ข้ามไปเนื้อหา

สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
โจโกโง (จักรพรรดินีพระพันปีหลวง)
พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2557
จักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น
ดำรงพระยศ7 มกราคม พ.ศ. 2532 – 30 เมษายน พ.ศ. 2562
สถาปนา12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533
พระราชสมภพ20 ตุลาคม พ.ศ. 2477 (91 พรรษา)
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียว นครโตเกียว จักรวรรดิญี่ปุ่น
พระราชสวามีสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ (พ.ศ. 2502–ปัจจุบัน)
พระราชบุตร
ราชวงศ์ญี่ปุ่น (อภิเษกสมรส)
พระราชบิดาฮิเดซาบูโร โชดะ
พระราชมารดาฟูมิโกะ โซเอจิมะ
ศาสนาชินโต

สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ (ญี่ปุ่น: 上皇后陛下[1] (美智子); โรมาจิ: Jōkōgō Heka (Michiko); อังกฤษ: Her Majesty the Empress Emerita (Michiko)[2]) ทรงเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ที่ 125 ของญี่ปุ่น และทรงเป็นพระราชมารดาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะและเจ้าชายฟูมิฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น

พระนามเดิม "มิจิโกะ โชดะ" (ญี่ปุ่น: 正田 美智子; โรมาจิ: Shōda Michiko) ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารี (พระวรชายาในมกุฎราชกุมาร) หลังจากอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2502 ถัดมาทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี เมื่อพระราชสวามีเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532[2]

ปัจจุบันทรงดำรงพระอิสริยยศ "โจโกโง" (上皇后) หรือพระอัครมเหสีในอดีตจักรพรรดิ หลังจากที่พระราชสวามีสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 โดยสื่อไทยมีการระบุพระอิสริยยศของพระองค์ว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวง"[3][4]

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นเบิร์ชขาวญี่ปุ่น (白樺)[1]

ที่ประทับหลัก พระตำหนักเซ็นโต (仙洞御所) เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[5]

พระราชประวัติ

[แก้]

มิจิโกะ โชดะ

[แก้]

มิจิโกะ โชดะเกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2477[1] (ปีโชวะที่ 9) ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียว เขตฮงโกะ นครโตเกียว จังหวัดโตเกียว (ปัจจุบัน คือ เขตบุงเกียว กรุงโตเกียว) เธอเป็นบุตรของนายฮิเดซาบูโร โชดะ และนางฟูมิโกะ โชดะ (สกุลเดิม โซเอจิมะ)[6]

ณ ขณะนั้น นายฮิเดซาบูโร โชดะ (บิดา) ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท นิสชิน ฟลาวร์ มิลลิ่ง และเขาได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทในปี พ.ศ. 2488[7] ถัดมาในปี พ.ศ. 2544 บริษัทนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทผู้ถือหุ้น โดยใช้ชื่อบริษัทเป็น นิสชิน เซฟุง กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน

มิจิโกะ โชดะเป็นบุตรคนที่สองจากพี่-น้องทั้งหมด 4 คน โดยมีพี่ชาย 1 คน, น้องสาว 1 คน, และน้องชาย 1 คน[8] ได้แก่

  • อีวาโอะ โชดะ (พี่ชาย)
  • มิจิโกะ โชดะ
  • เอมิโกะ โชดะ (น้องสาว)
  • โอซามุ โชดะ (น้องชาย) ประธานคนแรกของบริษัทนิสชิน เซฟุง กรุ๊ป

พ.ศ. 2482 เมื่ออายุได้ 5 ปี เธอได้เข้าศึกษาระดับชั้นอนุบาล ณ โรงเรียนอนุบาลยามาโตะมูระ (大和郷幼稚園) (ปัจจุบันอยู่ในเขตบุงเกียว กรุงโตเกียว) ซึ่งในปีถัดมาเธอได้มีการย้ายที่พักอาศัย[9] จึงได้ย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลในเครือของโรงเรียนประถมศึกษาฟูตาบะ (雙葉小学校附属幼稚園) แทน

มิจิโกะ โชดะ อายุ 6 ปี

พ.ศ. 2484 เธอได้เข้าศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนประถมศึกษาฟูตาบะ (雙葉小学校)[10] (ปัจจุบันอยู่ในเขตชิโยดะ กรุงโตเกียว) อีกทั้งในวันที่ 8 ธันวาคม ปีเดียวกัน สงครามแปซิฟิกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้น

