ข้ามไปเนื้อหา

ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โครเอเชีย
Shirt badge/Association crest
ฉายาVatreni (เปลวไฟ)
Kockasti (หมากรุก)
หมากรุกพิฆาต (ในภาษาไทย)
สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลโครเอเชีย (HNS)
สมาพันธ์ยูฟ่า (ยุโรป)
หัวหน้าผู้ฝึกสอนซลัตกอ ดาลิช
กัปตันลูกา มอดริช
ติดทีมชาติสูงสุดลูกา มอดริช (150)
ทำประตูสูงสุดดาวอร์ ชูเกร์ (45)
สนามเหย้าหลายแห่ง
รหัสฟีฟ่าCRO
อันดับฟีฟ่า
อันดับปัจจุบัน 11 ลดลง 2 (17 ตุลาคม 2025)[1]
อันดับสูงสุด3 (มกราคม ค.ศ. 1999)
อันดับต่ำสุด125 (มีนาคม ค.ศ. 1994)
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก
แม่แบบ:Country data Banovina of Croatia 4–0 สวิตเซอร์แลนด์ 
(ซาเกร็บ ยูโกสลาเวีย; 2 เมษายน ค.ศ. 1940)
ในฐานะสมาชิกฟีฟ่า
 สโลวาเกีย 1–1 รัฐเอกราชโครเอเชีย 
(บราติสลาวา สโลวาเกีย; 8 กันยายน ค.ศ. 1941)
ในฐานะโครเอเชียสมัยใหม่
 โครเอเชีย 2–1 สหรัฐ 
(ซาเกร็บ ยูโกสลาเวีย; 17 ตุลาคม ค.ศ. 1990)
ในฐานะสมาชิกฟีฟ่า
 ออสเตรเลีย 1–0 โครเอเชีย 
(เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย; 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1992)
ชนะสูงสุด
 โครเอเชีย 10–0 ซานมารีโน 
(รีเยกา ประเทศโครเอเชีย; 4 มิถุนายน ค.ศ. 2016)
แพ้สูงสุด
 สเปน 6–0 โครเอเชีย 
(เอลเช ประเทศสเปน; 11 กันยายน ค.ศ. 2018)
ฟุตบอลโลก
เข้าร่วม6 (ครั้งแรกใน 1998)
ผลงานดีที่สุดรองชนะเลิศ (2018)
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
เข้าร่วม6 (ครั้งแรกใน 1996)
ผลงานดีที่สุดรอบก่อนรองชนะเลิศ (1996, 2008)
เว็บไซต์hns-cff.hr/en

ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย (อังกฤษ: Croatia national football team; โครเอเชีย: Hrvatska nogometna reprezentacija) เป็นฟุตบอลทีมชาติจากประเทศโครเอเชีย ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลโครเอเชีย โดยเป็นสมาชิกของสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปในการแข่งขันระดับทวีป และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติในการแข่งขันระดับโลก สีประจำทีมเป็นตัวแทนของสัญลักษณ์ประจำชาติสองอย่าง ได้แก่ ลายตารางหมากรุกโครเอเชีย และสีธงของประเทศ ทำให้มีชื่อเรียกขานว่า Vatreni (เปลวไฟ) และ Kockasti (ตาหมากรุก)

นับตั้งแต่ทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา โครเอเชียผ่านเข้าสู่การแข่งขันรายการระดับเมเจอร์ทุกรายการยกเว้นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 และฟุตบอลโลก 2010 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก โครเอเชียคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ 1 ครั้ง (ฟุตบอลโลก 2018) และอันดับสามอีก 2 ครั้ง (1998 และ 2022) ผู้เล่นอย่างดาวอร์ ชูเกร์ รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม (Golden Ball) และรางวัลทำประตูสูงสุดอันดับสองในการแข่งขันปี 1998 ในขณะที่ลูกา มอดริช รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลก 2018 โครเอเชียผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 ครั้ง (1996 และ 2008) และรับตำแหน่งรองชนะเลิศในยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2022–23

