ข้ามไปเนื้อหา

งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์–จุฬาฯ
พิธีเปิดฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 71
กีฬาฟุตบอล
ประเภทเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัย
ที่ตั้งกรุงเทพมหานคร
ทีม2
พบกันครั้งแรก
  • 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477
  • สนามหลวง
  • ธรรมศาสตร์ 1–1 จุฬาฯ
พบกันครั้งล่าสุด
ออกอากาศช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี[1]
สนามสนามศุภชลาศัย
รางวัลถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
สถิติ
การพบกันทั้งหมด75 ครั้ง
ชนะสูงสุดธรรมศาสตร์ (25 ครั้ง)
สถิติรวม
  • จุฬาฯ: 18
  • เสมอ: 32
  • ธรรมศาสตร์: 25
ชัยชนะครั้งใหญ่
  • ธรรมศาสตร์ 4–0 จุฬาฯ (ครั้งที่ 31)
  • ธรรมศาสตร์ 5–1 จุฬาฯ (ครั้งที่ 71)
ทำประตูมากที่สุดจุฬาฯ 5–3 ธรรมศาสตร์ (ครั้งที่ 11)
ไม่แพ้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดธรรมศาสตร์ 4 สมัยซ้อน (ครั้งที่ 23–26 และ 31–34)

งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์–จุฬาฯ หรือ งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์[a] เป็นการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเป็นสองสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ของประเทศไทย จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 โดยทั้งสองมหาวิทยาลัยจะสลับกันทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในแต่ละปี สถานที่จัดการแข่งขันกำหนดแน่นอน คือ สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ ซึ่งใช้เป็นสนามแข่งขันมาตั้งแต่เริ่มต้น กองเชียร์ของมหาวิทยาลัยเจ้าภาพจะนั่งบริเวณอัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือ ส่วนอีกฝ่ายอยู่ฝั่งทิศใต้

กิจกรรมภายในงานแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การแข่งขันฟุตบอล และกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนิสิตและนักศึกษาทั้งสองสถาบัน ตัวอย่างเช่น การเดินพาเหรด การเชียร์ การแปรอักษร ขบวนพาเหรดล้อการเมือง และกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์[2] รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการจัดงานจะนำไปใช้เพื่อสาธารณกุศลทุกปี

จนถึงการแข่งขันครั้งที่ 75 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นฝ่ายชนะ 25 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง (ไม่รวมฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2567 ซึ่งจัดขึ้นเป็นพิเศษโดยตรงระหว่างนิสิตและนักศึกษาของทั้งสองมหาวิทยาลัย)

ประวัติ

[แก้]
พิธีเปิดการแข่งขันครั้งที่ 66 อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามในภาพเป็นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2477 โดยกลุ่มนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อสร้างความสามัคคีนิสิตในหมู่นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัย เนื่องจากมุมมองของนักเรียนในสมัยก่อนว่า ผู้เข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำเร็จมัธยมศึกษา ส่วนผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ชื่อในขณะนั้น) ไม่สำเร็จมัธยมศึกษา ทำให้มีการดูถูกกันหรือไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิม จึงเป็นแรงบันดาลใจให้นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมสานความสามัคคีและสร้างความปรองดองระหว่างกัน โดยมีแบบอย่างจากการแข่งขันเรือประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร และการแข่งขันเบสบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะในประเทศญี่ปุ่น แต่กลุ่มผู้ริเริ่มถนัดและสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เมื่ออยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงตกลงที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้น

ผู้ริเริ่มฝ่ายจุฬาฯ ประกอบด้วย ประถม ชาญสันต์ เป็นหัวหน้านิสิตคณะอักษรศาสตร์ในขณะนั้น กับทั้งประสงค์ ชัยพรรค และประยุทธ์ สวัสดิ์สิงห์ เวลานั้น หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิวัฒน์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำเรื่องเสนอผ่านกองกิจการนิสิตซึ่งมีหม่อมราชวงศ์สลับ ลดาวัลย์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อขออนุมัติจัดงานจากอธิการบดี ส่วนผู้ริเริ่มฝ่ายธรรมศาสตร์ คือ ต่อศักดิ์ ยมนาค และบุศย์ สิมะเสถียร ได้ทำเรื่องเสนอเดือน บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อขออนุมัติจากผู้ประศาสน์การ เมื่อได้รับฉันทานุมัติจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแล้ว งานก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ จัดที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 และมีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ 1 บาท รายได้ทั้งหมดมอบให้แก่สมาคมปราบวัณโรค ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนั้น