พ.ศ. 2487 ขณะที่เธอกำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สงครามแปซิฟิกได้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น มารดาได้พาลูกสาวทั้ง 2 คนรวมถึงลูกชายคนเล็ก อพยพไปอยู่ที่หอพักของบริษัทนิสชิน ณ หาดคูเกนูมะ เมืองฟูจิซาวะ จังหวัดคานางาวะ ส่วนบิดากับบุตรชายคนโตยังคงอยู่ที่โตเกียว ในระหว่างการอพยพนี้เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาคาตาเซะ โนงิ (片瀬乃木小学校) ถัดมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในยุทธการที่อิโอโต หาดคูเกนูมะมีโอกาสที่จะถูกโจมตีโดยเรือรบของกองทัพสหรัฐอเมริกา จึงได้พากันอพยพไปที่เมืองทาเตบายาชิ จังหวัดกุมมะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตระกูลโชดะ ในระหว่างนี้เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาทาเตบายาชิ มินามิ (館林南国民学校)[11][12] ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน สถานการณ์สงครามยิ่งเลวร้ายขึ้น จึงได้พากันอพยพอีกครั้งไปที่ บ้านพักตากอากาศในเมืองคารูอิซาวะ จังหวัดนางาโนะ โดยพำนักอยู่ที่นี่จนญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ซึ่งระหว่างนี้เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนแห่งชาติที่ 1 คารูอิซาวะ (軽井沢第一国民学校)[12][13] พอสถานการณ์เริ่มสงบจึงพากันย้ายกลับไปที่เมืองทาเตบายาชิ จังหวัดกุมมะ และกลับโตเกียวในปี พ.ศ. 2490[14]

พ.ศ. 2490 เธอได้เข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ที่โรงเรียนสตรีพระหฤทัย (聖心女子学院中等科) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[13]

พ.ศ. 2495 เธอได้เข้าศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาภาษาและวรรณคดีต่างประเทศ คณะวรรณคดี มหาวิทยาลัยพระหฤทัย (聖心女子大学) เขตชิบูยะ กรุงโตเกียว และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2500[1] หลังจากจบการศึกษา เธอได้เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรระยะสั้นในสาขาเดิมที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและออกซฟอร์ด[15]

การเสกสมรส

[แก้]
พระราชพิธีอภิเษกสมรส วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2502

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2500 มิจิโกะ โชดะได้พบกับมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะเป็นครั้งแรกในการแข่งขันเทนนิส ณ สนามเทนนิสของชมรมคารูอิซาวะ[16] มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะทรงโปรดเธอมาก ถึงกับนำรูปถ่ายของเธอไปจัดแสดงในนิทรรศการผลงานส่วนพระองค์ และตั้งชื่อรูปนั้นว่า "เพื่อนผู้หญิง" (女ともだち)[17] จนก่อให้เกิดข่าวลือต่าง ๆ หลังจากนั้นเธอได้เดินทางไปยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ซึ่งในเวลานั้นมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะก็ได้ทำการส่งจดหมายหาเธออยู่เรื่อย ๆ แต่ ณ ขณะนั้นเธอยังไม่มั่นว่าการแต่งงานกับราชวงศ์นั้นจะเป็นผลดีหรือไม่ เมื่อเธอกลับญี่ปุ่น มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะได้ทรงขอให้รุ่นน้องของพระองค์ช่วยติดต่อเธอทางโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อสื่อความในพระทัย จนเธอตอบรับคำขอแต่งงานของพระองค์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501[18]

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นเบิร์ชขาวญี่ปุ่น (白樺)

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 สภาราชวงศ์ได้อนุมัติการเสกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะและนางสาวมิจิโกะ โชดะ[1] โดยเธอเป็นสามัญชนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่จะได้เสกสมรสกับเจ้าชายในราชวงศ์ญี่ปุ่น[19] เนื่องจากในอดีตเจ้าชายจะอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์หรือบุตรสาวจากตระกูลขุนนางเท่านั้น

