ข้ามไปเนื้อหา

อินเทอร์เน็ตในประเทศเกาหลีเหนือ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชาวเกาหลีเหนือใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีอยู่ในประเทศเกาหลีเหนือ แต่ได้เฉพาะผู้ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษเท่านั้น ส่วนใหญ่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของรัฐบาลและโดยชาวต่างชาติ ประเทศนี้มีโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อยู่บ้าง รวมถึงการเชื่อมต่อใยแก้วนำแสงระหว่างสถาบันหลัก บริการออนไลน์สำหรับบุคคลทั่วไปและสถาบันส่วนใหญ่นั้นให้บริการผ่านเครือข่ายภายในประเทศฟรีที่รู้จักในชื่อควังมย็อง (Kwangmyong) โดยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลกนั้นจำกัดอยู่เพียงกลุ่มที่เล็กกว่ามาก

ผู้ให้บริการและการเข้าถึง

[แก้]

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในเกาหลีเหนือให้บริการโดยบริษัทร่วมทุนสตาร์จอยต์เวนเจอร์ (Star Joint Venture Co.) เป็นการร่วมทุนระหว่างกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมของรัฐบาลเกาหลีเหนือและบริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด (Loxley Pacific) ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศไทย สตาร์ เจวีเข้ามาควบคุมการจัดสรรหมายเลขอินเทอร์เน็ตของเกาหลีเหนือเมื่อ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2009[1] ก่อนหน้าสตาร์ เจวี การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีให้ใช้งานผ่านการเชื่อมต่อดาวเทียมไปยังประเทศเยอรมนีเท่านั้น หรือสำหรับการใช้งานของรัฐบาลบางส่วนผ่านการเชื่อมต่อโดยตรงกับไชนายูนิคอม[2] ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตเกือบทั้งหมดของเกาหลีเหนือถูกส่งผ่านประเทศจีน[3] การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทางกายภาพจำนวนมากของเกาหลีเหนือผ่านสายเคเบิลที่วิ่งจากเปียงยางไปยังประเทศจีน โดยเชื่อมต่อกับไชนายูนิคอม (China Unicom) มีข่าวลือมานานเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ T1 ลับซึ่งใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดใช้งานด้วยความเร็วที่สูงกว่ามากและทำให้พวกเขาปรากฏด้วยที่อยู่ไอพีของจีน นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเกาหลีเหนือส่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบางส่วนผ่านระบบที่ใช้ดาวเทียม นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเกาหลีเหนือส่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบางส่วนผ่านระบบที่ใช้ดาวเทียม[4]

ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ชาวต่างชาติสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครือข่ายโทรคมนาคม 3G ที่ให้บริการโดยโครยอลิงก์ (Koryolink)[5][6][7]

การอนุญาตให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตยังคงถูกจำกัดอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมไอทีมีการเติบโตขึ้น และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นภายในเกาหลีเหนือ[8] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 เว็บไซต์ของสำนักข่าวกลางเกาหลีเปิดใช้งานจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีเหนือ โดยสามารถเข้าถึงได้ทั่วโลกผ่านเลขที่อยู่ไอพีของเกาหลีเหนือ[9] ถือเป็นการเชื่อมต่อโดยตรงครั้งแรกของประเทศกับอินเทอร์เน็ตเท่าที่ทราบ[10] ในช่วงเวลาเดียวกัน ประมาณวันที่ 9 ตุลาคม นักข่าวที่มาเยือนเปียงยางเพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปีการก่อตั้งพรรคแรงงานได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ห้องสื่อมวลชนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต[11][12]