ปีต่อมา ย้ายสถานที่จัดการแข่งขันมายังสนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จน พ.ศ. 2492 จึงย้ายมาที่สนามศุภชลาศัยถึงปัจจุบัน รายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้แก่หน่วยงานการกุศลทุกครั้ง จน พ.ศ. 2521 จึงเริ่มนำรายได้ถวายพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

การพระราชทานถ้วยรางวัลมีขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2492 โดยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาเป็นองค์ประธาน จน พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง แต่ปัจจุบัน โปรดให้ผู้แทนพระองค์มาแทน

อัฒจันทร์ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แปรอักษร

เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องยกเลิกการจัดงานฟุตบอลประเพณีมีหลายครั้ง เช่น พ.ศ. 2485 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วจังหวัดพระนคร, พ.ศ. 2487–2491 เกิดสงครามแปซิฟิก, พ.ศ. 2494 เกิดกบฏแมนฮัตตัน, พ.ศ. 2516 – 2518 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นว่าการจัดงานฟุตบอลประเพณีใช้งบประมาณมาก เป็นกิจกรรมที่ฟุ่มเฟือย, พ.ศ. 2557 เกิดวิกฤตการณ์การเมือง, พ.ศ. 2560 ยกเลิกกิจกรรมเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยในช่วงพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในปี พ.ศ. 2564 – 2567 ยกเลิกกิจกรรมในชื่อนี้ไปอีก 4 ปีติดต่อกัน คือตั้งแต่ พ.ศ. 2564 – 2566 เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย และ พ.ศ. 2567 มีการแข่งขันฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ ขึ้นทดแทน

เอกลักษณ์เด่น

[แก้]

ขบวนพาเหรด

[แก้]

ตามธรรมเนียมก่อนเข้าสู่การแข่งขัน จะมีการเดินพาเหรด ขบวนล้อการเมือง โดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง ม.ธรรมศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ เป็นสิ่งแสดงความคิดความอ่านทางการเมืองของนักศึกษาที่จะต้องโตขึ้นไปอยู่ในสังคมที่ถูกขับเคลื่อนโดยแรงขับทางการเมือง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ดังนั้น การทำล้อการเมืองแสดงผ่านหุ่น ผ่านข้อความในป้ายผ้า เป็นบทกลอน จะสะท้อนความคิดเห็นของนักศึกษาหลากหลายคณะในมหาวิทยาลัยจากการเรียนในวิชาต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวหุ่น เป็นป้ายผ้า ซึ่งล้อการเมืองมีมาทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากกว่าหลายล้านเสียงก็ตาม ตรงนี้ล้อการเมืองก็ยังอยู่มาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของการล้อที่ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ล้อการเมืองจะไม่ขาดช่วงไปจากสังคมไทย[3]

ในขณะที่ ขบวนสะท้อนสังคม ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับผิดชอบโดยกลุ่มสะท้อนสังคม เป็นการนำปัญหาของสังคมที่เกิดในรอบปี โดยการนำเสนอผ่านงานศิลปะ เช่น ตัวหุ่น และป้ายผ้า ซึ่งการสะท้อนสังคมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่สามารถทำได้ในฐานะนิสิต โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีถูกผิด เพียงแค่ต้องอยู่ในกรอบเท่านั้น[4]

ทั้งขบวนล้อการเมือง และขบวนสะท้อนสังคม มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคม โดยนำเสนอภายใต้ขอบเขต ซึ่งจะไม่โจมตีไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อให้นิสิต-นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักและตื่นตัวต่อปัญหา/สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และร่วมกันหาทางแก้ไขเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

[แก้]
ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว

การอัญเชิญพระเกี้ยว

[แก้]

การอัญเชิญพระเกี้ยวปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร (พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2507 โดยมีนิสิตหญิง 1 คน เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญพระเกี้ยวเข้ามาสู่สนามการแข่งขันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์ โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ นิสิตหญิง 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน ถึงแม้ว่านิสิตทุกคนต่างมีฐานะเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว[5] แต่เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถให้ทุกคนเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวแทนนิสิตเพื่อทำหน้าที่นี้[6]