โครเอเชียได้รับการจัดอันดับโลกฟีฟ่าครั้งแรกใน ค.ศ. 1994 ในอันดับ 125 และทำผลงานยอดเยี่ยมในการลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1998 ซึ่งพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 3 ของโลก นับเป็นสถิติใหม่ในการขยับอันดับโลกที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ฟีฟ่า โครเอเชียจึงกลายเป็นทีมที่มีอายุน้อยทีสุดที่ขึ้นสู่ 10 อันดับแรกของโลกตามการจัดอันดับโลกฟีฟ่า โครเอเชียยังถือเป็นชาติที่มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับสองทั้งในแง่จำนวนประชากร (รองจากอุรุกวัย) และขนาดพื้นที่ของประเทศ (รองจากเนเธอร์แลนด์) ที่เคยเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก โครเอเชียยังเป็นเจ้าของสถิติลงแข่งขันในช่วงดวลจุดโทษตัดสินในฟุตบอลโลกมากที่สุด (4 ครั้ง), ชนะมากที่สุด (4 ครั้ง) และป้องกันประตูในการดวลจุดโทษมากที่สุด (3 ครั้ง) พวกเขาได้รับรางวัล FIFA Best Mover of the Year ในปี 1994 และ 1998 จึงกลายเป็นทีมชาติทีมแรกที่ได้รับรางวัลนี้สองครั้ง และยังนับเป็นสถิติร่วมกับฝรั่งเศสและโคลอมเบียอีกด้วย

ประวัติ

[แก้]

สมาพันธ์ฟุตบอลโครเอเชียก่อตั้งในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1912 ในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งโครเอเชีย เป็นประเทศที่เกิดใหม่ช่วงที่เป็นรัฐอิสระระหว่างปี ค.ศ. 1940–ค.ศ. 1945 ได้ผนวกรวมตัวกับประเทศยูโกสลาเวีย จึงแยกตัวออกมาเป็นรัฐอิสระในปี ค.ศ. 1990 ทำให้ในยุคแรกนักฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติยูโกสลาเวียมาก่อน โดยนัดสุดท้ายที่นักฟุตบอลทั้ง 2 ชาติเล่นร่วมกันในนามทีมชาติยูโกสลาเวีย คือ การพบกับสวีเดน เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 และเข้าเป็นสมาชิกฟีฟ่าในปลายปี ค.ศ. 1992 และได้รับการจัดอันดับเป็นครั้งแรกจากฟีฟ่าให้เป็นที่ 125 ของโลก เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994

ลักษณะเด่นของทีมชาติโครเอเชีย คือ ชุดที่สวมใส่ที่มีลายตารางหมากรุกสีขาวสลับแดง โดยสวมกางเกงขาว ถุงเท้าสีน้ำเงิน ขณะที่ชุดทีมเยือนจะเป็นสีน้ำเงินเข้มทั้งชุด มีแถบสามเหลี่ยมตาหมากรุกสีแดงจากคอและไหล่ซ้ายลงมาถึงแนวต่อของแขนเสื้อ ซึ่งทำให้ได้รับฉายาว่า "Vatreni" แปลว่า "เปลวไฟ" ขณะที่ฉายาในภาษาไทยจะเรียกว่า "ทีมตาหมากรุก" หรือ "หมากรุกพิฆาต"[2]

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016

[แก้]

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 หรือยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส โครเอเชียอยู่ในกลุ่มดี ร่วมกับ สเปน (แชมป์เก่า), ตุรกี และสาธารณรัฐเช็ก โครเอเชียได้ผ่านเข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบการแข่งขันที่แพ้แล้วคัดออก ด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีผลงานเด่น คือ เอาชนะสเปน ซึ่งเป็นแชมป์เก่าและถูกมองว่าเหนือกว่าได้ 1–2 ในนัดสุดท้ายของรอบแรก[3]