ในวันเดียวกัน เธอพร้อมกับบิดาและมารดาได้จัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน[20] ซึ่งเธอได้กล่าวความรู้สึกต่อมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะว่า "พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์มาก ทรงเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์และน่านับถืออย่างยิ่ง ทรงเป็นผู้ที่ดิฉันสามารถเชื่อมั่นและเคารพได้อย่างสุดหัวใจ"[21] โดยสื่อมวลชนได้เรียกเหตุการณ์พบรักของทั้งคู่ว่า "รักหวานในสนามเทนนิส" (romance of the tennis court) บ้างก็ว่าเป็น "เทพนิยาย" ที่เกิดขึ้นจริง[22] หลังจากงานแถลงข่าวส่งผลให้กระแสความนิยมของเธอถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยมีการตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า "มิจจิบูม" (ミッチーブーム)[23]

วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2502 มีการจัดพิธีโนไซ หรือพิธีหมั้น[1]

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2502 มีการจัดพิธีอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะกับนางสาวมิจิโกะ โชดะ[1] ซึ่งประกอบไปด้วยพิธีสักการะศาลเจ้าสามแห่ง ณ พระราชวังหลวงโตเกียว, พิธีเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ, และการจัดขบวนเสด็จจากพระราชวังหลวงโตเกียวไปยังที่ประทับชั่วคราวของมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นการเสด็จโดยรถม้าพระที่นั่งเป็นระยะทางกว่า 8.8 กิโลเมตรและยังมีการจัดการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อีกด้วย เนื่องด้วยกระแสของ "มิจจิบูม" ทำให้มีผู้คนเฝ้ารอรับเสด็จ ณ สองข้างทางถึง 530,000 คน[24] รวมถึงมียอดขายโทรทัศน์กว่า 3 ล้านเครื่อง[25] เพื่อที่จะได้รับชมการถ่ายทอดสดครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งผลคือมีผู้รับชมการถ่ายทอดสดกว่า 15 ล้านคน[21]

ในวันเดียวกัน มิจิโกะ โชดะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น 皇太子妃 (Kōtaishihi) ซึ่งมีการระบุพระนามในภาษาอังกฤษเป็น Crown Princess Michiko[26][27] (มกุฎราชกุมารีมิจิโกะ) และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นประถมาภรณ์ (มงกุฎดอกพอโลเนีย)[24]

ถึงแม้กระแสนิยมของพระองค์จะมีมาก แต่ก็ยังมีประชาชน รวมถึงสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะและข้าราชบริพารบางส่วนไม่พอใจพระองค์เช่นกัน[28] เนื่องจากพื้นเพครอบครัวของพระองค์เป็นคริสตัง[29] แม้พระองค์จะไม่เคยรับศีลล้างบาป แต่ก็ทรงศึกษาในโรงเรียนศาสนาคริสต์มาก่อน อีกทั้งยังไม่ใช่บุตรหลานตระกูลขุนนางอีกด้วย จึงทำให้มีกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งเคยขู่ที่จะปองร้ายพระองค์ จนทำให้ครอบครัวโชดะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่คอยอารักขาความปลอดภัย[22] จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ส่งผลให้พระองค์ต้องรับแรงกดดันเป็นอย่างมาก จนทำให้พระวรกายซูบผอมลงและประชวรจากความเครียด[28][30]

มกุฎราชกุมารีมิจิโกะ

[แก้]
(ซ้ายไปขวา) เจ้าชายฮิโระ, มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ, มกุฎราชกุมารีมิจิโกะ, เจ้าชายอายะ และเจ้าหญิงโนริ (ด้านหน้า) เมื่อ พ.ศ. 2512

มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะและมกุฎราชกุมารีมิจิโกะ ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกัน 3 พระองค์ ได้แก่

พ.ศ. 2503 หลังการประสูติพระราชโอรสพระองค์แรก มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะและมกุฎราชกุมารีมิจิโกะ ทรงย้ายไปประทับที่พระตำหนักโทงู หลังจากที่การปรับปรุงแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับตามพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร [31]