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) มีมติในการประชุมสามัญ 29:0 เสียง เห็นควรให้มีการยกเลิกกิจกรรมการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีฯ เนื่องจากเห็นว่าเป็นธรรมเนียมที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม และพบว่ามีการบังคับนิสิตให้มาแบกเสลี่ยงโดยอ้างว่าจะมีผลต่อคะแนนการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์ใช้หอพัก[7]

ประธานเชียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

[แก้]

ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือฝั่งจุฬาจะเรียกว่า "ประธานเชียร์" นอกจากจะทำหน้าที่นำเชียร์ ควบคุมจังหวะการร้องเพลงเชียร์ของสแตนด์แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนิสิตจุฬา ในการประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณีฯ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณะอีกด้วย ในระยะแรกนั้นผู้นำเชียร์หรือประธานเชียร์จะเป็นผู้ให้จังหวะปรบมือแก่กองเชียร์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้นำเชียร์ขึ้นใหม่ โดยเน้นหลักการสำคัญของผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ นั้น มี 5 ประการ ได้แก่ การให้จังหวะ การควบคุมกองเชียร์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง และรูปแบบในการนำเสนอ มีการแต่งตัวให้สวยงาม สร้างสีสันให้กับสแตนด์เชียร์ การสรรหาผู้นำเชียร์ฯ จากการเปิดรับสมัครคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากนิสิตทั่วไป ไม่จำกัดคณะและชั้นปี ในแต่ละปีนั้นมีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของผู้สมัครในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้วมักมีจำนวนเฉลี่ยรุ่นละ 11-13 คน

จุฬาฯ คทากร

[แก้]

จุฬาฯคทากรมีหน้าที่หลักคือ การเดินนำขบวนพาเหรดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้นยังมีหน้าที่แสดงควงคทาประกอบเพลงประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

[แก้]

ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์

[แก้]
อัฒจันทร์ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขณะกำลังแปรอักษรว่า "รัก CU นะ"

ในอดีตผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักร ถ้วยพระราชทาน ป้ายนามมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และดรัมเมเยอร์ ได้มาจากการคัดเลือกเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาใน พ.ศ. 2516 ประเพณีการคัดเลือกก็ได้งดไป เนื่องจากถูกมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือยและเกิดเป็นที่มาของคำขวัญว่า "ธรรมจักรเป็นของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ทุกคนจึงมีสิทธิในการอัญเชิญได้" จึงคงไว้เพียงขบวนอัญเชิญธรรมจักรและรับสมัครทุกคนที่สนใจร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญโดยไม่มีผู้แทน จนกระทั่ง พ.ศ. 2544 สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นฟูผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์และทำหน้าที่ในการบำเพ็ญประโยชน์ ตลอดจนการรณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมากขึ้นกลับมา ในชื่อว่า "ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยเริ่มตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา หน้าที่ของทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์คือเป็นตัวแทนนักศึกษาในการนำขบวนพาเหรดทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนาม โดยเป็นผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์ รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย การคัดเลือกทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะพิจารณาถึงทั้งลักษณะ บุคลิก ความรู้ความสามารถ ทั้งในด้านการเรียน และในความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การมีจิตอาสา มีคุณธรรมและพร้อมที่จะช่วยเหลือแก่สังคม

แม่ทัพเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

[แก้]

ผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือฝั่งธรรมศาสตร์จะเรียกว่า "แม่ทัพเชียร์" เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้านำกองเชียร์ร้องเพลงส่งเสียงเชียร์ ประกอบรหัส สัญญาณ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออุปกรณ์ เพื่อความพร้อมเพรียง ความสวยงาม และความสนุกสนานของการเชียร์และแปรอักษร โดยทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวคิดและต้นแบบแรงบันดาลใจจาก ผู้ควบคุมวงดนตรีหรือวาทยากร ที่ทำหน้าที่นำการเล่นดนตรีวงใหญ่หรือการร้องประสานเสียง ผู้นำเชียร์นั้นนอกจากจะมีท่วงท่าสง่างาม ยังมีรหัสสัญญาณมือที่สื่อความหมายสามารถประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงเป็นหมู่คณะของกองเชียร์

