ข้ามไปเนื้อหา

สิบหลักการสำหรับการสถาปนาระบบอุดมการณ์เอกานุภาพ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ป้ายบนอาคารสองหลังที่อยู่ติดกับหอคอยชูเชระบุว่า "สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว" (일심 단결)

สิบหลักการสำหรับการสถาปนาระบบอุดมการณ์เอกานุภาพ (เกาหลี: 당의 유일사상체계확립의 10 대 원칙; อาร์อาร์: Dangui yuilsasangchegyehwangnibui 10 dae wonchik; เอ็มอาร์: Tangŭi yuilsasangch'egyehwangnibŭi 10 tae wŏnch'ik; เรียกอีกชื่อว่า สิบหลักการแห่งระบบอุดมการณ์เดียว) คือชุดของหลักการ 10 ประการและ 65 มาตราที่กำหนดมาตรฐานสำหรับการปกครองและชี้นำพฤติกรรมของประชาชนชาวเกาหลีเหนือ[1] ตีพิมพ์ครั้งแรกใน ค.ศ. 1974 สิบหลักการกำหนดให้มีความจงรักภักดีและการเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อแนวคิดของคิม อิล-ซ็อง และต่อมาคือคิม จ็อง-อิล ผู้สืบทอดตำแหน่ง ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุดของประเทศ

การพัฒนา

[แก้]

หลักการเหล่านี้ได้รับการเสนอครั้งแรกใน ค.ศ. 1967 โดยคิม ย็อง-จู น้องชายของคิม อิล-ซ็อง ผู้นำเกาหลีเหนือ ภายหลังอุบัติการณ์ฝ่ายคัปซันที่พยายามท้าทายอำนาจของคิม อิล-ซ็องและตำแหน่งผู้สืบทอดอำนาจในเวลานั้นของคิม ย็อง-จู[2] ด้วยเหตุนี้ ระบบอุดมการณ์เอกานุภาพจึงเกิดขึ้นในบริบทของการอภิปรายนโยบายภายในพรรคแรงงานเกาหลีและความท้าทายภายนอกที่เกิดจากความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียตและการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน คิม อิล-ซ็องประกาศระบบนี้ต่อสาธารณชนในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1967 ในหัวข้อ "ขอเราปลูกฝังจิตวิญญาณการปฏิวัติแห่งความเป็นเอกราช การพึ่งพาตนเอง และการป้องกันตนเองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในทุกสาขาของกิจกรรมแห่งรัฐ" (เกาหลี: 국가활동의 모든 부문에서 자주, 자립, 자위의 혁명정신을 더욱 철저히 구현하자; อาร์อาร์: Gukgahwaldongui modeun bumuneseo jaju, jarip, jawiui hyeongmyeongjeongsineul deoung cheoljeohi guhyeonhaja; เอ็มอาร์: Kukkahwaltongŭi modŭn pumunesŏ chaju, charip, chawiŭi hyŏngmyŏngjŏngshinŭl tŏung ch'ŏlchŏhi kuhyŏnhaja)[3]

หลักการเหล่านี้ถูกเขียนใหม่เพื่อตีพิมพ์โดยคิม จ็อง-อิลโดยได้รับความช่วยเหลือจากฮวัง จัง-ย็อบ[3] หลังคิมกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งที่ชัดเจนของคิม อิล-ซ็องในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1974 หลักการที่ได้รับการปรับปรุงนั้นยาวขึ้นและขยายลัทธิบูชาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคิมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลักการเหล่านี้ได้รับการยอมรับเป็นสถานะทางการในพรรคใน ค.ศ. 1974[4] หลักการเหล่านี้ได้รับการแก้ไขเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 และแนวคิดใหม่หลายประการ เช่น ลัทธิคิมอิลซ็อง-คิมจ็องอิล การปฏิวัติซ็อนกุน และรัฐนิวเคลียร์ได้ถูกบรรจุไว้ในนั้น[5]