ก่อนที่พระองค์จะทรงพระครรภ์เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2506 มีการรายงานข่าวออกมาว่าพระองค์ทรงพระครรภ์พระราชบุตรพระองค์ที่สอง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2506 พระองค์ได้เสด็จเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากทรงเกิดภาวะการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก (รกและตัวอ่อนไม่เจริญขึ้นตามปกติ) และทรงเข้ารับการผ่าตัดเพื่อยุติการตั้งพระครรภ์ในวันถัดมา[32] โดยมีรายงานออกมาว่า "การดำเนินการดังกล่าวได้รับคำปรึกษาจากศาสตราจารย์ทากาชิ โคบายาชิ ที่ทำการประสูติเจ้าชายฮิโระ พระราชโอรสพระองค์แรกที่มีพระชันษา 3 ปี เจ้าหญิงซึ่งมีพระชนมายุ 28 พรรษานี้มีพระพลานามัยที่ไม่แข็งแรงเนื่องจากการประกอบพระกรณียกิจอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนทรงพระครรภ์"[33]

ทั้งสองพระองค์ทรงตกลงกันว่าจะไม่เลี้ยงดูพระราชบุตรตามธรรมเนียมราชสำนักเดิม อันได้แก่ ทรงเลี้ยงดูพระราชบุตรด้วยพระองค์เองตั้งแต่แรกประสูติ[34][35] ซึ่งธรรมเนียมเดิมข้าราชบริพารจะรับหน้าที่เลี้ยงดูเมื่อพระโอรส/พระธิดามีพระชนมายุ 3 ชันษา[36], ทรงให้พระเกษียรธารา (น้ำนม) แก่พระราชบุตรโดยพระองค์เอง[37] ซึ่งธรรมเนียมเดิมจะให้โดยแม่นม และทรงส่งพระราชบุตรไปศึกษาที่โรงเรียนแทนที่จะให้เรียนกับพระอาจารย์ส่วนพระองค์ในพระตำหนัก[38]

สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ

[แก้]
ฉลองพระองค์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2533

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะเสด็จสวรรคต จึงทำให้มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ พระราชสวามี เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ที่ 125 ของญี่ปุ่น ซึ่งมกุฎราชกุมารีมิจิโกะก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "โคโง" (皇后) หรือสมเด็จพระจักรพรรดินีในวันเดียวกัน

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 มีการจัดพระราชพิธี "โซกุยเรเซเด็น" (即位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[39] ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ได้เสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "ทาคามิกูระ" (高御座) ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะได้เสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "มิโชได" (御帳台) ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว โดยฉลองพระองค์ประกอบไปด้วย

  • ฉลองพระองค์ชุด "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้น โดยชุดคลุมชั้นนอกสุดมีสีขาว ส่วนชุดคลุมชั้นในจะเป็นสีเขียวอ่อน
  • เกล้าพระเกศาแบบ "โอตสึเบรากาชิ" (御垂髪) และประดับด้วย "ฮิราบิไท" (平額)
  • พระหัตถ์ถือฮิโอกิ (桧扇) หรือพัดญี่ปุ่นที่ทำจากไม้สน

ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้มีผู้แทนจากประเทศต่างๆ จำนวน 158 ประเทศเข้าร่วมในงาน[39]

จักรพรรดิอากิฮิโตะและจักรพรรดินีมิจิโกะ พ.ศ. 2552

ในวันเดียวกัน มีการจัดพระราชพิธี "โชกูงะ อนเร็ตสึ" (祝賀御列の儀) หรือพระราชพิธีขบวนแห่เฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ ประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปยังเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) โดยมีประชาชนกว่า 117,000 คนร่วมรับเสด็จตลอดสองข้างทาง[40][41]

วันที่ 22 - 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 มีการจัดพระราชพิธี "ไดโจไซ" (大嘗宮の儀)[42] ซึ่งเป็นโบราณราชพิธีหลังจากการขึ้นครองราชสมบัติของจักรพรรดิ โดยจัดขึ้นในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืดวันถัดไป พระราชพิธีนี้เป็นพิธีอธิษฐานของจักรพรรดิเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนสงบสุข รวมถึงขอให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงฉลองพระองค์ในชุด "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้นสีขาวบริสุทธิ์ และเกล้าพระเกศาแบบ "โอตสึเบรากาชิ" (御垂髪)

เดือนธันวาคม พ.ศ. 2536 ทรงย้ายที่ประทับจากพระตำหนักโทงู เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) ไปประทับที่พระตำหนักโกโช (御所) พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว[43]

เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี ทรงเปิดเผยพระราชประสงค์ที่จะสละราชสมบัติครั้งแรกต่อคณะที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง และในเดือนถัดมา พระราชสวามีก็ทรงมีพระราชดำรัสที่สื่อถึงพระราชประสงค์ว่า "เมื่อพิจารณาถึงสุขภาพของข้าพเจ้าที่เสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติกิจในฐานะสัญลักษณ์ของชาติด้วยกายและวิญญาณเหมือนที่เคยเป็นมา" สำนักพระราชวังจึงมีการทบทวนและทยอยลดพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะลงในเบื้องต้น โดยส่งต่อให้กับพระราชโอรส ยกเว้นพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่พระองค์ยังคงดำเนินอยู่[44]

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 สภาราชวงศ์ญี่ปุ่นได้มีมติกำหนดวันสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี เป็นวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 และวันขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิพระองค์ใหม่ (มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ) พระราชโอรส ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[45]

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิ[46]

พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการคู่กับสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พร้อมทั้งแสวงหาแนวทางในการเป็น "สัญลักษณ์ของประเทศ" ตั้งแต่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารี จนกระทั่งพระราชสวามีสละราชสมบัติ รวมเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี

สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ

[แก้]
ราชวงศ์ญี่ปุ่น พ.ศ. 2563

วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "ไทเรเซเดน" (退位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี ณ พระราชวังหลวงโตเกียว[47]

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 00:00 นาฬิกา กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิได้มีการบังคับใช้[48] จึงทำให้มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ พระราชโอรส เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ อีกทั้งตามกฎหมายพิเศษ ได้กำหนดให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะดำรงพระอิสริยยศ "โจโกโง" (ญี่ปุ่น: 上皇后[49]; อังกฤษ: The Empress Emerita[50]) หรือ พระอัครมเหสีในอดีตจักรพรรดิ ซึ่งสื่อไทยมีการระบุพระอิสริยยศของพระองค์ว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวง"[3][4]

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 สมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะกับพระองค์ได้ย้ายที่ประทับจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปประทับที่พระตำหนักเซ็นโต (仙洞御所) เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[51]

หลังจากการสละราชสมบัติของพระราชสวามี พระองค์ทรงส่งต่อพระราชกรณียกิจไปยังพระราชโอรส พระสุณิสา รวมถึงพระราชนัดดา และปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนน้อยลง เนื่องจากพระชนมายุที่มากขึ้นและปัญหาทางด้านพระพลานามัย

พระพลานามัย

[แก้]
  • หลังจากที่พระองค์อภิเษกสมรส พระองค์ประสบกับความกดดันและความเครียดมากมาย เนื่องจากทรงเป็นสามัญชนคนแรกที่เสกสมรสเข้าราชวงศ์ อีกทั้งการจบจากมหาวิทยาลัยคริสต์ จนก่อให้เกิดปัญหาทั้งทางสุขภาพกายและสุขภาพจิต[38]
  • พ.ศ. 2529 ทรงเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในกล่องพระสกุล (มดลูก) ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง เมื่อพระองค์ทรงออกจากโรงพยาบาล มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ (พระยศ ณ ขณะนั้น), เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) และเจ้าหญิงโนริ (ซายาโกะ) เสด็จมารับที่โรงพยาบาล พระองค์ถึงกับซบพระพักตร์ที่พระอุระของพระราชสวามี[52][53]
  • เดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ทรงมีอาการร้อนใน, มีพระโลหิตกำเดาไหล และมีพระโลหิตตกในพระอันตคุณ (ลำไส้) สาเหตุมาจากความเครียด[38][54]
  • วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ระหว่างที่ทรงตรวจพระวรกายเพื่อเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก แพทย์ได้พบอาการลิ้นพระหทัยรั่วและภาวะพระหทัยเต้นผิดจังหวะ แพทย์จึงให้คำแนะนำว่าควรจะงดกิจวัตรประจำวันที่กระทบต่อพระวรกายและจิตใจ[55]
  • วันที่ 16 และ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ทรงเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกที่พระเนตรข้างขวาและข้างซ้าย ตามลำดับ ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี[55]
  • วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562 ทรงเข้ารับการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งที่พระถัน (เต้านม) ออก ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี และทรงออกจากโรงพยาบาลได้ภายในสองวันหลังจากการผ่าตัด[56]
  • วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ทรงมีอาการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่พระอาการไม่รุนแรง[57]
  • วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ทรงหกล้ม ณ พระตำหนักเซ็นโต ที่ประทับ ส่งผลให้กระดูกต้นขาขวาช่วงบนหัก ทรงเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียวในวันที่ 8 ตุลาคม และทรงออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 13 ตุลาคม[58]

