เอเอสอาร์ (รถดีเซลราง)
| เอเอสอาร์ | |
|---|---|
รถดีเซลรางสปรินเตอร์ที่สถานีรถไฟบ้านพลูตาหลวง | |
| ประจำการ | พ.ศ. 2534 - ปัจจุบัน |
| ผู้ผลิต | บริติช เรล เอนจิเนียริ่ง ลิมิเต็ด |
| ผลิตที่ | เดอร์บี ลินเชิร์ช เลน เวิร์กส์ |
| ตระกูล | สปรินเทอร์ |
| เข้าประจำการ | พ.ศ. 2534 |
| จำนวนที่ผลิต | 20 คัน |
| จำนวนในประจำการ | 2501, 2503, 2505, 2508 (มีห้องขับ) 2115, 2120 (ไม่มีห้องขับ) |
| จำนวนที่ปลดระวาง | 9 คัน |
| หมายเลขตัวรถ | 2501-2512 (มีห้องขับ) 2113-2120 (ไม่มีห้องขับ) |
| ความจุผู้โดยสาร | 64 ที่นั่ง (มีห้องขับ) 72 ที่นั่ง (ไม่มีห้องขับ) |
| ผู้ให้บริการ | การรถไฟแห่งประเทศไทย |
| โรงซ่อมบำรุง | โรงรถดีเซลรางกรุงเทพ, โรงซ่อมรถไฟทางไกลบางซื่อ |
| สายที่ให้บริการ | สายตะวันออก |
| คุณลักษณะ | |
| ความยาว | 23.21 m (76 ft 2 in) |
| ความกว้าง | 2.7 m (8 ft 10 in) |
| จำนวนประตู | 2 ประตู |
| ความเร็วสูงสุด | บริการ: 120 km/h (75 mph) ออกแบบ: 145 km/h (90 mph) |
| น้ำหนัก | 37.09 ตัน (มีห้องขับ) 37.06 ตัน (ไม่มีห้องขับ) |
| น้ำหนักกดเพลา | 9.73 ตัน (มีห้องขับ) 9.43 ตัน (ไม่มีห้องขับ) |
| เครื่องยนต์ | Cummins NTA855-R1 |
| กำลังขับเคลื่อน | 285 แรงม้า @ 2,100 รอบ/นาที |
| ชุดส่งกำลัง | Voith T211RZ |
| แหล่งจ่ายไฟ | Perkins 1006-6TG @ 1500 รอบ/นาที |
| ระบบปรับอากาศ | Westinghouse RA102 76,000 BTU |
| แคร่ล้อ | 2-1A |
| ระบบเบรก | ระบบลมอัด |
| ระบบความปลอดภัย | ETCS On board LV1 Deadman Vigilance |
| ชนิดขอพ่วง | Janney coupler |
| มาตรฐานทางกว้าง | 1,000 mm (3 ft 3 3⁄8 in) |
เอเอสอาร์ (อังกฤษ: Air conditioner Sprinter Railcar) หรือ รถดีเซลรางสปรินเตอร์ (อังกฤษ: Sprinter Diesel Railcar) เป็นรถดีเซลรางปรับอากาศของการรถไฟแห่งประเทศไทย ใช้สำหรับการทำขบวนรถโดยสาร และ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลราง สั่งซื้อจากบริษัทบริติช เรล เอนจิเนียริ่ง ลิมิเต็ด สหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 มีต้นแบบมาจากบริติช เรล คลาส 158 ที่ใช้งานในสหราชอาณาจักร[1][2][3]
รถดีเซลรางสปรินเตอร์ มีชื่อรุ่นจากโรงงานว่า คลาส 158/T โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำชื่อสปรินเตอร์ (Sprinter) มาจากชื่อตระกูลรถดีเซลรางของประเทศอังกฤษ ที่มีความหมายว่า "นักวิ่ง" ซึ่งสื่อความหมายได้ถึงความรวดเร็ว มาใช้ตั้งเป็นชื่อเรียกรุ่น รถดีเซลรางสปรินเตอร์ยังมักถูกเรียกว่า "ยอดนักวิ่ง" อีกด้วย
การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดตัว รถดีเซลรางสปรินเตอร์ เป็นรถด่วนพิเศษดีเซลรางครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2534 ในชื่อ รถด่วนพิเศษ "สปรินเตอร์" สปรินเตอร์ขบวนแรกของไทย คือ ขบวนที่ 907/908 กรุงเทพ–เชียงใหม่–กรุงเทพ ออกให้บริการวันแรก 11 มิถุนายน พ.ศ. 2534 โดยวิ่งให้บริการด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดสถิติใหม่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และถือเป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในไทยในขณะนั้นด้วย
