์มักจะรู้สึกอึดอัดในที่ที่ไม่มีช่องว่าง อันเป็นผลมาจากโรคกลัวที่ปิดทึบ (Claustrophobia) พระเจ้าฌูเซทรงสร้างที่ประทับในเมืองอาจูดา โดยให้ห่างไกลจากตัวเมือง ซึ่งพระราชวังเป็นที่รู้จักในชื่อ พระราชวังเรียล บาร์ราคา เดอ อาจูดา (กระท่อมหลวงแห่งอาจูดา) เนื่องจากว่าทั้งตัวพระราชวังทำจากไม้ทั้งสิ้น พระราชวงศ์ทรงประทับร่วมกันที่พระราชวังนี้และเป็นที่ที่เจ้าหญิงมารีอาทรงพระประสูติกาลพระโอรสพระองค์แรกด้วย ต่อมาในปีค.ศ. 1794 พระราชวังนี้ได้ถูกเพลิงเผาจนวอดวายและได้มีการสร้างพระราชวังหลวงอาจูดาขึ้นแทนที่

อภิเษกสมรสและพระราชบุตร

[แก้]

เจ้าหญิงมารีอาทรงอภิเษกสมรสกับอิงฟังตึเปดรู ซึ่งเป็นพระปิตุลาของพระนาง และเป็นผู้ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ปกครองร่วมกับพระนางมารีอาเมื่อพระนางขึ้นครองราชย์ พระราชพิธีอภิเษกสมรสได้จัดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1760 ซึ่งเจ้าสาวมีพระชนมายุเพียง 25 พรรษา ส่วนเจ้าบ่าวมีพระชนมายุ 43 พรรษา ถึงแม้จะเป็นการอภิเษกสมรสที่ต่างพระชันษากันมาก แต่ก็จัดเป็นคู่อภิเษกสมรสที่มีความสุขคู่หนึ่งซึ่งปรากฏพบได้ยากในการแต่งงานของราชวงศ์ ทั้งสองพระองค์ทรงให้กำเนิดโอรสและธิดารวม 6 พระองค์ ได้แก่

พระฉายาลักษณ์ พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา
เจ้าชายฌูเซ เจ้าชายแห่งบราซิล20 สิงหาคม
ค.ศ. 1761
11 กันยายน
ค.ศ. 1788
อภิเษกสมรส 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1777
อิงฟังตาบึนึดีตาแห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระมาตุจฉา
ไม่มีพระบุตร
อิงฟังตึฌูเอา ฟรังซิชกูแห่งบรากังซา16 กันยายน
ค.ศ. 1763
10 ตุลาคม
ค.ศ. 1763
สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์
พระเจ้าฌูเอาที่ 6 แห่งโปรตุเกส13 พฤษภาคม
ค.ศ. 1767
10 มีนาคม
ค.ศ. 1826
อภิเษกสมรส 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1785
อินฟันตาการ์โลตา โฆอากินาแห่งสเปน
มีพระราชบุตร 9 พระองค์ ได้แก่ อิงฟังตามารีอา ตึเรซาแห่งบรากังซา
เจ้าชายฟรังซิชกู อังตอนียู เจ้าชายแห่งไบรา
มารีอา อีซาแบลแห่งบรากังซา สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน
จักรพรรดิเปดรูที่ 1 แห่งบราซิล
อิงฟังตามารีอา ฟรังซิชกาแห่งบรากังซา
อิงฟังตาอีซาแบล มารีอาแห่งบรากังซา
พระเจ้ามีแกลแห่งโปรตุเกส
อิงฟังตามารีอา ดา อาซุงเซาแห่งบรากังซา
อิงฟังตาอานา ดึ ฌึซุช มารีอาแห่งบรากังซา
อิงฟังตามารีอานา วีตอรีอาแห่งบรากังซา15 ธันวาคม
ค.ศ. 1768
2 พฤศจิกายน
ค.ศ. 1788
อภิเษกสมรส 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1785
อินฟันเตกาบริเอลแห่งสเปน
มีพระบุตร 3 พระองค์ ได้แก่
อินฟันเตเปโดร การ์โลสแห่งสเปนและโปรตุเกส
อินฟันตามาริอา การ์โลตาแห่งสเปน
อินฟันเตการ์โลสแห่งสเปน
อิงฟังตามารีอา กลึเมนตีนาแห่งบรากังซา9 มิถุนายน
ค.ศ. 1774
27 มิถุนายน
ค.ศ. 1776
สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์
อิงฟังตามารีอา อีซาแบลแห่งบรากังซา12 ธันวาคม
ค.ศ. 1776
14 มกราคม
ค.ศ. 1777
สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์