ข้อมูลเมื่อ ธันวาคม 2014 มีการระบุว่ามีเลขที่อยู่ไอพีจำนวน 1,024 หมายเลขในเกาหลีเหนือ แม้นักข่าวของ เดอะนิวยอร์กไทมส์ อย่างเดวิด อี. แซงเจอร์และนิโคล เพิร์ลรอทจะเชื่อว่าจำนวนที่แท้จริงอาจสูงกว่านั้น[13] จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดคาดการณ์ว่ามีไม่เกินสองสามพันคน[4] มีการกล่าวอ้างว่าผู้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้นั้นคือเจ้าหน้าที่ระดับสูง สมาชิกขององค์การนอกภาครัฐ (NGOs) และทูตของรัฐบาล[3][14] มีการประมาณการว่าครอบครัวไม่กี่สิบครอบครัวที่มีความเชื่อมโยงกับคิม จ็อง-อึนและชาวต่างชาติบางคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้อย่างไม่จำกัด ขณะที่อีกไม่กี่พันคน เช่น เจ้าหน้าที่รัฐบาล นักวิจัย และนักศึกษาไอทีอาจสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเวอร์ชันที่มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด[15]

มีการอนุญาตให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้บ้างในสถาบันการศึกษาของเกาหลีเหนือ ตัวอย่างเช่น อาจารย์และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปียงยางผ่านห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงผ่านช่องทางนี้มีการตรวจสอบ[16] อันที่จริง ใน ค.ศ. 2007 ชาวเกาหลีเหนือจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้นั้น ได้รับมอบหมายให้ค้นหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคเท่านั้น ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำไปโพสต์ลงในอินทราเน็ตระดับชาติ[17]

แม็กซ์ ฟิชเชอร์ นักข่าวที่เขียนใน วอกซ์ (Vox) กล่าวว่า นอกเหนือจากชนชั้นนำระดับสูงสุดแล้ว การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตยังได้รับอนุญาตให้กับบุคคลบางกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้มันในการทำงานของพวกเขา และสิ่งนี้เองก็กลายเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสถานะชนชั้นนำ:

ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในเกาหลีเหนือจะเป็นสมาชิกของชนชั้นสูง ประเทศนี้มีบางหน่วยงานที่จำเป็นต้องเข้าถึงเว็บไซต์เพื่อปฏิบัติงานของตนอย่างแท้จริง ได้แก่ นักโฆษณาชวนเชื่อและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่ออื่น ๆ รวมถึงแฮกเกอร์และนักวิจัยวิชาการจำนวนน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้พยายามแปรพักตร์เมื่อพวกเขาได้เรียนรู้ว่าประเทศของตนเองนั้นเลวร้ายเพียงใดเมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ ของโลก หรือที่แย่กว่านั้นคือการเผยแพร่สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ให้กับชาวเกาหลีเหนือคนอื่น ๆ งานที่จำเป็นต้องเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจึงมักมาพร้อมกับเงินเดือนที่สูงมาก ที่พักอาศัยของรัฐบาลระดับสูง และเกียรติยศมากมาย ไม่ว่าคุณจะได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพราะคุณเป็นชนชั้นสูงมาก หรือคุณจะได้รับสถานะชนชั้นสูงเพราะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคุณ แต่ทั้งสองสิ่งนี้มักจะมาคู่กันเสมอ[4]

จากการวิจัยของบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สัญชาติอเมริกัน Recorded Future พบว่าชาวเกาหลีเหนือเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยใช้อุปกรณ์ของแอปเปิล ซัมซุง และหัวเว่ยและใช้บริการอำพรางตัวตน เช่น VPN และพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์เพื่อเลี่ยงการเฝ้าระวัง[18] ใน ค.ศ. 2014 เดอะดิโพลแมต (The Diplomat) รายงานว่าที่พักอาศัยใกล้สถานทูตต่างประเทศในเปียงยางเป็นที่ต้องการสูงเนื่องจากการอยู่ใกล้ทำให้ผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงเครือข่ายวายฟายของสถานทูตได้[14]