ปรับปรุงใหม่
[แก้]เมื่อปี พ.ศ. 2555 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำรถดีเซลรางสปรินเตอร์ จำนวน 3 คัน มาปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เป็นจำนวน 1 ชุด ภายใต้โครงการ Sprinter Refurbish หรือการปรับปรุงใหม่ทั้งคัน ได้แก่หมายเลข 2509 , 2118 และ 2512 มีการปรับปรุงด้านหน้ารถแบบใหม่ โดยใช้ไฟหน้าของรถบรรทุกวอลโวมาใช้แทนของเดิม มีการปรับปรุงระบบช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน ระบบไฟฟ้าภายในรถ และชุดรถนี้ ไม่สามารถพ่วงรวมกับชุดรถปกติได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าภายในรถใหม่
เมื่อ พ.ศ. 2567 การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ทำการว่าจ้างให้บริษัทเอกชน ติดตั้งระบบ European Train Control System (ETCS) ให้กับดีเซลราง กซข.ป.2505 และ กซข.ป.2508 ซึ่งนั่นก็คือชุดรถ 2505-2120-2508 ซึ่งชุดขบวนรถนี้ได้ทดสอบวิ่งบนทางยกระดับรถไฟทางไกล (เป็นครั้งแรกสำหรับรถดีเซลรางสปรินเตอร์) และวิ่งทดสอบไปยังสถานีปากช่อง เมื่อวันที่ 16 และ 23 เดือนมกราคม พ.ศ. 2568 (ข.1241/1242)
หมายเลข 2505 ได้มีการปรับปรุง ใส่หวีด Nathan Airchime รุ่น K3LA ด้านบนหลังคาหน้ารถ โดยเดิมทีจะอยู่ในช่องหวีดใต้หลังคาหน้ารถ
ปัญหาด้านการใช้งานและการซ่อมบำรุง
[แก้]รถดีเซลรางสปรินเตอร์เป็นรถดีเซลรางที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และมักจะเป็นอุบัติเหตุรุนแรง เนื่องจากมีจุดตัดทางข้ามทางรถไฟที่ไม่มีเครื่องกั้นหรือทางลักผ่านหลายจุด และผู้ขับขี่พาหนะทางถนนไม่เคารพกฎจราจร และเป็นเหตุทำให้ตัวรถเกิดความเสียหายเป็นอย่างมากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
แต่รถดีเซลรางสปรินเตอร์ เป็นรถที่ใช้วัสดุตัวถังเป็นเหล็กกล้าร่วมกับไฟเบอร์กลาส ทำให้การซ่อมแซมตัวถังยากกว่าตัวถังแบบเหล็กกล้าหรือสแตนเลสสตีล รวมไปถึงระบบต่าง ๆ ที่สลับซับซ้อน ยากต่อการซ่อมบำรุง เป็นสาเหตุให้มีรถดีเซลรางสปรินเตอร์หลายคันที่ยังคงจอดรอการซ่อมบำรุง ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานต่อ หรือมีอายุการใช้งานที่น้อยกว่าคันอื่น ๆ
ขบวนรถที่ให้บริการ
[แก้]


- ปัจจุบัน
- ขบวนรถเร็วที่ 997/998 กรุงเทพ–จุกเสม็ด–กรุงเทพ
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 21/22 กรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี (เป็นบางวัน สาเหตุจากการหมุนเวียนรถแดวูไม่ทัน ก่อนหน้านี้เคยทำขบวนแทนแดวูมาแล้วใน พ.ศ. 2551 และอีกครั้งใน พ.ศ. 2568)
- อดีต
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3/4 กรุงเทพ–สวรรคโลก–ศิลาอาสน์–กรุงเทพ (ปัจจุบันงดให้บริการชั่วคราว)