ครองบัลลังก์โปรตุเกสและพระอาการวิปลาส

[แก้]
พระนางมารีอาและพระสวามีในวันขึ้นครองราชสมบัติ

ในปีค.ศ. 1777 เจ้าหญิงมารีอาได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์แรกแห่งโปรตุเกสและอัลการ์วึช และเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 26 พระสวามีของพระนางได้เป็นพระประมุขร่วม พระนามว่า พระเจ้าเปดรูที่ 3 แห่งโปรตุเกส แม้ว่าพระสวามีจะดำรงเป็นผู้ปกครองร่วมแต่แท้จริงแล้วอำนาจทั้หมดกลับตกอยู่ในพระหัตถ์ของพระนางมารีอา พระนางทรงเป็นนักปกครองที่ดีและชาญฉลาดถ้าไม่เกิดพระอาการวิปลาสของพระนาง

บทบาทแรกในการเป็นสมเด็จพระราชินีนาถของพระนางคือ การปลดมาควิสแห่งพอมบาล ผู้เป็นที่นิยมออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและทรงประกาศไม่ให้เขาเข้าใกล้พระองค์เป็นระยะ 20 ไมล์ มาควิสแห่งพอมบาลเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทาวอรา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าฌูเซในรัชกาลก่อน และผลลัพธ์คือคนในตระกูลทาวอราถูกสั่งประหารชีวิต ซึ่งคนในตระกูลนี้เป็นปรปักษ์กับมาควิสแห่งพอมบาล จนทำให้มาควิสแห่งพอมบาลมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ จนเรียกได้ว่า ยุคภูมิธรรมของพอมบาล และเป็นผู้ต่อต้านคณะเยซูอิต ซึ่งพระนางมารีอาไม่ทรงโปรดพอมบาลพระนางจึงสั่งปลดเขา ในช่วงนี้ประเทศโปรตุเกสได้เข้าเป็นสมาชิกในสันนิบาตแห่งความเป็นกลางทางกองทัพ (เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1782)

พระนางมารีอาทรงทรมานจากการที่ทรงเคร่งครัดในพระศาสนามากเกินไปและทรงเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นพระอาการแบบเฉียบพลันทำให้พระนางไม่สามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองได้ พระนางเป็นพระโรคเดียวกับพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรซึ่งทรงพระประชวรด้วยโรคพอร์ฟีเรีย

พระอาการวิปลาสของพระนางเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นในปีค.ศ. 1786 เมื่อพระนางมารีอาทรงถูกกุมพระองค์กลับมายังพระตำหนักด้วยพระอาการคลุ้มคลั่ง สภาพจิตใจของพระนางเลวร้ายยิ่งขึ้น และในปีเดียวกันพระสวามีของพระนางเสด็จสวรรคตในเดือนพฤษภาคม สภาพจิตใจของพระนางเหมือนแหลกสลายทรงออกประกาศห้ามให้มีความบันเทิง และการฉลองรัฐพิธีต่างๆให้เป็นไปตามพิธีกรรมทางศาสนาทั้งสิ้น สภาพจิตใจของพระนางสูญเสียมากขึ้นเมื่อพระราชโอรสพระองค์โตสิ้นพระชนม์ขณะมีพระชนมายุ 27 พรรษาด้วยไข้ทรพิษ และหลังจากการสารภาพบาปของพระนางในปีค.ศ. 1791 ก็มีผลให้พระอาการเลวร้ายยิ่งขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1792 พระนางทรงได้รับการรักษาจากฟรานซิส วิลลิส แพทย์ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการรักษาพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร วิลลิสประสงค์ให้พระนางเสด็จไปรับการรักษาที่ประเทศอังกฤษแต่ทางราชสำนักได้ปฏิเสธแผนการนี้ เจ้าชายฌูเอา พระราชโอรสพระองค์สุดท้องได้ใช้พระราชอำนาจปกครองประเทศในพระปรมาภิไธยพระราชมารดา และทรงได้ดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในปีค.ศ. 1792 เมื่อพระราชวังเรียล บาร์ราคา เดอ อาจูดาได้ถูกเพลิงเผาผลาญจนสิ้นในปีค.ศ. 1794 พระราชวงศ์ได้ย้ายไปประทับที่พระราชวังเควลูซ ซึ่งเป็นที่ซึ่งพระนางมารีอาทรงถูกบังคับให้อยู่บนพระแท่นบรรทมโดยทรงถูกผูกติดกับพระแท่นตลอดทั้งวันโดยไม่ให้เสด็จออกจากห้อง แขกผู้มาเยือนราชสำนักโปรตุเกสต่างได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมานของพระนางมารีอาซึ่งจะมีเสียงสะท้อนกลับทั่วทั้งพระราชวัง