ใน ค.ศ. 2002 คิม จ็อง-อิลกล่าวกับผู้มีเกียรติชาวเกาหลีเหนือที่มาเยือนว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเข้าชมเว็บไซต์เกาหลีใต้[19] อ้างอิงจากโอเฟอร์ เกเยอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยของอินแคปซูลา (Incapsula) ปริมาณการใช้งานเว็บทั้งหมดของประเทศนั้นน้อยกว่าปริมาณการใช้งานของหมู่เกาะฟอล์กแลนด์[20][21] จู ซ็อง-ฮา นักข่าวของ ทงอาอิลโบ (The Dong-a Ilbo) และผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ กล่าวใน ค.ศ. 2014 ว่าอินทราเน็ตของรัฐบาลที่ชื่อว่าควังมย็องถูกใช้เพื่อจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงแรม แม้จะสามารถใช้งานได้ในวิทยาเขตส่วนใหญ่ แต่รัฐบาลได้ "ตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด"[14]

เนื่องจากแอปเปิล โซนี่ และไมโครซอฟท์ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนในเกาหลีเหนือ บริษัทบุคคลที่สามจึงซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้และนำไปขายต่อให้กับลูกค้า มีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในเกาหลีเหนือเนื่องจากนโยบายปิดประเทศของรัฐบาล[3] ข้อมุลเมื่อ 2015 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพียงรายเดียวในเกาหลีเหนือคือมอร์นิงแพนด้า (Morning Panda) บริษัทที่รัฐบาลดำเนินการและผลิตคอมพิวเตอร์จำนวนไม่กี่พันเครื่องต่อปี[4]

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2016 ประเทศเกาหลีเหนือเริ่มทำการบล็อกเฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์และเว็บไซต์ของเกาหลีใต้ เนื่องจาก "ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของข้อมูลออนไลน์"[22]

วันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2016 เนมเซิร์ฟเวอร์ของเกาหลีเหนือที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ ".kp" ทั้งหมดได้รับการตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ผู้วิจัยสามารถเข้าถึงและเผยแพร่[23] ชื่อโดเมนและข้อมูลไฟล์บางส่วนเกี่ยวกับเว็บไซต์ รวมถึงข้อมูลโซนสำหรับ .kp, co.kp, com.kp, edu.kp, gov.kp, net.kp, org.kp และ rep.kp เผยให้เห็นว่าเกาหลีเหนือมีเว็บไซต์ที่เปิดสู่อินเทอร์เน็ตเพียง 28 เว็บไซต์[24][25][26] อย่างไรก็ตาม เครือข่ายอินทราเน็ตควังมย็องซึ่งใช้งานได้เฉพาะในเกาหลีเหนือ คาดการณ์ว่ามีเว็บไซต์ภายในประเทศอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 5,500 เว็บไซต์ ณ ค.ศ. 2014[27][28][29]

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2017 ทรานส์เทเลคอม (TransTeleCom) บริษัทโทรคมนาคมของรัสเซีย สร้างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงกับเกาหลีเหนือ ส่งผลให้ไชนายูนิคอมไม่ได้เป็นผู้ให้บริการการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตรายเดียวของเกาหลีเหนืออีกต่อไป[30][31]

มีรายงานในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 ว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมยกระดับเครือข่ายจากระบบ 3G ปัจจุบันไปเป็นเครือข่าย 4G[32]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2023 เกาหลีเหนือเริ่มใช้งานเครือข่าย 4G[33][34][35][36]

การใช้โดยรัฐบาล

[แก้]

ข้อมูลเมื่อ 2018 การก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของสำนักการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตกำลังดำเนินการอยู่ในเปียงยาง[37]

เว็บไซต์ของเกาหลีเหนือ

[แก้]