อันดับ ทีม เล่น ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ต่าง คะแนน การผ่านเข้ารอบ
1  โครเอเชีย 3 2 1 0 5 3 +2 7 เข้าสู่รอบแพ้คัดออก
2  สเปน 3 2 0 1 5 2 +3 6
3  ตุรกี 3 1 0 2 2 4 2 3
4  เช็กเกีย 3 0 1 2 2 5 3 1
แหล่งข้อมูล: ยูฟ่า
กฏการจัดอันดับ: กฎการจัดอันดับรอบแบ่งกลุ่ม

ฟุตบอลโลก 2018

[แก้]

ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โครเอเชียอยู่ในกลุ่ม ดี ร่วมกับไนจีเรีย, อาร์เจนตินา และทีมชาติร่วมทวีปเดียวกันอย่างไอซ์แลนด์ โครเอเชียทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้ดีโดยเอาชนะได้ทั้งสามนัด ได้แก่ ชนะไนจีเรีย 2–0 ชนะอาร์เจนตินา 3–0 และชนะไอซ์แลนด์ 2–1 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

อันดับ ทีม เล่น ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ต่าง คะแนน การผ่านเข้ารอบ
1  โครเอเชีย 3 3 0 0 7 1 +6 9 ผ่านเข้าสู่ รอบแพ้คัดออก
2  อาร์เจนตินา 3 1 1 1 3 5 2 4
3  ไนจีเรีย 3 1 0 2 3 4 1 3
4  ไอซ์แลนด์ 3 0 1 2 2 5 3 1
แหล่งข้อมูล: ฟีฟ่า
กฏการจัดอันดับ: กฎการจัดอันดับรอบแบ่งกลุ่ม

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โครเอเชียเสมอกับเดนมาร์กในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1–1 และสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 3–2 ต่อมาในรอบก่อนรองชนะเลิศ โครเอเชียเสมอในช่วงต่อเวลาพิเศษอีกครั้งกับเจ้าภาพอย่างรัสเซีย 2–2 สุดท้ายสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษ 4–3 ต่อมาในรอบรองชนะเลิศ โครเอเชียสามารถเอาชนะอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษไปได้ 2–1 และในรอบชิงชนะเลิศ โครเอเชียพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส 4–2 ทำให้จบเพียงรองชนะเลิศ แต่นั่นก็ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกของโครเอเชีย

ผู้เล่น

[แก้]

รายชื่อผู้เล่น 26 คนที่ถูกเรียกตัวในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022[4]

ข้อมูลการลงเล่นและการทำประตูนับถึงวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565 หลังจากการพบกับ ออสเตรีย[5][6]

0#0 ตำแหน่ง ผู้เล่น วันเกิด (อายุ) ลงเล่น ประตู สโมสร
1 1GK ดอมินิก ลิวากอวิช (1995-01-09) 9 มกราคม ค.ศ. 1995 (30 ปี) 33 0 ประเทศโครเอเชีย ดินามอซาเกร็บ
23 1GK อิวิตซา อิวูชิช (1995-02-01) 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 (30 ปี) 5 0 ประเทศโครเอเชีย โอซิเย็ค
12 1GK อิโว เกอร์บิช (1996-01-18) 18 มกราคม ค.ศ. 1996 (29 ปี) 2 0 ประเทศสเปน อัตเลติโกเดมาดริด

21 2DF ดอมาก็อย วีดา (รองกัปตัน) (1989-04-29) 29 เมษายน ค.ศ. 1989 (36 ปี) 99 4 ประเทศกรีซ อาเอกเอเธนส์
6 2DF เดยัน ลอวเร็น (1989-07-05) 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1989 (36 ปี) 71 5 ประเทศรัสเซีย เซนิตเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก
3 2DF บอร์นา บาริชิช (1992-11-10) 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 (33 ปี) 27 1 ประเทศสกอตแลนด์ เรนเจอส์
22 2DF ยอซิป ยูรานอวิช (1995-08-16) 16 สิงหาคม ค.ศ. 1995 (30 ปี) 21 0 ประเทศสกอตแลนด์ เซลติก
20 2DF ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (2002-01-23) 23 มกราคม ค.ศ. 2002 (23 ปี) 12 1 ประเทศเยอรมนี แอร์เบ ไลพ์ซิช
19 2DF บอร์น่า โซซ่า (1998-01-21) 21 มกราคม ค.ศ. 1998 (27 ปี) 8 1 ประเทศเยอรมนี เฟาเอ็ฟเบ ชตุทการ์ท
2 2DF ยอซิป ชตานีชิช (2000-04-02) 2 เมษายน ค.ศ. 2000 (25 ปี) 6 0 ประเทศเยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก
5 2DF มาร์ติน เอร์ลิช (1998-01-24) 24 มกราคม ค.ศ. 1998 (27 ปี) 3 0 ประเทศอิตาลี ซัสซูโอโล
24 2DF ยอซิป ชูตาลอ (2000-02-28) 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2000 (25 ปี) 3 0 ประเทศโครเอเชีย ดินามอซาเกร็บ