สงครามนโปเลียนและเสด็จสวรรคต

[แก้]
พระราชินีนาถมารีอาที่ 1 และพระราชวงศ์บรากันซาเสด็จถึงท่าเรือเพื่อลี้ภัยไปยังบราซิล

ในปีค.ศ. 1801 มานูเอล โกดอย นายกรัฐมนตรีเผด็จการแห่งสเปนได้ส่งกองทัพบุกโปรตุเกสด้วยการสนับสนุนจากนโปเลียน แต่ในปีเดียวกันก็ถูกสั่งระงับแผนการไว้ อย่างไรก็ตามในสนธิสํญญาบาดาจอซในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1801 โปรตุเกสได้ถูกบังคับให้มอบโอลิเวนซาและส่วนหนึ่งของกายอานาแก่สเปน

รัฐบาลโปรตุเกสปฏิเสธที่จะร่วมในแผนการบุกเกาะอังกฤษของฝรั่งเศสและสเปนในปีค.ศ. 1807 กองทัพฝรั่งเศส-สเปนนำโดยนายพลฌอง-อันดอเช ชูโนต์ได้บุกโปรตุเกส กองทัพโปรตุเกสพ่ายแพ้ นายพลชูโนต์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินโปรตุเกสโดยการตัดสินพระทัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ประสงค์ให้ทำลายราชอาณาจักรโปรตุเกส จากการร้องขอของรัฐบาลอังกฤษ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1807 พระราชวงศ์บรากันซาตัดสินพระทัยลี้ภัยไปยังบราซิลและก่อตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในราชอาณาจักรบราซิลขึ้น พระนางและพระราชวงศ์ประทับเรือพระที่นั่งปรินซิเป เรียล ระหว่างการเสด็จจากพระราชวังมายังท่าเรือ พระนางทรงกรีดร้องและกรรแสงตลอดทางและเป็นเช่นนี้ตลอดจนถึงบราซิล สมเด็จพระราชินีทรงเริ่มมีภาวะสมองเสื่อม พระนางทรงหวาดผวาโดยทรงคำนึงว่าพระองค์จะทรงถูกนำไปทรมานหรือทรงถูกนำไปปล้นในระหวางการเดินทางโดยเหล่านางสนองพระโอษฐ์ของพระนางเอง

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1808 เจ้าชายฌูเอาและพระราชวงศ์เสด็จถึงซาลวาดอร์ ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ทรงเปิดการค้าระหว่างบราซิลกับมิตรประเทศซึ่งรวมทั้งประเทศอังกฤษ กฎหมายนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะยกเลิกสัญญาอาณานิคมซึ่งใช้บราซิลเป็นแผ่นดินหลักแทนโปรตุเกส

พลโท อาร์เธอร์ เวลสลีย์ ดยุกแห่งเวลลิงตัน แห่งกองทัพอังกฤษ

ในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1815 พลโท ดยุกแห่งเวลลิงตัน แห่งกองทัพอังกฤษได้บุกเข้าสู่กรุงลิสบอนอันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามคาบสมุทร (Peninsular War) วันที่ 28 สิงหาคม ดยุกแห่งเวลลิงตันได้ชัยชนะเหนือนายพลฌอง-อันดอเช ชูโนต์ในสมรภูมิไวเมโร และถือเป็นการขจัดอำนาจของนายพลชูโนต์และเป็นการปลดแอกโปรตุเกสในการประชุมแห่งซินทรา วันที่ 30 สิงหาคม อย่างไรก็ตามดยุกแห่งเวลลิงตันได้กลับมาโปรตุเกสอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายนปีถัดมาเพื่อประกาศสงคราม โปรตุเกสภายใต้กองทัพอังกฤษมีความสามารถในการป้องกันประเทศตามเส้นทางแห่งตอร์เรส เวดราสและการบุกรุกของสเปนและฝรั่งเศส

