จักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
| จักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 | |
|---|---|
| จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (อ่านต่อ...) | |
| ครองราชย์ | 18 สิงหาคม 1765 – 20 กุมภาพันธ์ 1790 |
| ราชาภิเษก | 3 เมษายน 1764 (แฟรงก์เฟิร์ต) |
| ก่อนหน้า | จักรพรรดิฟรันทซ์ที่ 1 |
| ถัดไป | จักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 2 |
| ผู้ว่าราชการ (ในเนเธอร์แลนด์ของฮาพส์บวร์ค) | |
| พระราชสมภพ | 13 มีนาคม 1741 พระราชวังเชินบรุน, เวียนนา, ออสเตรีย |
| สวรรคต | 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1790 (48 ปี) เวียนนา, ออสเตรีย |
| ฝังพระศพ | อิมพิเรียล คริปต์ |
| คู่อภิเษก |
|
| พระราชบุตร |
อาร์ชดัชเชสมารีอา เทเรซีอา อาร์ชดัชเชสมารีอา คริสทีนา |
| ราชวงศ์ | ฮาพส์บวร์ค-ลอแรน |
| พระราชบิดา | จักรพรรดิฟรันทซ์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
| พระราชมารดา | จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา |
| ลายพระอภิไธย | |
จักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 พระนามเต็ม โยเซ็ฟ เบเนดิกท์ อันโทน มีชาเอิล อาดัม (เยอรมัน: Josef Benedikt Anton Michael Adam}) เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างปี 1765 จนกระทั่งสวรรคต และทรงเป็นผู้ปกครองแผ่นดินฮาพส์บวร์ค ระหว่างปี 1780 จนกระทั่งสวรรคต พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา กับ จักรพรรดิฟรันทซ์ที่ 1 และเป็นพระเชษฐาในมารี อ็องตัวแน็ต อัครมเหสีในพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ในฐานะจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองดินแดนประเทศราชของออสเตรียพระองค์แรก ที่มีเชื้อสายมาจากฮาพส์บวร์คผ่านทางพระราชมารดา ในช่วงรัชกาลของพระองค์ ทรงใช้การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันทรงภูมิธรรม ตัวพระองค์ถูกเปรียบว่าเทียบได้กับ เยกาเจรีนามหาราชินี แห่งรัสเซีย และ ฟรีดริชมหาราช แห่งปรัสเซีย เป็นหนึ่งในสามกษัตริย์ผู้รุ่งโรจน์แห่งยุค พระองค์เสร็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาท ดังนั้นผู้สืบราชบัลลังก์ต่อคือพระอนุชาของพระองค์ แกรนด์ดยุกเพเทอร์ เลโอพ็อลท์
การปฏิรูปจักรวรรดิ
[แก้]โยเซ็ฟที่ 2 เป็นหนึ่งในผู้นำที่มีแนวคิดสมัยใหม่มากที่สุดในยุโรปในยุคเรืองปัญญา พระองค์พยายามเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คให้หลุดพ้นจากกรอบของรัฐศักดินาแบบเก่า และก้าวเข้าสู่ระเบียบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยุติธรรมมากขึ้น โยเซ็ฟที่ 2 มองว่ารัฐควรเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง และพยายามใช้อำนาจจักรพรรดิผลักดันการปฏิรูป โดยไม่ผ่านการเจรจาหรือกลไกของชนชั้นสูงหรือท้องถิ่นแบบเดิม
หนึ่งในนโยบายที่โดดเด่นคือการปฏิรูปศาสนาและการศึกษา พระองค์ลดอำนาจของคริสตจักรคาทอลิก โดยยุบคณะนักบวชที่ไม่เน้นงานสังคม เช่น การสอนหรือดูแลผู้ป่วย พร้อมออกพระราชกฤษฎีกาขันติธรรม (Toleranzedikt) ในปี 1781 เพื่อขยายเสรีภาพทางศาสนาให้แก่โปรเตสแตนต์และชาวยิวในจักรวรรดิ โยเซฟยังส่งเสริมการศึกษาแบบรัฐ แทนที่ระบบโรงเรียนที่ผูกกับศาสนา โดยหวังให้พลเมืองกลายเป็น “ราษฎรผู้มีเหตุผล”
นอกจากนี้ พระองค์ยังมุ่งลดอำนาจของชนชั้นขุนนางและระบบไพร่ในดินแดนต่างๆ เช่น โบฮีเมียและฮังการี มีความพยายามยกเลิกแรงงานเกณฑ์ต่อชาวนา และจัดระบบราชการให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งจักรวรรดิ แต่ทว่าความทะเยอทะยานในการปฏิรูปกลับกลายเป็นจุดอ่อน เมื่อโยเซ็ฟดำเนินนโยบายอย่างรวดเร็วและแข็งกร้าวเกินไป ไม่คำนึงถึงความหลากหลายของชาติพันธุ์ ภาษา และธรรมเนียมในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ การออกกฎหมายกลางสำหรับดินแดนที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันจึงกลายเป็นการลิดรอนสิทธิของท้องถิ่น จนเกิดแรงต่อต้านรุนแรงในฮังการี เนเธอร์แลนด์ของออสเตรีย และประเทศราชอื่นๆ
สงครามกับออตโตมัน