มีเว็บไซต์ประมาณ 30 แห่ง เช่น อูรีมินจกกีรี (Uriminzokkiri) ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลสปป.เกาหลี[38][ต้องการการอัปเดต?] ตำรวจเกาหลีใต้ระบุเว็บไซต์ที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ 43 แห่งซึ่งมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศ รายงานของตำรวจระบุว่าเว็บไซต์เหล่านี้ส่งเสริมทัศนคติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีใต้และประเทศตะวันตก และนำเสนอภาพลักษณ์เชิงบวกของสปป.เกาหลี ตามรายงานของ ทงอาอิลโบ เว็บไซต์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ โชซ็อนทงชิน (Joseon Tongsin) (สำนักข่าวเกาหลี) และ กุกช็อนซ็อน (Guk-jeonseon) ในญี่ปุ่น ยูนิฟิเคชันอารีรัง (Unification Arirang) ในจีน มินจกทงชิน (Minjok Tongsin) ในสหรัฐ และมีเว็บไซต์ที่สนับสนุนเกาหลีเหนือเปิดใหม่ 12 แห่ง รวมถึง "โคเรียเน็ตเวิร์ก" (Korea Network)[39] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 บีบีซีนิวส์รายงานว่าหน่วยงานที่ทำสัญญากับรัฐบาลเกาหลีเหนือได้เปิดช่องยูทูบ บัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการสำหรับอูรีมินจกกีรี ทั้งบัญชีทวิตเตอร์และยูทูบเป็นภาษาเกาหลีเท่านั้น บีบีซีรายงานว่า "ในโพสต์ล่าสุดบนทวิตเตอร์ ชาวเกาหลีเหนือกล่าวว่ารัฐบาลปัจจุบันในเกาหลีใต้เป็น 'โสเภณี' ของสหรัฐ"[40] แม้คำพูดนี้อาจเป็นการแปลที่ไม่ดีนัก เนื้อหาบางส่วนบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการมีรูปภาพทหารสหรัฐที่ถูกขีปนาวุธสองลูกตามหลัง พร้อมด้วยการ์ตูน รูปภาพและข้อความอื่น ๆ ที่แสดงความรู้สึกต่อต้านสหรัฐและต่อต้านเกาหลีใต้เป็นส่วนใหญ่[41] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2007 มีการสร้างโดเมนระดับบนสุด .kp[42] ซึ่งมีเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ[43]

นอกจากเว็บไซต์โฆษณาชวนเชื่อแล้ว ยังมีเว็บไซต์จำนวนมากที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ใน ค.ศ. 2002 ชาวเกาหลีเหนือร่วมมือกับบริษัทเกาหลีใต้แห่งหนึ่ง เปิดเว็บไซต์การพนันที่มุ่งเป้าไปที่ลูกค้าชาวเกาหลีใต้ (เนื่องจากการพนันออนไลน์เป็นสิ่งผิดกฎหมายในเกาหลีใต้) แต่เว็บไซต์ดังกล่าวได้ถูกปิดตัวลงแล้ว[19] ในช่วงปลาย ค.ศ. 2007 เกาหลีเหนือเปิดร้านค้าออนไลน์แห่งแรกชื่อ "ช็อลลีมา" (Chollima) โดยร่วมทุนกับบริษัทจีนที่ไม่ระบุชื่อแห่งหนึ่ง[44] ใน ค.ศ. 2013 เดอะไพเรตเบย์ (The Pirate Bay) อ้างว่ากำลังดำเนินการจากเกาหลีเหนือหลังถูกท้าทายทางกฎหมายจนต้องออกจากสวีเดน ภายหลังมีการเปิดเผยว่าการย้ายดังกล่าวเป็นเรื่องหลอกลวง[45]

แฮ็กเกอร์

[แก้]