การนำไปปฏิบัติ

[แก้]

สิบหลักการได้ก้าวขึ้นมาเหนือรัฐธรรมนูญเกาหลีเหนือและกฤษฎีกาต่าง ๆ ของพรรคแรงงานเกาหลี และในทางปฏิบัติ ทำหน้าที่เสมือนกฎหมายสูงสุดของประเทศ[6][7][8]

ในเกาหลีเหนือ สิบหลักการจะต้องถูกจดจำโดยพลเมืองทุกคน และหลักการเหล่านี้รับประกันความภักดีและการเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อคิม อิล-ซ็อง คิม จ็อง-อิล และคิม จ็อง-อึน[9] แหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อบอกกับวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ว่าหลักการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของชีวิตทางการเมืองและชีวิตประจำวันของผู้คนและจะต้องถูกปฏิบัติผ่านการประชุมวิพากษ์วิจารณ์ตนเองรายวัน ในการทำงาน ในโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งเป็นรากฐานของลัทธิบูชาบุคคลเกาหลีเหนือ[10][11]

สิบหลักการถูกนิยามว่าเป็น "ระบบอุดมการณ์ที่ทั้งพรรคและประชาชนได้รับการติดอาวุธอย่างมั่นคงด้วยอุดมการณ์ปฏิวัติของซูรย็อง (ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่) และรวมกันเป็นปึกแผ่นรอบตัวท่าน โดยดำเนินสงครามปฏิวัติและการก่อสร้างภายใต้การนำเพียงหนึ่งเดียวของซูรย็อง"[12]

เนื้อหา

[แก้]

ฉบับ ค.ศ. 1974

[แก้]

ได้รับการรับรองโดยคณะกรรมาธิการกลางพรรคใน ค.ศ. 1967 และประกาศใช้ใน ค.ศ. 1974[13]

  1. เราต้องทุ่มเททุกสิ่งอย่างในการต่อสู้เพื่อรวมสังคมทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยอุดมการณ์ปฏิวัติของท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง
  2. เราต้องเทิดทูนท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง ด้วยความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ
  3. เราต้องทำให้เด็ดขาดซึ่งอำนาจของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง
  4. เราต้องทำให้อุดมการณ์ปฏิวัติของท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง กลายเป็นความเชื่อมั่นของเราและทำให้คำสั่งสอนของท่านเป็นหลักปฏิบัติของเรา
  5. เราต้องเสริมสร้างอุดมการณ์ เจตจำนง และความสามัคคีปฏิวัติของพรรคทั้งหมด โดยมีท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง เป็นศูนย์กลาง
  6. เราต้องเรียนรู้จากท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง และนำเอาแบบอย่างคอมมิวนิสต์ วิธีการทำงานแบบปฏิวัติ และรูปแบบการทำงานที่มุ่งเน้นประชาชนมาใช้
  7. เราต้องเห็นคุณค่าของชีวิตทางการเมืองที่เราได้รับจากท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง และตอบแทนความไว้วางใจและความเอาใจใส่ทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ของท่านอย่างจงรักภักดี ด้วยจิตสำนึกทางการเมืองและทักษะที่สูงขึ้น
  8. เราต้องวางระเบียบองค์กรที่เข้มแข็ง เพื่อให้ทั้งพรรค ชาติ และกองทัพเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การนำเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง
  9. เราต้องสืบทอดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติโดยท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง จากรุ่นสู่รุ่น โดยสืบทอดและทำให้สำเร็จลุล่วงจนถึงที่สุด

ฉบับละเอียด

[แก้]

พันธมิตรพลเมืองเพื่อสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือ (북한인권시민연합; Bughan-Ingwonsimin-Yeonhab) ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการ[14]

