ข้ามไปเนื้อหา

เหตุปะทะชายแดนไทย–เวียดนาม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุปะทะชายแดนไทย–เวียดนาม
ส่วนหนึ่งของ สงครามอินโดจีนครั้งที่สาม, สงครามกัมพูชา–เวียดนาม, และสงครามเย็น

แผนที่ยุทธศาสตร์ของกองกำลังต่อต้านเวียดนามตามแนวชายแดน
วันที่พ.ศ. 2522 – 2532 (10 ปี)
สถานที่
ผล

กลับสู่สถานะเดิมก่อนสงคราม

  • ฐานที่มั่นของกลุ่มกองโจรคอมมิวนิสต์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาจำนวนมากถูกทำลาย
  • เกิดการสู้รบที่พัฒนาเป็นความขัดแย้งทางทหารอย่างเปิดเผยระหว่างเวียดนามและไทย
  • กองทัพเวียดนามถอนกำลังออกจากพื้นที่ชายแดนใน พ.ศ. 2532
คู่สงคราม

ได้รับการสนับสนุนจาก:

ได้รับการสนับสนุนจาก:

ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
กำลัง
200,000 – 400,000 นาย 44,000 นาย (ในพื้นที่ชายแดน)
135,000 – 170,000 นาย (รวมทั้งหมด)
ความสูญเสีย
ไม่ทราบแน่ชัด ไม่ทราบแน่ชัด

เหตุปะทะชายแดนไทย–เวียดนาม หรือที่เรียกกันในภายหลังว่า สมรภูมิช่องบก เป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งทางทหารซึ่งเกิดขึ้นหลังจากกองทัพประชาชนเวียดนามเปิดฉากรุกรานกัมพูชาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2521 โดยมีเป้าหมายโค่นล้มรัฏฐาภิบาลผสมกัมพูชาประชาธิปไตยของพล พต ผู้นำเขมรแดง ที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ พ.ศ. 2518 การรุกรานครั้งนี้ส่งผลให้กองกำลังเขมรแดงจำนวนมากล่าถอยไปยังบริเวณตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา ซึ่งมีแนวชายแดนติดกับประเทศไทย ทำให้พื้นที่ชายแดนกลายเป็นฐานที่มั่นใหม่ของกลุ่มต่อต้านเวียดนาม และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการปะทะระหว่างฝ่ายเวียดนามกับกลุ่มกัมพูชาฝ่ายต่อต้าน

ในช่วงเวลาดังกล่าว มีกลุ่มชาวกัมพูชาที่ต่อต้านการยึดครองของเวียดนามหลักอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ พรรคกัมพูชาประชาธิปไตย (เขมรแดง) นำโดยพล พต และเขียว สัมพัน ซึ่งยังคงมีกำลังพลราว 40,000 นาย โดยตั้งฐานในพื้นที่พนมกระวันและแถบตะวันตกของจังหวัดพระตะบอง แนวร่วมปลดปล่อยชาติเขมร ภายใต้การนำของซอน ซาน มีกำลังราว 4,000 นาย และพรรคฟุนซินเปก ภายใต้การนำของ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ กลุ่มเหล่านี้ใช้พื้นที่ใกล้ชายแดนไทยเพื่อความสะดวกในการล่าถอยข้ามแดนเมื่อเผชิญกับการโจมตีจากกองทัพเวียดนามและรัฐบาลภายใต้การควบคุมของเฮง สัมริน

เวียดนามมองว่าการที่กลุ่มต่อต้านสามารถถอยร่นเข้ามาในดินแดนไทยได้ เป็นผลจากการที่รัฐบาลไทยในขณะนั้น "ยินยอมโดยปริยาย" ให้ใช้พื้นที่เป็นเขตรักษาความปลอดภัยและจุดตั้งฐานหลัง ทำให้เกิดการปะทะตามแนวชายแดนอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะในเขตอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ที่รู้จักกันในชื่อ "ช่องบก" ซึ่งกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ทั้งฝ่ายเวียดนามและฝ่ายต่อต้านช่วงชิงกันอย่างดุเดือด ความขัดแย้งชายแดนดังกล่าวดำเนินอยู่ต่อเนื่องในช่วงต้นทศวรรษ 2520 ถึงต้นทศวรรษ 2530 ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–เวียดนาม และนำไปสู่ปัญหาผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาที่ทะลักเข้าสู่ไทยนับแสนคน