- ขบวนรถจัดเฉพาะที่ 981/982 บางซื่อ–บางซ่อน–บางซื่อ (ยกเลิกการเดินรถแล้ว เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560)
- ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 987/988 กรุงเทพ–สวนนงนุช–กรุงเทพ (ยกเลิกการเดินรถ และเปลี่ยนเป็นขบวนรถเร็วที่ 997/998 โดยขยายเส้นทางเป็นกรุงเทพ–บ้านพลูตาหลวง–กรุงเทพ ปัจจุบันก็คือเส้นทาง กรุงเทพ–จุกเสม็ด–กรุงเทพ)
- ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศเลขที่ขบวน 9/10 กรุงเทพ–เชียงใหม่–กรุงเทพ (ปัจจุบันกลายเป็นขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี cnr แทนแต่เลขขบวนและต้นทาง-ปลายทางยังคงเดิม)
- ขบวนรถด่วนพิเศษ (ไม่ทราบเลขขบวน) กรุงเทพ–หนองคาย–กรุงเทพ เปิดการเดินรถวันที่ 22–23 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 (ยกเลิกการเดินรถแล้ว)
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 39/40 กรุงเทพ–สุราษฎร์ธานี–กรุงเทพ (เคยวิ่งแทนรถดีเซลรางแดวูใน พ.ศ. 2551)
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43/44 กรุงเทพ–สุราษฎร์ธานี–กรุงเทพ (ปัจจุบันใช้รถดีเซลรางแดวูทำขบวนแทน)
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 5/6 กรุงเทพ–พิษณุโลก–กรุงเทพ (ยกเลิกการเดินรถแล้ว)
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7/8 กรุงเทพ–สวรรคโลก–กรุงเทพ (ยกเลิกการเดินรถแล้ว)
- ขบวนรถด่วนที่ 71/74 กรุงเทพ–ศรีสะเกษ–กรุงเทพ (ปัจจุบันใช้รถดีเซลรางทีเอชเอ็น, เอ็นเคเอฟ และเอทีอาร์ ทำขบวน และขยายเส้นทางเป็นกรุงเทพ–อุบลราชธานี–กรุงเทพ โดยยกเลิกขบวนที่ 74 และเปลี่ยนเลขขบวนรถเที่ยวกลับเป็น 72)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 367/368 กรุงเทพ–ฉะเชิงเทรา–กรุงเทพ (ปัจจุบันใช้รถจักรพ่วงรถโดยสาร บชส.ชั้น3 ทำขบวนแทน)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 389/390 กรุงเทพ–ฉะเชิงเทรา–กรุงเทพ (ปัจจุบันใช้รถจักรพ่วงรถโดยสาร บชส.ชั้น 3 ทำขบวนแทน)
- ขบวนรถชานเมืองที่ 391/388 กรุงเทพ–ฉะเชิงเทรา–กรุงเทพ (ปัจจุบันใช้รถจักรพ่วงรถโดยสารบชส. ชั้น 3 ทำขบวนแทน)[4]
- ขบวนฟีดเดอร์ที่ 1171/1172 กรุงเทพ–พระจอมเกล้า–กรุงเทพ (ยกเลิกการเดินรถแล้ว)
- รถดีเซลรางสปรินเทอร์ หมายเลข 2509 (สีเดิม) ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3 (สีเดิม) ขณะวิ่งผ่านชานชาลารางที่ 10 สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3 (สีเดิม) ขณะกำลังหยุดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟพิชัย
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Thai Express The Railway Magazine issue 1082 June 1991 page 383
- ↑ State Railway of Thailand 158s Modern Locomotives Illustrated issue 190 August 2011 pages 78-80
- ↑ More than just a Sprinter Today's Railways UK issue 148 April 2014
- ↑ http://pantip.com/topic/31921860