เพลงประจำการแข่งขัน

[แก้]
  • เพลงพระราชนิพนธ์ของทั้งสองมหาวิทยาลัย
    • เพลงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ เพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง
    • เพลงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ เพลงพระราชนิพนธ์มหาจุฬาลงกรณ์
  • เพลงจามจุรีประดับโดมในดวงใจ เป็นการนำเพลงของทั้งสองมหาวิทยาลัยมาร่วมกันคือเพลงจามจุรีประดับใจ และเพลงโดมในดวงใจ
  • เพลงชั่วดินฟ้า เป็นเพลงของจุฬา และธรรมศาสตร์บอกถึงความรักความสามัคคีของทั้งสองสถาบันนี้
  • เพลงธรรมศาสตร์-จุฬา สามัคคี แต่งโดยจิตร ภูมิศักดิ์
  • เพลงธรรมศาสตร์-จุฬา ภาราดรณ์ ไม่ปรากฏผู้แต่ง

ผลการแข่งขัน

[แก้]

ผลการแข่งขันจนนับจาก พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2568 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 25 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ดังนี้[8]

หมายเหตุ

  จุฬาฯ ชนะ   ธรรมศาสตร์ชนะ   เสมอ

ครั้งที่ วันที่ เจ้าภาพ ชนะเลิศ ผลการแข่งขัน
14 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
2พ.ศ. 2478 จุฬาลงกรณ์เสมอ3–3
3พ.ศ. 2479 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์4–1
4พ.ศ. 2480 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์1–2
5พ.ศ. 2481 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–1
6พ.ศ. 2482 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
7พ.ศ. 2483 ธรรมศาสตร์เสมอ2–2
8พ.ศ. 2484 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ2–0
9พ.ศ. 2486 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ1–3
1030 ธันวาคม พ.ศ. 2492 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์3–2
1130 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ3–5
1227 ธันวาคม พ.ศ. 2495 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
1319 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์3–1
1425 ธันวาคม พ.ศ. 2497 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ1–0
1524 ธันวาคม พ.ศ. 2498 ธรรมศาสตร์เสมอ2–2
1625 ธันวาคม พ.ศ. 2499 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
1721 ธันวาคม พ.ศ. 2500 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์3–1
1820 ธันวาคม พ.ศ. 2501 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ3–2
1926 ธันวาคม พ.ศ. 2502 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–1
2027 ธันวาคม พ.ศ. 2503 จุฬาลงกรณ์เสมอ1–1
2123 ธันวาคม พ.ศ. 2504 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
2222 ธันวาคม พ.ศ. 2505 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
238 มกราคม พ.ศ. 2506 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์3–1
2426 ธันวาคม พ.ศ. 2507 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์0–3
2525 ธันวาคม พ.ศ. 2508 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–1
2624 ธันวาคม พ.ศ. 2509 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์0–2
2730 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
2821 ธันวาคม พ.ศ. 2511 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ2–0
2927 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์1–0
3030 มกราคม พ.ศ. 2514 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
3129 มกราคม พ.ศ. 2515 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์4–0
3223 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์1–2
3331 มกราคม พ.ศ. 2519 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–0
3421 มกราคม พ.ศ. 2521 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์0–1
3520 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ0–2
3620 มกราคม พ.ศ. 2523 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
3731 มกราคม พ.ศ. 2524 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
3827 มกราคม พ.ศ. 2525 จุฬาลงกรณ์เสมอ2–2
3929 มกราคม พ.ศ. 2526 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
4021 มกราคม พ.ศ. 2527 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์0–1
4127 มกราคม พ.ศ. 2528 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
4226 มกราคม พ.ศ. 2529 จุฬาลงกรณ์เสมอ1–1
4325 มกราคม พ.ศ. 2530 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์1–0
4430 มกราคม พ.ศ. 2531 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ2–1
4521 มกราคม พ.ศ. 2532 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ0–2
4620 มกราคม พ.ศ. 2533 จุฬาลงกรณ์เสมอ1–1
4719 มกราคม พ.ศ. 2534 ธรรมศาสตร์เสมอ0–0
4818 มกราคม พ.ศ. 2535 จุฬาลงกรณ์เสมอ1–1
4923 มกราคม พ.ศ. 2536 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–1
5022 มกราคม พ.ศ. 2537 จุฬาลงกรณ์เสมอ2–2
5121 มกราคม พ.ศ. 2538 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ1–2
5220 มกราคม พ.ศ. 2539 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์0–1
5318 มกราคม พ.ศ. 2540 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
547 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
5523 มกราคม พ.ศ. 2542 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ1–2
5615 มกราคม พ.ศ. 2543 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
5720 มกราคม พ.ศ. 2544 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ0–2
5819 มกราคม พ.ศ. 2545 จุฬาลงกรณ์เสมอ2–2
5925 มกราคม พ.ศ. 2546 ธรรมศาสตร์เสมอ0–0
6024 มกราคม พ.ศ. 2547 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
6122 มกราคม พ.ศ. 2548 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์1–0
6221 มกราคม พ.ศ. 2549 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ2–0
6320 มกราคม พ.ศ. 2550 ธรรมศาสตร์เสมอ1–1
6417 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
6531 มกราคม พ.ศ. 2552 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–0
6616 มกราคม พ.ศ. 2553 จุฬาลงกรณ์เสมอ0–0
675 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ1–3
6825 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ1–0
692 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ0–1
707 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 จุฬาลงกรณ์ธรรมศาสตร์0–2
7113 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์5–1
723 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 จุฬาลงกรณ์เสมอ1–1
739 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ธรรมศาสตร์จุฬาฯ1–2
748 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 จุฬาลงกรณ์จุฬาฯ2–1
7515 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ธรรมศาสตร์ธรรมศาสตร์2–1