10 3MF ลูกา มอดริช (กัปตัน) (1985-09-09) 9 กันยายน ค.ศ. 1985 (40 ปี) 154 23 ประเทศสเปน เรอัลมาดริด
8 3MF มาเตออ กอวาชิช (1994-05-06) 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 (31 ปี) 83 3 ประเทศอังกฤษ เชลซี
11 3MF มาร์ตเซลอ บรอซอวิช (1992-11-16) 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 (32 ปี) 76 7 ประเทศอิตาลี อินเตอร์มิลาน
15 3MF มาริออ ปาชาลิช (1995-02-09) 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 (30 ปี) 42 7 ประเทศอิตาลี อาตาลันตา
13 3MF นิกอลา วลาชิช (1997-10-04) 4 ตุลาคม ค.ศ. 1997 (28 ปี) 41 7 ประเทศอิตาลี โตรีโน
7 3MF โลวโร มาเยอร์ (1998-01-17) 17 มกราคม ค.ศ. 1998 (27 ปี) 10 3 ประเทศฝรั่งเศส แรแน
26 3MF กริสติยัน ยากิช (1997-05-14) 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 (28 ปี) 4 0 ประเทศเยอรมนี ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท
25 3MF ลูคา ซูซิก (2002-09-08) 8 กันยายน ค.ศ. 2002 (23 ปี) 3 0 ประเทศออสเตรีย เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค

4 4FW อิวัน เปริชิช (1989-02-02) 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 (36 ปี) 115 32 ประเทศอังกฤษ ทอตนัมฮอตสเปอร์
9 4FW อันเดรย์ กรามาริช (1991-06-19) 19 มิถุนายน ค.ศ. 1991 (34 ปี) 73 19 ประเทศเยอรมนี 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์
16 4FW บรูโน เป็ตกอวิช (1994-09-16) 16 กันยายน ค.ศ. 1994 (31 ปี) 22 6 ประเทศโครเอเชีย ดินามอซาเกร็บ
18 4FW มิสลาฟ ออร์ชิช (1992-12-29) 29 ธันวาคม ค.ศ. 1992 (32 ปี) 20 1 ประเทศโครเอเชีย ดินามอซาเกร็บ
17 4FW อานเต บูดิมีร์ (1991-07-22) 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 (34 ปี) 15 1 ประเทศสเปน โอซาซูนา
14 4FW มาร์กอ ลิวายา (1993-08-26) 26 สิงหาคม ค.ศ. 1993 (32 ปี) 14 3 ประเทศโครเอเชีย ไฮดูกสปลิต

อดีตผู้เล่นคนสำคัญ

[แก้]

สี

[แก้]

ชุดแข่งขันของโครเอเชียได้ถูกออกแบบใน ปี ค.ศ. 1990 โดยจิตรกร มิโรสลาฟ ซูเตจ์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตราแผ่นดิน แม้ว่าจะถูกดัดแปลงเล็กน้อยโดยล็อตโต (ในปี ค.ศ. 1998 ตาหมากรุกได้ย้ายไปอยู่ด้านขวา ขณะที่ด้านซ้ายเป็นสีขาวล้วน) และไนกี้ ตั้งแต่ดั้งเดิม ตาหมากรุกถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของเอกลักษณ์ของชาติและการออกแบบที่คล้ายกันถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหมดของทีมชาติโครเอเชีย[7]