โนคัตนิวส์ (No Cut News) ของเกาหลีใต้รายงานว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือฝึกฝนแฮกเกอร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีคิม แช็กและมหาวิทยาลัยคิม อิล-ซ็องเพื่อหารายได้ในต่างประเทศ[46] กลุ่มแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่อยู่ในเฉิ่นหยาง ประเทศจีน ได้พัฒนาและขายโปรแกรมอัตโนมัติ (โปรแกรมที่อนุญาตให้ตัวละครของผู้เล่นได้รับประสบการณ์และเงินในเกมโดยที่ผู้เล่นไม่ต้องทำสิ่งใดเลย) สำหรับเกมออนไลน์ ลินเนจ และพลเมืองเกาหลีใต้ถูกจับกุมในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 ในข้อหาซื้อโปรแกรมดังกล่าว[47]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2014 เกาหลีเหนือถูกกล่าวหาว่าโจมตีระบบของโซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Sony Pictures Entertainment)[48] ตั้งแต่วันที่ 19–21 ธันวาคม เกาหลีเหนือประสบปัญหาทางเทคนิคในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต วันที่ 22 ธันวาคม เกาหลีเหนือประสบภาวะล่มของระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยสมบูรณ์ ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากภายนอกประเทศได้ซึ่งสหรัฐถูกสงสัยว่าเป็นผู้กระทำ[13] วันที่ 23 ธันวาคม เก้าชั่วโมงหลังการล่ม ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง[49] แม้จะเป็นไปในลักษณะ "บางส่วนและอาจไม่เสถียร โดยที่เว็บไซต์อื่น ๆ ยังคงไม่สามารถเข้าถึงได้"[50] วันที่ 22–24 ธันวาคม เกาหลีเหนือประสบภาวะอินเทอร์เน็ตล่มอีกเจ็ดครั้ง รวมถึงสองครั้งในวันที่ 23 ธันวาคม[20] วันที่ 27 ธันวาคม ประเทศประสบภาวะอินเทอร์เน็ตล่ม (เป็นครั้งที่สามของปี) และเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ล่ม[51] ภาวะล่มที่คล้ายคลึงกันซึ่งกินเวลานานหนึ่งวันครึ่งเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013[20]

การโฮสต์บนระบบคลาวด์

[แก้]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2023 มีการค้นพบบนโดเมน cloud.star.net.kp ว่ามีอินสแตนซ์เน็กซ์คลาวด์ (Nextcloud) ที่เปิดเผยซึ่งโฮสต์อยู่ในเกาหลีเหนือ[52] อินสแตนซ์นั้นถูกนำออกจากระบบไปแล้ว

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2024 ข้อมูลกว่า 30 กิกะไบต์จากระบบดังกล่าวที่ถูกรวบรวมโดยผู้ใช้งานที่ไม่ระบุตัวตน (เนื่องจากมีปัญหาด้านการยืนยันตัวตน) ได้รั่วไหลสู่อินเทอร์เน็ต[53] ในการรั่วไหลของข้อมูลครั้งนั้น มีการค้นพบข้อมูลแอนิเมชันจำนวนมาก (ส่วนใหญ่น่าจะมาจากเอสอีเคสตูดิโอ (SEK Studio)) สำหรับรายการต่าง ๆ ของไพรม์วีดีโอ (Prime Video) และเอชบีโอแม็กซ์ (HBO Max) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนแล้ว[54]

กฎระเบียบอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้

[แก้]

ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเกาหลีใต้ต้องปฏิบัติตาม กฎหมายการค้ากับเกาหลีเหนือ (มาตรา 9 วรรค 2) ซึ่งกำหนดว่าต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงการรวมชาติก่อนจะติดต่อชาวเกาหลีเหนือผ่านเว็บไซต์ของพวกเขา[55]

ช่วงเลขที่อยู่ไอพี

[แก้]

ข้อมูลเมื่อ กุมภาพันธ์ 2023 เกาหลีเหนือมีเครือข่ายย่อย IPv4 จำนวนสี่เครือข่าย ทั้งหมดประกาศโดย AS131279 ที่มีชื่อว่า "รยูกย็องดง" (Ryugyong-dong)[56] เครือข่ายย่อยเหล่านั้นคือ:[57]

  • 175.45.176.0/24 (175.45.176.0–255)
  • 175.45.177.0/24 (175.45.177.0–255)
  • 175.45.178.0/24 (175.45.178.0–255)
  • 175.45.179.0/24 (175.45.179.0–255)