  1. พลเมืองทุกคนต้องดิ้นรนตลอดชีวิตเพื่อวาดภาพสังคมทั้งหมดให้เป็นสีเดียวกับแนวคิดปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของสหายคิม อิล-ซ็อง ถือเป็นหลักคำสอนสูงสุดของพรรคแรงงานที่จะวาดภาพสังคมทั้งหมดให้เป็นสีเดียวกับแนวคิดปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของท่าน และภารกิจในระดับที่สูงขึ้นคือการสร้างระบบอุดมการณ์เอกภาพของพรรค
  2. ทุกคนต้องเคารพและให้ความเคารพอย่างสูงด้วยความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง การเคารพท่านผู้ซึ่งเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเกาหลีคือหน้าที่อันสูงส่งที่สุดของนักรบปฏิวัติผู้จงรักภักดีต่อท่านอย่างไม่สิ้นสุด ภายในสิ่งนี้คือความรุ่งโรจน์ของชาติและความสุขนิรันดร์ของประชาชน
  3. เป็นความปรารถนาของพรรคที่ทุกคนต้องทำให้อำนาจของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง เหนือชาติเป็นสิ่งสัมบูรณ์ การยืนยันถึงลักษณะสัมบูรณ์ของอำนาจของท่านคือความต้องการสูงสุดของภารกิจปฏิวัติและเจตจำนงปฏิวัติของประชาชนชาวเกาหลีและพรรคแรงงานเกาหลี
  4. ทุกคนต้องยอมรับแนวคิดปฏิวัติของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง เป็นความเชื่อส่วนตัวและถือเอาคำสั่งของท่านเป็นหลักการ การยอมรับแนวคิดของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง เป็นความเชื่อของตนเองและถือเอาคำสั่งของท่านเป็นหลักการ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่จำเป็นเพื่อให้คน ๆ หนึ่งกลายเป็นนักรบคอมมิวนิสต์แห่งชูเชผู้จงรักภักดีอย่างไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ยังเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับชัยชนะของการต่อสู้ปฏิวัติและการสร้างสรรค์
  5. ทุกคนต้องปฏิบัติตามหลักการของการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง โดยไม่มีเงื่อนไขอย่างเด็ดขาด การปฏิบัติตามคำสั่งของท่านโดยไม่มีเงื่อนไขในชีวิตประจำวันเป็นข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับการพิสูจน์ความจงรักภักดีต่อผู้นำที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเงื่อนไขสูงสุดสำหรับชัยชนะของการต่อสู้ปฏิวัติของพรรคและการสถาปนา
  6. ชาติจะต้องรวมกันภายใต้ความเป็นเอกภาพแห่งอุดมการณ์และเอกภาพแห่งการปฏิวัติรอบท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง ความเป็นเอกภาพที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของพรรคคือแหล่งพลังอันไร้เทียมทานของพรรค และเป็นการรับประกันอันมั่นคงถึงชัยชนะของการปฏิวัติ
  7. จำเป็นต้องมีการศึกษาจากท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง และการเรียนรู้ศักดิ์ศรีแบบคอมมิวนิสต์ วิธีการบรรลุภารกิจปฏิวัติ และรูปแบบการทำงานของประชาชน การเรียนรู้ศักดิ์ศรีแบบคอมมิวนิสต์ของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ วิธีการบรรลุภารกิจปฏิวัติ และรูปแบบการทำงานของประชาชน เป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของสมาชิกพรรคทุกคนและแรงงานทุกคนในทุกอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วน และเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการเติมเต็มโชคชะตาอันมีเกียรติของนักรบปฏิวัติทุกคน
  8. ชีวิตทางการเมืองที่ท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง ได้มอบให้แก่พลเมืองแต่ละคน จะต้องได้รับการปกป้องและรักษาไว้อย่างสุดหัวใจจนถึงที่สุด และทุกคนต้องตอบแทนด้วยความจงรักภักดีด้วยความตระหนักและความสามารถทางการเมืองที่สูงสำหรับความไว้วางใจและการพิจารณาทางการเมืองอันไร้ขอบเขตของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ การได้รับชีวิตทางการเมืองจากท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง ถือเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับชาวเกาหลีทุกคน และการตอบแทนความไว้วางใจของท่านด้วยความจงรักภักดีจะนำไปสู่อนาคตที่สดใสสำหรับชีวิตทางการเมือง
  9. ต้องสร้างระเบียบวินัยขององค์กรที่เข้มแข็ง เพื่อให้ทั้งพรรค ประชาชนทั้งปวง และกองทัพประชาชนดำเนินงานอย่างเป็นเอกภาพภายใต้การนำเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง นี่คือข้อกำหนดที่จำเป็นในการเสริมสร้างอุดมการณ์ส่วนรวม ภาวะผู้นำ และอำนาจการรบของพรรค นอกจากนี้ยังเป็นการรับประกันอันมั่นคงสำหรับชัยชนะของการต่อสู้ปฏิวัติและการสถาปนา
  10. ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติที่บุกเบิกโดยท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สหายคิม อิล-ซ็อง จะต้องได้รับการสืบทอดและทำให้สมบูรณ์แบบโดยการสืบทอดทางสายเลือดไปจนกระทั่งสิ้นกาลเวลา การสถาปนาระบบการนำเพียงหนึ่งเดียวอย่างมั่นคงคือการรับประกันอันสำคัญสำหรับการรักษาและพัฒนาความสำเร็จของการปฏิวัติของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็บรรลุชัยชนะขั้นสุดท้ายของการปฏิวัติในเกาหลีและช่วยในการเตรียมพร้อมสำหรับชัยชนะขั้นสุดท้ายในโลก