ในปีค.ศ. 1815 รัฐบาลพลัดถิ่นและราชวงศ์ได้ย้ายศูนย์กลางการปกครองมาที่บราซิลในฐานะราชอาณาจักรอย่างเต็มรูปแบบ และพระนางมารีอาทรงได้รับพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรโปรตุเกส, บราซิล และ อัลการ์วึช เมื่ออำนาจของนโปเลียนสิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1815 พระนางมารีอาและพระราชวงศ์ยังทรงประทับอยู่ที่บราซิล

ช่วงเวลา 9 ปีในบราซิลซึ่งเป็นที่ที่พระนางประทับอย่างไร้ความสุข พระนางมารีอาเสด็จสวรรคตที่คาร์เมลิต คอนแวนต์ ณ กรุงรีโอเดจาเนโรในปีค.ศ. 1816 สิริพระชนมายุ 81 พรรษา ซึ่งทรงดำรงพระชนม์ชีพยืนยาวที่สุดในบรรดากษัตริย์โปรตุเกสนับตั้งแต่สถาปนาราชอาณาจักรโปรตุเกส เจ้าชายฌูเอา พระราชโอรสได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อในพระปรมาภิไธย พระเจ้าฌูเอาที่ 6 แห่งโปรตุเกส พระบรมศพของพระนางมารีอาได้ถูกอัญเชิญกลับมายังลิสบอน และฝังที่สุสานในโบสถ์แห่งเอสเตอราที่ซึ่งพระนางทรงอุปถัมภ์

ต่อมาพระบรมรูปหินอ่อนของพระนางได้ถูกสร้างขึ้นในห้องสมุดแห่งชาติกรุงลิสบอนโดยคณะนักศึกษาของ โจอาคิม มาร์ชาดา เดอ คัสโตรซึ่งเป็นผู้กำกับโครงการ

ความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรสยาม

[แก้]

พระนางเจ้ามารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกสถวายพระราชสาส์นโดยตรงจากกรุงลิสบอนสู่กรุงรัตนโกสินทร์ ในปีค.ศ. 1786 (พ.ศ. 2329) ซึ่งเป็นปีที่ 5 ในรัชกาลที่ 1 แห่งสยาม ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบ ก็ทรงตระหนักถึงการให้ความสำคัญของโปรตุเกสต่อรัตนโกสินทร์ที่เพิ่งตั้งได้เพียง 5 ปี จึงได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้เตรียมการรับราชทูตแห่งโปรตุเกสอย่างสมเกียรติ แต่พระราชสาส์นของพระนางมารีอาได้สูญหาย จึงทำให้ปัจจุบันไม่ทราบความในพระราชสาส์น แต่ในพระราชสาส์นตอบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชนั้นทำให้ทราบว่าทางพระราชินีโปรตุเกสได้กราบบังคมทูลขอตั้งสถานีการค้าในกรุงเทพมหานครขึ้นและความช่วยเหลือทางการทหารเข้ามาด้วย นับเป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามายังสยามในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์[1]

พระบรมราชอิสริยยศ

[แก้]
  • 17 ธันวาคม ค.ศ. 1734 - 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1750 : เจ้าหญิงแห่งเบย์รา,ดัสเชสแห่งบาร์เซลุช
  • 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1750 - 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1777 : เจ้าหญิงแห่งบราซิล,ดัสเชสแห่งบรากันซา
  • 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1777 - ธันวาคม ค.ศ. 1815 : สมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและอัลการ์วึช
  • ธันวาคม ค.ศ. 1815 - 20 มีนาคม ค.ศ. 1816 : สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรโปรตุเกส บราซิล และอัลการ์วึช

ดูเพิ่ม

[แก้]

พระราชตระกูล

[แก้]
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
16. พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส
 
 
 
 
 
 
 
8. พระเจ้าเปดรูที่ 2 แห่งโปรตุเกส
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
17. เจ้าหญิงลุยซาแห่งเมดินา ซิโดเนีย
 
 
 
 
 
 
 
4. พระเจ้าฌูเอาที่ 5 แห่งโปรตุเกส
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
18. ฟิลลิพ วิลเฮ็ล์ม ผู้คัดเลือกแห่งฟัลทซ์ (=20 และ 30)
 
