หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ด้านหน้าของหอศิลป์ฯ มองจากแยกปทุมวัน | |
![]() | |
| ก่อตั้ง | 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 |
|---|---|
| ที่ตั้ง | 939 ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร |
| พิกัดภูมิศาสตร์ | 13°44′48″N 100°31′49″E / 13.74679°N 100.53021°E |
| ประเภท | หอศิลป์, นิทรรศการหมุนเวียน |
| ผลงาน | ศิลปะร่วมสมัย |
| จำนวนผู้เยี่ยมชม | 1,700,000 คน (พ.ศ. 2560)[1] |
| ประธานกรรมการมูลนิธิฯ | กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร |
| ผู้อำนวยการ | อดุลญา ฮุนตระกูล |
| สถาปนิก | บริษัท โรเบิร์ต จี บุย แอนด์ แอสโซซิเอทส์ |
| ขนส่งมวลชน | |
| เว็บไซต์ | www |

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (อังกฤษ: Bangkok Art and Culture Centre, BACC) หรือ หอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นหอศิลปะร่วมสมัย ตั้งอยู่ที่หัวมุมตะวันตกเฉียงเหนือของสี่แยกปทุมวัน ในย่านสยาม แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร หอศิลป์แห่งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อพิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้นมีมติร่วมกับคณะกรรมการโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ. 2538 ให้กรุงเทพมหานครจัดสร้างหอศิลปะร่วมสมัยแห่งกรุงเทพมหานคร ณ สี่แยกปทุมวัน แต่โครงการกลับมาหยุดลงสมัยสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องการให้เป็นอาคารพาณิชย์มากขึ้น จนเกิดกิจกรรมเคลื่อนไหวคัดค้านจากหมู่นักศึกษาและศิลปิน ต่อมาในสมัย อภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการจัดสร้างตามเดิม[2]
หอศิลป์แห่งนี้เปิดอาคารแรกตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2548 แต่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ใน พ.ศ. 2551 อาคารได้รับการออกแบบให้เป็นทรงกระบอก สูง 9 ชั้น มีพื้นที่ทั้งหมด 25,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นห้องแสดงผลงาน โรงภาพยนตร์ ห้องสมุด ห้องเก็บรักษาผลงาน ห้องประชุม ร้านค้า และร้านอาหาร[3] ในชั้นที่ 6 เป็นต้นไป มีทางเดินลาดเอียงเลาะขึ้นไปตามชั้นต่าง ๆ ในรูปทรงกระบอกของอาคาร และมีการนำแสงธรรมชาติในการจัดแสดงงาน คล้ายคลึงกับพิพิธภัณฑ์โซโลมอน อาร์. กุกเกนไฮม์[4] ซึ่งเป็นงานชนะการประกวดแบบ ของสำนักงานออกแบบ โรเบิร์ต จี บุย แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด
ประวัติ
[แก้]โครงการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2537 โดยกลุ่มศิลปินร่วมสมัยแห่งประเทศไทยนับพันคนได้จัดแสดงผลงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยหวังให้สังคมเห็นว่ามีศิลปินมากพอที่ควรจะมีหอศิลป์มาเป็นพื้นที่รองรับในการแสดงออกผลงาน และเก็บรักษาผลงานในอดีตและประวัติศาสตร์ เป็นที่รวมกลุ่มศิลปิน เพื่อพบปะ แลกเปลี่ยนความคิด แนวการทำงาน ผลก็คือการผลักดันให้เกิดการพัฒนาของวงการศิลปะในบ้านเมืองนี้
สมัยของพิจิตต รัตตกุล ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีการผลักดันจนกระทั่งกรุงเทพมหานครมีนโยบายที่จะสร้างหอศิลป์ขึ้น มีการกำหนดพื้นที่ตั้งหอศิลป์ที่บริเวณแยกปทุมวัน และผู้ชนะจากการประกวดแบบหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ได้แก่ บริษัท Robert G. Boughey & Associates (RGB Architects) ความพร้อมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2539 แต่ในสมัยของสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนต่อมา โครงการหอศิลป์กรุงเทพมหานครถูกรื้อถอนโครงการความคืบหน้าเดิมทิ้งทั้งหมด โดยเปลี่ยนเป็นพื้นที่การค้าตามรูปแบบการใช้พื้นที่แถบนั้น และมีส่วนแสดงศิลปะไว้เล็กน้อย ซึ่งบรรดาศิลปินและคนทำงานศิลปะในหลายแขนงต่างไม่พอใจในการยุบโครงการนี้เป็นอย่างมาก และได้เคลื่อนไหวเรียกร้องมาตลอดสมัยของสมัคร สุนทรเวช
จากการเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อสู้เพื่อให้มีหอศิลป์โดยเครือข่ายประชาชนและกลุ่มศิลปินที่ยาวนาน จนกระทั่งกรุงเทพมหานคร โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้เล็งเห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม และได้วางนโยบายด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นนโยบายหลัก โดยมุ่งเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ของเด็ก เยาวชน และประชาชนในสังคม ให้ตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม สภาแห่งกรุงเทพมหานครจึงได้อนุมัติงบประมาณดำเนินการก่อสร้างหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 509 ล้านบาท[5] เพื่อผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม ซึ่งหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครได้เริ่มก่อสร้างในที่ดินของกรุงเทพมหานคร บริเวณสี่แยกปทุมวัน และได้มีการเปิดโครงการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2548
ในกำหนดการเดิม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จะสร้างเสร็จช่วงปลาย พ.ศ. 2549 แต่การก่อสร้างได้ล่าช้าออกไปจากเดิม แล้วเสร็จเปิดใช้งานเมื่อ พ.ศ. 2551 โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอศิลปฯ ประติมากรรมช้างเอราวัณ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "บารมีแห่งแผ่นดิน" และนิทรรศการโขนพรหมมาศ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 4 ปี นับตั้งแต่การเปิดโครงการหอศิลปฯ แห่งนี้อีกด้วย
พื้นที่ใช้สอยและตัวอาคาร
[แก้]ตัวอาคารสูง 9 ชั้น (บวกอีก 2 ชั้นใต้ดิน) โดยในตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็นทรงกระบอก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระหว่างอาคารได้ด้วยทางเดินวน เป็นแนวเอียงขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้คนที่เข้ามาชมผลงาน สามารถชมได้ต่อเนื่องในแต่ละชั้น นอกจากนี้ตัวอาคารยังออกแบบมาให้สามารถรับแสงสว่างจากภายนอกได้ โดยที่แสงไม่แรงพอที่จะเข้ามาถึงขนาดทำลายผลงานศิลปะที่แสดงอยู่ข้างในได้ นอกจากห้องนิทรรศการที่มีอยู่หลายส่วนแล้ว ภายในยังมีส่วนที่เป็นห้องสมุดประชาชน, ห้องปฏิบัติการศิลปะ, ห้องอเนกประสงค์ 300 ที่นั่ง, ร้านค้า รวมไปถึงโรงภาพยนตร์-โรงละครขนาด 222 ที่นั่ง
สถานที่ตั้ง
[แก้]บริเวณสี่แยกปทุมวัน หัวมุมถนนพระรามที่ 1 และถนนพญาไท ตรงข้ามกับศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ และศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ในย่านสยาม แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีทางเดินเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติโดยตรง รวมถึงเชื่อมต่อกับศูนย์การค้าโดยรอบผ่านสกายวอล์กวันสยาม
เวลาทำการ
[แก้]หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ไม่เก็บค่าเข้าชม
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ทำไมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จึงไม่ควรถูกจัดการโดยรัฐ,เว็บไซด์: https://www.bbc.com/ วันที่ 15 พฤษภาคม 2018
- ↑ ความเป็นมาของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เก็บถาวร 2018-07-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เว็บไซด์:http://www.bacc.or.th/ .สืบค้นเมื่อ 27/07/2561
- ↑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร[ลิงก์เสีย], เว็บไซด์:kanchanapisek.or.th/ .สืบค้นเมื่อ 27/07/2561
- ↑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร – ArtBangkok.com, เว็บไซด์: www.artbangkok.com/ .สืบค้นเมื่อ 27/05/2561
- ↑ "หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แหล่งรวมความรู้เรื่องศิลปะใกล้เป็นจริง". ไทยรัฐ.