[แก้]สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อพระองค์ตัดสินใจเข้าร่วมสงครามกับจักรวรรดิออตโตมันระหว่างปี 1787–1790 โดยจับมือกับจักรพรรดินีเยกาเจรีนาแห่งรัสเซีย แม้สงครามจะมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์และดินแดน แต่กลับกลายเป็นหายนะทางเศรษฐกิจ ภายหลังการเกณฑ์ทหาร ภาษีที่เพิ่มขึ้น และผลผลิตเสียหายในปี 1788–89 ชาวเวียนนาจึงลุกฮือจากความอดอยาก เกิดจลาจลเรื่องขนมปัง และหนี้สาธารณะพุ่งสูงถึง 400 ล้านกิลเดนในปีสุดท้ายแห่งรัชสมัย ทำให้ความนิยมในตัวพระองค์ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อใกล้สวรรคต โยเซฟที่ 2 จำต้องยกเลิกนโยบายหลายอย่างที่เคยประกาศไว้ พระองค์ทรงตระหนักถึงความล้มเหลวและกล่าวไว้ในช่วงท้ายชีวิตว่า “ข้าพเจ้าล้มเหลวในทุกสิ่ง” เป็นถ้อยคำสะท้อนถึงความเจ็บปวดของผู้ปกครองที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ถูกโลกแห่งความจริงต้านกลับอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี แม้นโยบายหลายอย่างของพระองค์จะไม่ประสบความสำเร็จในระยะสั้น แต่ก็ได้วางรากฐานแนวคิดเสรีภาพ เสมอภาค และรัฐสมัยใหม่ที่ส่งอิทธิพลยาวนานในยุโรปกลางและตะวันออก
การอุปถัมภ์ศิลปกรรม
[แก้]จักรพรรดิโยเซฟที่ 2 มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมแห่งยุค ท่ามกลางแรงกดดันของการปฏิรูปและสงคราม โยเซฟยังคงให้การสนับสนุนแก่ศิลปิน การดนตรี และโรงละครอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรุงเวียนนา ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของยุโรปในปลายศตวรรษที่ 18 พระองค์ให้ความอุปถัมภ์แก่คีตกวีเอกหลายคน โดยเฉพาะว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ท ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานโอเปร่าเรื่อง Die Entführung aus dem Serail และ Le nozze di Figaro แม้ความสัมพันธ์ของโมทซาร์ทกับราชสำนักจะไม่ราบรื่นในระยะยาว แต่ถือได้ว่าทรงเปิดโอกาสให้ดนตรีแนวใหม่ได้มีพื้นที่แสดงออกในระดับราชสำนัก
ในด้านโรงละคร โยเซฟทรงสนับสนุนให้ใช้ภาษาเยอรมันในงานโอเปร่าและการแสดงแทนที่ภาษาละตินหรืออิตาลีซึ่งเคยเป็นภาษาหลักในราชสำนัก การส่งเสริมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนศิลปะ แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิดชาตินิยมและความพยายามสร้างอัตลักษณ์ร่วมของประชาชนในอาณาจักร นอกจากนี้ พระองค์ยังส่งเสริมการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์และสถาบันทางวัฒนธรรม เปิดคลังสะสมศิลปะให้ประชาชนเข้าชมได้บางส่วน ซึ่งนับเป็นแนวคิดใหม่ในยุคที่ศิลปะเคยจำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มชนชั้นสูง
ฐานันดรและอิสริยยศ
[แก้]- 13 มีนาคม 1741 – 4 เมษายน 1764: พระราชกุมารและอาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย พระราชกุมารแห่งฮังการีและโบฮีเมีย
- 4 เมษายน 1764 – 18 สิงหาคม 1765: กษัตริย์แห่งชาวโรมัน
- 18 สิงหาคม 1765 – 20 กุมภาพันธ์ 1790: จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
อ้างอิง
[แก้]| ก่อนหน้า | จักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ | ถัดไป | ||
|---|---|---|---|---|
| ฟรันทซ์ที่ 1 | จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 1780 – ค.ศ. 1790 |
เลโอพ็อลท์ที่ 2 | ||
| ฟรันทซ์ที่ 1 | อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย ค.ศ. 1780 – ค.ศ. 1790 |
เลโอพ็อลท์ที่ 2 |
- จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
- พระมหากษัตริย์เยอรมนี
- พระมหากษัตริย์โบฮีเมีย
- ดยุกแห่งบราบันต์
- ดยุกแห่งลักเซมเบิร์ก
- ดยุกแห่งมิลาน
- ดยุกแห่งคารินเทีย
- ดยุกแห่งโลเธียร์
- ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค-ลอแรน
- เคานต์แห่งแอโน
- เคานต์แห่งแฟลนเดอส์
- ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค
- บุคคลจากเวียนนา
- ดยุกแห่งลิมบืร์ค
- ผู้ปกครองสติเรีย
- ประมุขแห่งทรานซิลเวเนีย
- ดยุกแห่งเทเชิน
- ผู้ปกครองออสเตรีย
- อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย
- อาร์ชดยุกรัชทายาทแห่งออสเตรีย
- มกุฎราชกุมารแห่งฮังการี
- พระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิ
- พระราชโอรสในพระมหากษัตริย์
- พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถ
- พระราชบุตรในจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
- บทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์