ฉบับ ค.ศ. 2013

[แก้]

หลังอสัญกรรมของคิม จ็อง-อิลใน ค.ศ. 2011 หลักการได้รับการปรับปรุงให้รวมชื่อของเขาไว้เคียงข้างชื่อของคิม อิล-ซ็องโดยมีชื่อใหม่ว่า: "สิบหลักการสำหรับการสถาปนาระบบผู้นำเดียวของพรรค" (당의 유일적령도체계확립의 10대 원칙; Dang-ui Yuiljeoglyeongdochegyehwaglib-ui 10dae Wonchig)"[5]

  1. เราต้องทุ่มเททุกสิ่งอย่างในการต่อสู้เพื่อรวมสังคมทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยลัทธิคิมอิลซ็องและลัทธิคิมจองอิล
  2. เราต้องเทิดทูนสหายผู้ยิ่งใหญ่ คิม อิล-ซ็อง และคิม จ็อง-อิล ในฐานะผู้นำตลอดกาลของพรรคและประชาชนของเรา และในฐานะดวงอาทิตย์แห่งชูเช
  3. เราต้องปกป้องอย่างเด็ดเดี่ยวและถึงที่สุดซึ่งอำนาจของสหายผู้ยิ่งใหญ่ คิม อิล-ซ็อง และคิม จ็อง-อิล และอำนาจของพรรคแรงงาน
  4. เราต้องได้รับการติดอาวุธทางความคิดอย่างสมบูรณ์ด้วยแนวคิดปฏิวัติของสหายผู้ยิ่งใหญ่ คิม อิล-ซ็อง และคิม จ็อง-อิล และด้วยแนวทางและนโยบายของพรรคที่เป็นการทำให้แนวคิดเหล่านั้นเป็นจริง
  5. เราต้องยึดมั่นอย่างเคร่งครัดในหลักการของการเชื่อฟังโดยไม่มีเงื่อนไขในการปฏิบัติตามคำสั่งที่สืบทอดมาจากสหายผู้ยิ่งใหญ่ คิม อิล-ซ็อง และคิม จ็อง-อิล และในแนวทางและนโยบายของพรรค
  6. เราต้องเสริมสร้างอุดมการณ์ เจตจำนง และความเป็นเอกภาพแห่งการปฏิวัติของพรรคทั้งพรรค โดยมีท่านผู้นำเป็นศูนย์กลาง ด้วยทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
  7. เราต้องเรียนรู้จากสหายผู้ยิ่งใหญ่ คิม อิล-ซ็อง และคิม จ็อง-อิล และนำมาใช้ซึ่งคุณธรรมและศีลธรรมอันสูงส่ง วิธีการทำงานแบบปฏิวัติ และรูปแบบการทำงานที่มุ่งเน้นประชาชน
  8. เราต้องเห็นคุณค่าของชีวิตทางการเมืองที่เราได้รับจากพรรคและท่านผู้นำ และตอบแทนความไว้วางใจและความเอาใจใส่ของพรรคด้วยความตระหนักทางการเมืองและผลการปฏิบัติงานที่สูงขึ้น
  9. เราต้องสร้างระเบียบองค์กรที่เข้มแข็ง เพื่อให้พรรค ชาติ และกองทัพทั้งหมดเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การนำเพียงหนึ่งเดียวของพรรค
  10. เราต้องสืบทอดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติชูเชและการปฏิวัติซอนกุน ซึ่งบุกเบิกโดยสหายผู้ยิ่งใหญ่ คิม อิล-ซ็อง และนำโดยสหายคิม อิล-ซ็อง และคิม จ็อง-อิล จากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดและทำให้สำเร็จลุล่วงจนถึงที่สุด