แม้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในเกาหลีเหนือจะจำกัด แต่จำนวนเลขที่อยู่ไอพีที่มีอยู่น้อยมากได้นำไปสู่การจัดสรรที่ระมัดระวังอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปียงยางมีเลขที่อยู่ไอพีเพียงหมายเลขเดียวบนอินเทอร์เน็ตโลกใน ค.ศ. 2012[58]

กระทรวงการโทรคมนาคมของเกาหลีเหนือในอดีตยังเป็นผู้ใช้งานที่จดทะเบียนของเลขที่อยู่ไชนายูนิคอมจำนวน 256 รายการ (210.52.109.0 – 210.52.109.255)[59] ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเปิดใช้งานบล็อกเครือข่ายของเกาหลีเหนือเอง

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017 มีรายงานว่าทรานส์เทเลคอม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของรัสเซียกำลังส่งต่อทราฟฟิกจากเกาหลีเหนือในฐานะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สอง ร่วมกับไชนายูนิคอม[60]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 ประเทศเกาหลีเหนือเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย 1 รายและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของจีน 2 ราย (ทรานส์เทเลคอมและเชินบง (Cenbong) ซึ่งจะทำการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลโดยอัตโนมัติ โดยใช้ช่องทางของไชนายูนิคอม)

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2024 AS9341 เริ่มรายงานตัวเองว่าเป็นรัฐบาลเกาหลีเหนือ[61] แม้เลขที่อยู่ไอพีทั้งหมดที่กำหนดให้กับ AS นั้นจะอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย แต่ดูเหมือนว่าจะเป็น AS ที่กำหนดให้กับพีแอลเอ็น ไอคอน พลัส (PLN Icon Plus) ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมของอินโดนีเซีย

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Whois lookup for IP netblock 175.45.176.0/22
  2. He.net. "AS131279 Ryugyong-dong". he.net. สืบค้นเมื่อ 2016-09-10.
  3. 1 2 3 Pagliery, Jose (December 22, 2014). "A peek into North Korea's Internet". CNN. Retrieved December 23, 2014.
  4. 1 2 3 4 Max Fisher (22 December 2014). "Yes, North Korea has the internet. Here's what it looks like". Vox. สืบค้นเมื่อ 23 February 2015.
  5. "North Korea to offer mobile internet access". BBC. 22 February 2013. สืบค้นเมื่อ 15 July 2014.
  6. Caitlin Dewey (26 February 2013). "Instagrams from within North Korea lift the veil, but only slightly". Washington Post. สืบค้นเมื่อ 15 July 2014.
  7. "North Korea blocks access to Instagram". The Guardian. Associated Press. 23 June 2015. สืบค้นเมื่อ 23 June 2015.
  8. Lee, Jean H. (2011-07-25). "North Korea's 'Digital Revolution' Under Way". Huffington Post. Associated Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-03. สืบค้นเมื่อ 2019-01-03.
  9. "KCNA". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 September 2020. สืบค้นเมื่อ 24 October 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  10. "The new face of KCNA". 9 October 2010.
  11. "North Korea opens up Internet for national anniversary". 9 October 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 July 2014. สืบค้นเมื่อ 3 January 2013.
  12. Cho (조), Min-jeong (민정) (2011-04-30). 北 웹사이트 접속 늘어…윈도XP 사용 (ภาษาเกาหลี). Yonhap News. สืบค้นเมื่อ 2011-12-08.
  13. 1 2 Sanger, David E.; Perlroth, Nicole (December 22, 2014). "North Korea Loses Its Link to the Internet." The New York Times. Retrieved December 23, 2014.
  14. 1 2 3 "Wi-Fi Access Sparks Housing Boom in Pyongyang".
  15. Burgess, Matt (June 8, 2023). "The Bizarre Reality of Getting Online in North Korea". Wired.
  16. Talmadge, Eric (2014-02-03). "Surfing the Intranet: North Korea's authoritarian alternative to the World Wide Web". Global News. Associated Press. สืบค้นเมื่อ 2021-03-31.
  17. Chen, Cheng; Ko, Kyungmin; Lee, Ji-Yong (2010-11-18). "North Korea's Internet strategy and its political implications". The Pacific Review. 23 (5): 649–670. doi:10.1080/09512748.2010.522249. ISSN 0951-2748. S2CID 155030925.
  18. Despite Sanctions, North Koreans Continue to Use Foreign Technology[usurped]
  19. 1 2 Andrei Lankov (12 December 2007). "Surfing Net in North Korea". The Korea Times. สืบค้นเมื่อ 30 May 2016.
  20. 1 2 3 Satter, Raphael; Sullivan, Eileen (December 25, 2014). "North Korea outage a case study in online uncertainties." The Sydney Morning Herald. Retrieved December 25, 2014.
  21. The Associated Press; Raphael Satter (24 December 2014). "Correction: NKorea-Mystery Outage Story". The New York Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 April 2015. สืบค้นเมื่อ 3 January 2019.
  22. "North Korea blocks Facebook, Twitter and YouTube". The Associated Press. 4 April 2016. สืบค้นเมื่อ 4 April 2016.
  23. Bryant, Matthew (2 January 2018). "NorthKoreaDNSLeak: Snapshot of North Korea's DNS data taken from zone transfers". สืบค้นเมื่อ 3 January 2018 โดยทาง GitHub.
  24. McGoogan, Cara (21 September 2016). "North Korea's internet revealed to have just 28 websites". The Telegraph. สืบค้นเมื่อ 3 January 2018 โดยทาง www.telegraph.co.uk.
  25. Kharpal, Arjun (21 September 2016). "North Korea accidentally lets world access its internet and it only has 28 websites". CNBC. สืบค้นเมื่อ 3 January 2018.
  26. Ben-David, Anat; Amram, Adam (2018-03-29). "The Internet Archive and the socio-technical construction of historical facts". Internet Histories (ภาษาอังกฤษ). 2 (1–2): 179–201. doi:10.1080/24701475.2018.1455412. ISSN 2470-1475. S2CID 159020073.
  27. Russon, Mary-Ann (2016-09-22). "No, North Korea's internet doesn't only have 28 websites, but Reddit did manage to crash them". International Business Times UK (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-03-31.
  28. Sparkes, Matthew (2014-12-23). "Internet in North Korea: everything you need to know". The Daily Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-03-31.
  29. Eric Talmadge (23 February 2014). "North Korea: Where the Internet has just 5,500 sites". Toronto Star. Associated Press. สืบค้นเมื่อ 15 July 2014.
  30. "Russia Provides New Internet Connection to North Korea | 38 North: Informed Analysis of North Korea". 2017-10-02.
  31. "North Korea gets a new Internet link from Russia". 2017-10-02.
  32. Silver, Stephen (2021-01-14). "North Korea Could Soon Get 4G Cell Service: Report". The National Interest (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-02-12.