ประวัติชุดแข่งขัน

[แก้]
1990 - ชุดตาหมากรุกแบบแรก
1996–1997
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
1998–2000
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2002–2004
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2004–2006
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2006–2008
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2008–2010
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2010–2012
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2012–2014
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2014–2016
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
2016–
ชุดแข่งขันแบบที่ 1
1940 - ชุดแข่งขันอย่างเป็นทางการแบบแรก
1996–1997
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
1998–2000
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2002–2004
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2004–2006
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2006–2008
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2008–2010
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2010–2012
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2012–2014
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2014–2016
ชุดแข่งขันแบบที่ 2
2016–
ชุดแข่งขันแบบที่ 2

หมายเหตุ: ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ชุดแข่งขันของโครเอเชียได้รับการโหวตจากผู้อ่านเว็บไซต์สำนักข่าวสกายสปอร์ตว่าเป็นชุดแข่งขันที่สวยที่สุดในครั้งนี้ เป็นอันดับ 2 (โดยอันดับ 1 คือ ฝรั่งเศส) และการแข่งขันรอบแรก โครเอเชียสวมชุดแข่งขันแบบที่ 2 ซึ่งเป็นสีน้ำเงินล้วนทั้ง 3 นัด[8]

เกียรติประวัติ

[แก้]

รายการหลัก

รายการรอง

  • ถ้วยรางวัลฮัสซันที่สอง
    • ชนะเลิศ: 1996
  • คิรินคัพ
    • รองชนะเลิศ: 1997
  • โคเรียคัพ
    • ชนะเลิศ: 1999
  • คาลส์เบิร์กคัพ
    • อันดับที่สาม: 2006

รางวัลอื่น ๆ

  • Best Mover of the Year
    • 1994
    • 1998

อ้างอิง

[แก้]
  1. "The FIFA/Coca-Cola Men's World Ranking". FIFA. 17 ตุลาคม 2025. สืบค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2025.
  2. โครเอเชีย จะเข้ารอบสองได้หรือไม่ อิตาลีจะเป็นตัวชี้ชะตา, หน้า 21 เดลินิวส์ : เสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 แรม 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง โดย นพ.วิชาญ-พิเชษฐ์ เกิดวิชัย
  3. "สเปน-ตราไก่ เต็งแชมป์ บอลยูโร 2016 โพย-บ่อนผู้ดี 'อังกฤษ' บ๊วย!". ไทยรัฐ. 23 June 2016. สืบค้นเมื่อ 24 June 2016.
  4. "Murat Yakin gibt Schweizer WM-Aufgebot bekannt". Swiss Football Association (ภาษาเยอรมัน). 9 November 2022. สืบค้นเมื่อ 9 November 2022.
  5. "France-Croatia | UEFA Nations League 2023 | UEFA.com". UEFA.
  6. "Most Croatia Caps - EU-Football.info". eu-football.info.
  7. Mario Duspara; Tanja Simić (20 February 2006). "Hrvatske kocke opet modni hit" [Croatian chequy are fashionable again] (ภาษาโครเอเชีย). Nacional (weekly). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-30. สืบค้นเมื่อ 30 June 2012.
  8. "10 เครื่องแบบสุดซี๊ดใน ยูโร 2016". smmsport. 8 June 2016. สืบค้นเมื่อ 24 June 2016.[ลิงก์เสีย]

เชิงอรรถ

[แก้]
หนังสือ
  • Ramet. P, Sabrina (2005). Thinking about Yugoslavia. Cambridge University. ISBN 0-521-85151-3.
  • Klemenčić, Mladen (2004). Nogometni leksikon. Miroslav Krleža lexicographic institute. ISBN 953-6036-84-3.
  • Foster, Jane (2004). Footprint Croatia. Footprint Travel Guides. ISBN 1-903471-79-6.
  • Bellamy. J, Alex (2003). The Formation of Croatian National Identity. Manchester University Press. ISBN 0-7190-6502-X.
  • Giulianotti, Richard (1997). Entering the Field: New Perspectives on World Football. Berg Publishers. ISBN 1-85973-198-8.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]