ชนวนเหตุ

[แก้]
  • การโจมตีบ้านโนนหมากมุ่น อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสระแก้ว) ในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2523 เวียดนามได้ส่งกองกำลัง 2 กองร้อยล้ำเข้ามาในดินแดนไทย ฝ่ายได้ไทยส่งกำลังไปป้องกัน ส่งผลให้ฝ่ายไทยเสียชีวิต 18 นาย ถูกจับ 2 นาย หลังจากนั้นไทยได้ทำการตอบโต้ส่งกำลังพลบุกโจมตีกลับ ผลคือ กำลังพลเวียดนาม เสียชีวิต 30 นาย เชลยศึก 2 นาย ถูกไทยชิงตัวกลับ และ สามารถยึดบ้านโนนหมากมุ่นคืนมาได้สำเร็จ
  • ช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2524 กองทัพเวียดนามและกำลังของของเฮง สัมริน ล่วงเข้าดินแดนไทยลึก 500 เมตร ที่หมู่บ้านสะแดง อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี และได้ปะทะกับทหารไทย ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย และเมื่อวันที่ 3 มกราคม มีการยิงกระสุนอาวุธหนักเข้ามาในเขตไทย ทำให้เจ้าหน้าที่และราษฎรของไทยเสียชีวิตรวม 10 คน
  • กองทัพเวียดนามและกองกำลังของเฮง สัมริน ได้บุกเข้ามาในเขตไทยที่บ้านซับตารี ตำบลปะตง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 และได้ปะทะกับตำรวจตระเวนชายแดน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 นาย และตลอดทั้งปีได้มีการลุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทยหลายครั้ง
  • เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2526 เวียดนามได้ส่งกำลังโจมตีค่ายอพยพชาวกัมพูชาที่ตรงข้ามบ้านหนองจาน อำเภอตราพระยา จังหวัดปราจีนบุรี โดยได้เผาทำลายที่พักอาศัยและโรงพยาบาลจนหมดสิ้น มีชาวกัมพูชาบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ชาวกัมพูชาประมาณ 23,000 คน ได้หลบหนีเข้ามาในอธิปไตยของไทย เวียดนามยังได้ยิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในดินแดนไทยหลายสิบนัด เป็นผลให้ราษฎรไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย
  • ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 2 เมษายน พ.ศ. 2526 กำลังทหารเวียดนาม 1 กองพล สนับสนุนด้วยปืนใหญ่และรถถัง ได้เข้าโจมตีชาวกัมพูชาที่จังกาโก เขาพนมฉัตร และค่ายผู้อพยพตรงข้ามบ้านโคกทหาร ทำให้ชาวกัมพูชาเสียชีวิตหลายคน ที่พักและโรงพยาบาลถูกเผา และมีชาวกัมพูชาประมาณ 20,000 คนอพยพเข้าสู่เขตไทย
  • ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2527 เวียดนามได้ส่งกองกำลังเข้าโจมตีค่ายผู้อพยพของกัมพูชา ตรงข้ามกับหมู่บ้านสำโรงเกียรติ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ชาวกัมพูชาหลายหมื่นคนได้อพยพเข้าสู่ดินแดนไทย และกองกำลังเวียดนาม 1 กองพันได้บุกรุกเข้าสู่ดินแดนไทยทางช่องเขาพระพะลัยและได้ปะทะกับทหารไทย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
  • ช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2527 เวียดนามได้ส่งกองกำลังพร้อมด้วยปืนใหญ่ และรถถังเข้าโจมตีค่ายอพยพกัมพูชาที่หมู่บ้านตาตูม ค่ายผู้อพยพอัมปิล และค่ายผู้อพยพบ้านสุขสันต์ ทำให้มีชาวกัมพูชาประมาณ 80,000 คนอพยพเข้าสู่เขตไทย
  • ในช่วงปลายปี 2527 ถึงต้นปี 2528 ทหารเวียดนามได้เข้าโจมตีชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝ่ายซอนซานตลอดแนวชายแดนไทย โดยสามารถยึดชุมนุมเหล่านี้ได้หมด ทำให้ชาวกัมพูชาได้อพยพเข่ามาในเขตไทยรวม 160,000 คน
  • ในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528 ทหารเวียดนามได้เข้าโจมตีที่ตั้งหมวดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 239 บ้านตระเวง อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ทำให้เจ้าหน้าไทยเสียชีวิต 18 นาย บาดเจ็บ 34 นาย
  • ในปีเดียวกัน ทหารของเวียดนามได้โจมตีค่ายอพยพที่บ้านหนองจาน และมีการปะทะกันทางทหารรัฐบาลผสม 3 ฝ่าย ติดต่อกันหลายวัน ทำให้ผู้อพยพชาวกัมพูชาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์รวม 62 คน เสียชีวิต 6 คน ค่ายผู้อพยพถูกทำลายเสียหาย และส่งผลให้ผู้อพยพจำนวน 22,262 คน ได้อพยพเข้ามาในเขตไทย
  • ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ทหารเวียดนามได้ระดมกำลังโจมตีชุมนุมชาวกัมพูชาซึ่งเป็นกลุ่มเขมรแดง ทำให้ชาวกัมพูชาประมาณ 60,000 คน ได้หลบหนีเข้ามายังเขตไทยในช่วงเดือนกุมพาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม เวียดนามได้ปฏิบัติการอย่างรุนแรงที่สุด โดยในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ทหารเวียดนามได้ยิงปืนใหญ่เข้ามายังเขตไทยที่เนิน 347 อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
  • ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2528 กองทัพเวียดนามได้โจมตีฐานที่มันของไทยที่เนิน 361, 400 และ 427 โดยยึดพื้นที่บางส่วนของเนิน 361 ทหารไทยเสียชีวิต 7 นาย บาดเจ็บ 34 นาย และสูญหาย 3 นาย โดยก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน กองกำลังเวียดนามประมาณ 100 คนได้ลุกล้ำเขตเขตไทยที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากชายแดนไทย–กัมพูชา 10 กิโลเมตร และจับคุมราษฎรไทย 62 คน ฆ่าตาย 11 คน และทหารไทยที่ส่งไปช่วยราษฎรดังกล่าวได้ปะทะกับกองกำลังเวียดนามทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 5 นาย
  • ในช่วงระหว่างวันที่ 5–10 มีนาคม พ.ศ. 2528 กองกำลังเวียดนามได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และรุกล้ำดินแดนไทย ในพื้นที่อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ทำให้ราษฎรไทยกว่า 7,500 คน ต้องหลบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยมีราษฎรเสียชีวิต 3 คน บ้านเรือนเสียหาย 40 หลังและโรงเรียนเสียหาย 1 แห่ง
  • ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2528 กองกำลังเวียดนามได้เข้าโจมตีฐานของเจ้านโรดม สีหนุในเขตกัมพูชา และรุกล้ำเข้ามาในเขตไทยในอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ มีการปะทะกับทหารไทย ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 11 นาย บาดเจ็บ 68 นาย สูญหาย 3 นาย
  • ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2529 ทหารเวียดนามได้เข้ามาวางระเบิดในเขตไทยหลายครั้ง ซึ่งเป็นผลให้ทหารและราษฎรไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนี้ก็ยังมีการรุกล้ำเข้ามายังเขตไทยหลายครั้ง