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Namgung Min (October 13, 2008). "Kim Jong Il's Ten Principles: Restricting the People". Daily NK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 8, 2020. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  2. Lim 2015, p. 48.
  3. 1 2 Person, James. "The 1967 Purge of the Gapsan Faction and Establishment of the Monolithic Ideological System". NKIDP e-Dossier no. 15. Woodrow Wilson Center. สืบค้นเมื่อ 5 March 2014.
  4. Lim 2015, p. 49.
  5. 1 2 "The Enshrinement of Nuclear Statehood in North Korean Law". Illinois Law Review (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 28 February 2021. สืบค้นเมื่อ March 2, 2021.
  6. "N. Korea revises leadership ideology to legitimize rule of Kim Jong-un". Yonhap News Agency. August 12, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 10, 2016. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  7. Lim, Jae-Cheon (2008). Kim Jong-il's Leadership of North Korea. United Kingdom: Routledge. ISBN 9780203884720. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  8. Green, Christopher. "Wrapped in a Fog: On the North Korean Constitution and the Ten Principles," Sino-NK, June 5, 2012. Retrieved January 3, 2016.
  9. Cha, John (2012). Exit Emperor Kim Jong-il. United States: Abbott Press. ISBN 978-1-4582-0216-1.
  10. "What Are the 'Ten Principles'?". Daily NK. September 9, 2013. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  11. Moon, Sung Hui (December 17, 2013). "North Korea Steps Up Ideological Campaign Amid Tensions". Radio Free Asia. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  12. Kang Mi Jin (September 13, 2013). "NK Adds Kim Jong Il to 'Ten Principles'". Daily NK. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  13. Roh, Jeong-Ho (2006). "Ten Principles for the Establishment of the One-Ideology System". Columbia Law School. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-22. สืบค้นเมื่อ January 20, 2014.
  14. "Archived copy" (PDF). www.internationallawbureau.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 6 September 2017. สืบค้นเมื่อ 17 January 2022.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์)

บรรณานุกรม

[แก้]

หนังสืออ่านเพิ่ม

[แก้]
  • Kim, Il-sung (1967). Let Us Embody More Thoroughly the Revolutionary Spirit of Independence, Self-sustenance and Self-defence in All Fields of State Activity: Political Programme of the Government of the Democratic People's Republic of Korea, Announced at the First Session of the Fourth Supreme People's Assembly of the D.P.R.K., December 16, 1967. Pyongyang: Foreign Languages Publishing House. OCLC 712082791.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]