พระราชกรณียกิจ

[แก้]
เนื่องในวโรกาสวันพระราชสมภพสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2548

ในช่วงที่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศจักรพรรดินี พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจคู่กับสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ดังนี้

พิธีราชสำนัก

[แก้]
  • ทุกวันที่ 1 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-ชูกูงะ" (新年祝賀の儀) เพื่อรับการถวายพระพรปีใหม่ จากพระบรมวงศานุวงศ์และคณะรัฐมนตรี ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[59]
  • ทุกวันที่ 2 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-อิปปัน-ซังงะ" (新年一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[60]
  • ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) ซึ่งเป็นการเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[61]
  • ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "อูตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始の儀) ซึ่งเป็นพิธีการขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[62]
  • ทุกวันที่ 23 ธันวาคมของทุกปี มีการจัดพิธี "เท็นโน-ทันโจบิ-อิปปัน-ซังงะ" (天皇誕生日一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิโตะ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[63]
  • ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ทรงเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่สมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเจ้าภาพ เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) กรุงโตเกียว[64]

การรำลึกถึงสงคราม

[แก้]
ทรงวางพวงมาลารำลึก ณ รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2552

การเสด็จฯไปในพิธีรำลึกสงครามเนื่องในโอกาสครบรอบที่สำคัญเป็นประจำ เพื่อแสดงความเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงคราม เช่น

ด้านธรรมชาติ

[แก้]

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เช่น

  • ทรงร่วมงานปลูกต้นไม้แห่งชาติ (全国植樹祭) เป็นประจำทุกปี[67]
  • ทรงร่วมชมการแข่งขันประมงแห่งชาติเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล (全国豊かな海づくり大会) เป็นประจำทุกปี[68]

ด้านกีฬา

[แก้]
กีฬาโตเกียวพาราลิมปิค พ.ศ. 2507

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านส่งเสริมการกีฬา เช่น

  • ทรงร่วมพิธีเปิดงานการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ (国民体育大会) เป็นประจำทุกปี[68][69]
  • วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 ทรงร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 1998[70]
  • ทรงร่วมชมการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เช่น แกรนด์ซูโม่ทัวร์นาเมนต์[71], เบสบอล[72], บาสเก็ตบอล[73]

ด้านเยาวชน

[แก้]

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมเยาวชน เช่น

  • เสด็จฯเยี่ยมชมชั้นเรียน ณ โรงเรียนประถมศึกษา เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ[74]
  • ทรงร่วมพิธีฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น[75]
  • ทรงร่วมพิธีฉลองการเปิดหอสมุดเด็กนานาชาติ[75]
  • ทรงร่วมการประชุมการเลี้ยงดูเด็กแห่งชาติ[76]

ด้านศิลปะและวัฒนธรรม

[แก้]

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม เช่น

  • ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลของสถาบันศิลปะแห่งญี่ปุ่น[77]
  • ทรงร่วมพิธีฉลองเทศกาลศิลปะ[75]

ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

[แก้]

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น

  • ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลในงาน Japan Prize Award[78] ซึ่งเป็นพิธีมอบรางวัลให้แก่นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากทั่วโลกที่มีผลงานโดดเด่นและสร้างสรรค์ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น[79]
  • ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลของสถาบันชีววิทยาศาสตร์นานาชาติ[80]
ทรงร่วมงานของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการแห่งชาติ พ.ศ. 2552

ด้านผู้พิการ

[แก้]

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการสนับสนุนผู้พิการ เช่น

  • ทรงร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสำหรับผู้พิการแห่งชาติ[75]
  • ทรงร่วมพิธีฉลองครบรอบ การก่อตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการแห่งชาติและศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพแห่งชาติ[75]
  • ทรงร่วมการประชุมใหญ่เพื่อฉลองการครบรอบการก่อตั้งสมาคมผู้พิทักษ์เด็กและผู้ใหญ่ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง[75]