หลังจากสิ้นสุด

[แก้]

ขณะนั้นถือได้ว่ากองทัพไทยเมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนามแล้วนั้นถือได้ว่าเทียบกันไม่ติดเนื่องจากกองกำลังทางทหารของฝ่ายไทยไม่เคยผ่านการรบมาก่อนหรือถ้าผ่านก็เป็นการรบแบบสมัยใหม่ซึ่งมีแนวการรบแบบสหรัฐอเมริกาซึ่งแตกต่างกับเวียดนามซึ่งกองกำลังของเวียดนามมีทักษะในการรบที่ดีกว่าและรู้วิธีการรบแบบกองโจร นอกจากนี้ทหารของเวียดนามก็ยังมีประสบการณ์รบจากสงครามเวียดนาม ขณะที่เวียดนามบุกกัมพูชานั้นกองกำลังทางทหารของเวียดนามมีจำนวน 875,000 นาย โดยที่ยังไม่รวมกำลังทหารของฝ่ายเฮง สัมริน ที่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ด้วยการรบแบบกองโจร และการรบแบบสมัยใหม่ ขณะที่ฝ่ายไทยนั้นมีประสบการณ์เพียงเรื่องการปราบปรามกองโจรและมีทหารหน่วยที่ผ่านสงครามในลาวและเวียดนามซึ่งชำนาญการรบแบบหลักนิยมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องมีอำนาจการยิงที่เหนือกว่าจึงจะทำการรบได้ นอกจากนี้เวียดนามยังมีอาวุธที่เหลือจากสงครามเวียดนามอยู่มาก รวมทั้งในระหว่างปี พ.ศ. 2521 – 2531 นี้เวียดนามได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหภาพโซเวียตเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อพัฒนากองทัพให้ทันสมัยและเพื่อการปราบปรามฝ่ายต่อต่านในการกัมพูชา จึงกล่าวได้ว่าไทยมีขีดความสามารถที่ด้อยกว่าเวียดนามอยู่มาก

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Diplomats Recall Cambodia After the Khmer Rouge - The Cambodia Daily". The Cambodia Daily. 5 April 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-29. สืบค้นเมื่อ 29 June 2018.
  2. Weiss, Thomas G.; Evans, Gareth J.; Hubert, Don; Sahnoun, Mohamed (2001). The Responsibility to Protect. International Development Research Centre (Canada). p. 58. ISBN 9780889369634.
  3. "When Moscow helped topple the Khmer Rouge". 19 March 2016.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]