หมายเหตุ : พ.ศ. 2567 ใช้ชื่อการแข่งขันว่า ฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2567 (CU-TU Unity Football Match 2024) จัดโดยองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากติดขัดเรื่องวันจัดงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จะเป็นเจ้าภาพ ไม่สามารถตกลงกับสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ลงตัว[9]

การถ่ายทอดสด

[แก้]

ในทุก ๆ ปี บรรยากาศภายในงานจะถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ตามลำดับ จนมาในครั้งที่ 70 มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องไบรต์ทีวีร่วมอยู่ด้วย

ครั้งที่ 72 และ 74 ที่ถ่ายทอดสดเฉพาะช่องไทยรัฐทีวีในระบบความคมชัดสูง[10] (เฉพาะครั้งที่ 74 ได้เปิดอีกหนึ่งช่องทางในการรับชมการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น AIS PLAY)

ครั้งที่ 75 ถ่ายทอดสดผ่านช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี[1]

เชิงอรรถ

[แก้]
  1. ชื่อมหาวิทยาลัยใดเป็นเจ้าภาพ จะได้รับเกียรติให้ขึ้นต้นชื่องานในปีนั้น

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 "ช่อง 9 กด 30 ยิงสดฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75". สำนักข่าวไทย อสมท. 2025-01-31.
  2. สวัสดิ์ จงกล. “แรกมีในเมืองไทยเกี่ยวกับฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์: หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.” เว็บไซต์หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 18 มีนาคม 2553. http://www.memocent.chula.ac.th/article/ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์/ (เข้าถึงเมื่อ 8 ธันวาคม 2559).
  3. พาเหรดล้อการเมือง 'สะท้อนสังคม หรือ ท้าทายอำนาจ' ?. 5 กุมภาพันธ์ 2016. https://www.voicetv.co.th/read/322320
  4. พร้อมมากบอลประเพณี! จุฬาฯ เต้นโชว์ ชูคอนเซ็ปต์ตื่นเต้นได้เลือกตั้ง – มธ. งัดเซอร์ไพรส์กลางสนาม. 7 กุมภาพันธ์ 2562. https://www.amarintv.com/news-update/news-16819/335873/
  5. หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. “การอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณี: หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.” เว็บไซต์ หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 7 พฤศจิกายน 2552. http://www.memocent.chula.ac.th/article/อัญเชิญพระเกี้ยว/ (8 ธันวาคม 2559 ที่เข้าถึง).
  6. การอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณี จาก หอประวัติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  7. "ยกเลิกพิธีแบกเสลี่ยง "อัญเชิญพระเกี้ยว" งานบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์". คมชัดลึกออนไลน์. 2021-10-23.
  8. ชมพู-เหลืองแสด, ฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ศึกแห่งตำนาน ศักดิ์ศรี และมิตรภาพ, สยามกีฬา, ปีที่ 28, ฉบับที่ 10184, 20 มกราคม 2556, หน้า 19
  9. "ลุ้นมิติใหม่งานบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2024 ฟาดแข้ง 31 มี.ค. นี้". THE STANDARD. 2024-02-17.
  10. www.thairath.co.th. (2018). จุฬาฯ-มธ. พร้อมลุยบอลประเพณี ไทยรัฐทีวี ถ่ายสด 3 ก.พ.. [online] Available at: https://www.thairath.co.th/content/1174057 [Accessed 2 Feb. 2018].

ดูเพิ่ม

[แก้]