  33. Mun, Dong Hui (2023-12-29). "N. Korea begins accepting subscribers to 4G cellular network". Daily NK (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-01-02.
  34. Jeong, Tae Joo (2023-11-03). "N. Korea imports second-hand Huawei devices to modernize telecommunications network". Daily NK (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-01-02.
  35. Williams, Martyn (2023-11-04). "Is 4G on the Horizon for North Korea?". North Korea Tech (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-01-02.
  36. Mun, Dong Hui (2024-11-14). "North Korea's 4G launch: Pyongyang first in phased rollout". Daily NK (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-11-27.
  37. Williams, Martyn (1 August 2018). "North Korea and the Internet: Building for the Future". 38 North. The Henry L. Stimson Center. สืบค้นเมื่อ 6 August 2018.
  38. "North Korea's baby steps for the Internet". PhysOrg.com. United Press International. 2005-08-30.
  39. Yoon, Jong-Koo (2004-09-08). "Police Announce 43 Active Pro-North Korean Websites". The Dong-a Ilbo.
  40. "North Korea creates Twitter and YouTube presence". BBC News. 2010-08-18.
  41. "《우리민족끼리》홈페지". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 August 2010. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.
  42. Seliger, Bernhard; Schmidt, Stefan (2014). "The Hermit Kingdom Goes Online ... Information Technology, Internet Use and Communication Policy in North Korea". North Korean Review. 10 (1): 78. doi:10.3172/NKR.10.1.71. ISSN 1551-2789. JSTOR 43908932.
  43. Williams, Martyn. "North Korean government and NGO websites". North Korea Tech. สืบค้นเมื่อ 8 November 2021.
  44. Kelly Olson, "Elusive Web Site Offers N. Korean Goods", WTOPnews.com, February 4, 2008. Retrieved on April 27, 2008.
  45. Rodriguez, Salvador (March 6, 2013). "Pirate Bay North Korea move was a hoax", The Sydney Morning Herald. Retrieved September 13, 2014.
  46. Lee (이), Dae-hui (대희) (2011-08-05). 北 '엘리트 해커' 사이버 외화벌이. No Cut News (ภาษาเกาหลี). สืบค้นเมื่อ 2011-08-21.
  47. Bae (배), Hye-rim (혜림) (2011-05-06). 北해커부대, '게임머니'S/W 팔아 외화벌이. Money Today (ภาษาเกาหลี). สืบค้นเมื่อ 2011-05-06.
  48. Sanger, David E.; Perlroth, Nicole (December 17, 2014). "U.S. Links North Korea to Sony Hacking". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 17, 2014.
  49. Ford, Dana (December 23, 2014). "North Korea's Internet back up after disruption." CNN. Retrieved December 23, 2014.
  50. "North Korea partially back online after internet collapse." BBC. 23 December 2014. Retrieved 23 December 2014.
  51. Slattery, Denis (December 28, 2014). "North Korea suffers nationwide Internet, 3G mobile network blackout." New York Daily News. Retrieved December 28, 2014.
  52. nkinternet (2023-12-17). "Exposed Nextcloud Instance". North Korean Internet (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-08-30.
  53. Underground, VX (28 August 2024). "Post by @vxunderground on X (formerly Twitter)". X. สืบค้นเมื่อ 30 August 2024.
  54. Burgess, Matt. "North Koreans Secretly Animated Amazon and Max Shows, Researchers Say". Wired (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 1059-1028. สืบค้นเมื่อ 2024-08-30.
  55. Choe, Cheol (2010-04-08). "北 인터넷사이트에 '댓글' 달면 어떻게 될까 (What Happens If You Post 'Reply' On North Korean Website)". No Cut News (ภาษาเกาหลี). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2010-04-14.
  56. "AS131279 Ryugyong-dong details - IPInfo.io". ipinfo.io. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.
  57. Warf, Barney (2015-01-02). "The Hermit Kingdom in cyberspace: unveiling the North Korean internet". Information, Communication & Society. 18 (1): 109–120. doi:10.1080/1369118X.2014.940363. ISSN 1369-118X. S2CID 143477593.
  58. One IP address for all of PUST « North Korea Tech. Northkoreatech.org (2012-08-20). Retrieved on 2013-03-20.
  59. "APNIC – Query the APNIC Whois Database". www.apnic.net. Asia-Pacific Network Information Centre. 2017-05-11. สืบค้นเมื่อ 2017-05-11. inetnum: 210.52.109.0–210.52.109.255 netname: KPTC
  60. "Russian firm provides new internet connection to North Korea". Reuters. 2017-10-02. Dyn Research, which monitors international internet traffic flows, said it had seen Russian telecommunications company TransTeleCom routing North Korean traffic since about 0908 GMT on Sunday.
  61. "AS9341 North Korea Government details - IPInfo.io". ipinfo.io (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-08-30.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]