 
 
 
 
 
 
9. เจ้าหญิงมารีอา โซฟีแห่งฟัลทซ์-น็อยบวร์ค
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
19. แลนด์เกรฟวีนเอลีซาเบ็ท อาเมลีแห่งเฮ็สเซิน-ดาร์มชตัท (=23 และ 31)
 
 
 
 
 
 
 
2. พระเจ้าฌูเซที่ 1 แห่งโปรตุเกส
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
20. จักรพรรดิแฟร์ดีนันท์ที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
 
 
 
 
 
 
 
10. จักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
21. อินฟันตามารีอา อันนาแห่งสเปน
 
 
 
 
 
 
 
5. อาร์ชดัสเชสมารีอา อันนาแห่งออสเตรีย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
22. ฟิลลิพ วิลเฮ็ล์ม ผู้คัดเลือกแห่งฟัลทซ์ (=18 และ 30)
 
 
 
 
 
 
 
11. เจ้าหญิงเอเลโอโนเรอ มักดาลีเนอแห่งน็อยบวร์ค
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
23. แลนด์เกรฟวีนเอลีซาเบ็ท อาเมลีแห่งเฮ็สเซิน-ดาร์มชตัท (=19 และ 31)
 
 
 
 
 
 
 
1. สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
24. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
 
 
 
 
 
 
 
12. เจ้าชายหลุยส์ โดแฟ็งใหญ่แห่งฝรั่งเศส
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
25. อินฟันตามาริอา เตเรซาแห่งสเปน
 
 
 
 
 
 
 
6. พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
26. แฟร์ดีนันท์ มารีอา ผู้คัดเลือกแห่งบาวาเรีย
 
 
 
 
 
 
 
13. ดัชเชสมาเรีย อันนา วิกตอเรียแห่งบาวาเรีย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
27. เจ้าหญิงเอ็นรีเก็ตตา อาเดไลเดแห่งซาวอย
 
 
 
 
 
 
 
3. อินฟันตามาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
28. รานุชโชที่ 2 ดยุกแห่งปาร์มา
 
 
 
 
 
 
 
14. โอโดอาร์โดที่ ฟาร์เนเซ เจ้าชายรัชทายาทแห่งปาร์มา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
29. อีซาเบลลาแห่งเอสเต
 
 
 
 
 
 
 
7. เอลีซาเบตตา ฟาร์เนเซ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
30. ฟิลลิพ วิลเฮ็ล์ม ผู้คัดเลือกแห่งฟัลทซ์ (=18 และ 22)
 
 
 
 
 
 
 
15. เคาน์เตสพาลาไทน์โดโรเทอา โซฟีแห่งน็อยบวร์ค
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
31. แลนด์เกรฟวีนเอลีซาเบ็ท อาเมลีแห่งเฮ็สเซิน-ดาร์มชตัท (=19 และ 23)
 
 
 
 
 
 

อ้างอิง

[แก้]
  1. ไกรฤกษ์ นานา.500 ปี สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน ไทย-โปรตุเกส.2553

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Maria I of Portugal

ก่อนหน้า สมเด็จพระราชินีนาถมารีอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส ถัดไป
พระเจ้าฌูเซที่ 1
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งโปรตุเกสและอัลการ์วึช
ปกครองร่วมกับพระสวามี
พระเจ้าเปดรูที่ 3 แห่งโปรตุเกส (จนกระทั่งค.ศ. 1786)

(24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1777 - 20 มีนาคม ค.ศ. 1816)
พระเจ้าฌูเอาที่ 6
สถาปนาพระอิสริยยศ
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรโปรตุเกส, บราซิล และอัลการ์วึช
(16 ธันวาคม ค.ศ. 1815 – 20 มีนาคม ค.ศ. 1816)
พระเจ้าฌูเอาที่ 6
อิงฟังตาบาร์บาราแห่งโปรตุเกส
เจ้าหญิงแห่งไบรา
(ค.ศ. 1734 - 1750)
ตำแหน่งว่าง
ลำดับถัดไปคือ
เจ้าหญิงมารีอาแห่งโปรตุเกส
อินฟันตามาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน
เจ้าหญิงแห่งบราซิล
(ค.ศ. 1750 - ค.ศ. 1777)
ตำแหน่งว่าง
ลำดับถัดไปคือ
อิงฟังตาบึนึดีตาแห่งโปรตุเกส