การเสด็จเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติ

[แก้]
  • เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2534 เสด็จฯเยือนเมืองชิมาบาระ จังหวัดนางาซากิ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากตระกอนภูเขาไฟอุนเซ็น-ฟูเก็น ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 43 ราย[68]
  • เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 เสด็จฯเยือนเกาะโอกูชิริ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากสึนามิ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด[68]
  • วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2538 เสด็จฯเยือนจังหวัดเฮียวโกะ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 6,400 ราย[68]
  • เดือนตุลาคม พ.ศ. 2547 เสด็จฯเยี่ยมผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่นีงาตะ-ชูเอ็ตสึ[81]
  • วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 เสด็จฯวางช่อดอกไม้รำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ[82] อีกทั้งเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ได้ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศ จึงต้องมีนโยบายในการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าบางช่วงเวลาในบางพื้นที่ โดยเขตชิโยดะซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงโตเกียวนั้นไม่ได้อยู่ในแผนการงดจ่ายกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ทรงร่วมงดใช้ไฟฟ้าวันละ 2 - 4 ชั่วโมงในพระตำหนักด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่วันที่ 15 - 23 มีนาคม พ.ศ. 2554[83]
  • เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 เสด็จฯเยี่ยมผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะ[84]

การเสด็จเยือนต่างจังหวัด

[แก้]

ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างจังหวัดครบทั้ง 47 จังหวัดตั้งแต่ที่ยังทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารี โดยหลังจากพระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดินีแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จฯเยือนครบทั้ง 47 จังหวัดเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2546 และเป็นครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2560[68]

การเสด็จเยือนต่างประเทศ[85][86][87][88]

[แก้]
ประเทศ วันที่ พระราชกรณียกิจ เสด็จพร้อมด้วย
 สหรัฐ 22 กันยายน - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2503 ทรงร่วมงานครบรอบ 100 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
3 - 10 ตุลาคม พ.ศ. 2530 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 อิหร่าน 12 พฤศจิกายน - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2503 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 เอธิโอเปีย
 อินเดีย
 เนปาล 12 พฤศจิกายน - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2503 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
20 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ทรงร่วมพิธีบรมราชาภิเษก

สมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระแห่งเนปาล

มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 ปากีสถาน 22 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 อินโดนีเซีย
 ฟิลิปปินส์ 5 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 เม็กซิโก 10 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 ไทย 14 - 21 ธันวาคม พ.ศ. 2507 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 เปรู 9 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 อาร์เจนตินา
 บราซิล 9 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
12 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ทรงร่วมงานครบรอบ 70 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 มาเลเซีย 19 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2513 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 สิงคโปร์
 อัฟกานิสถาน 3 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2514 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 ออสเตรเลีย 6 - 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 นิวซีแลนด์
 สเปน 11 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
23 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 จอร์แดน 8 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2519 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 ยูโกสลาเวีย
 สหราชอาณาจักร 8 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2519 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
26 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2524 ทรงร่วมพิธีอภิเษกสมรสเจ้าชายชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 ปารากวัย 12 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ทรงร่วมงานครบรอบ 70 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 โรมาเนีย 5 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2522 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 บัลแกเรีย
 ซาอุดีอาระเบีย 27 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม พ.ศ. 2524 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 ศรีลังกา
 แซมเบีย 10 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2526 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 แทนซาเนีย
 เคนยา
 ซาอีร์ 25 กุมภาพันธ์ - 8 มีนาคม พ.ศ. 2527 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 เซเนกัล
 ไอร์แลนด์ 23 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 เดนมาร์ก 1 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2528 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ
 นอร์เวย์
 สวีเดน
 ฟินแลนด์
ภายหลังการสถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดินี
 ไทย 26 กันยายน - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2534 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
8 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ทรงร่วมงานฉลองการครองราชสมบัติครบ 60 ปีของ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 มาเลเซีย 26 กันยายน - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2534 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 อินโดนีเซีย 26 กันยายน - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2534 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 จีน 23 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2535 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 เบลเยียม 6 - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ทรงร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
3 - 19 กันยายน พ.ศ. 2536 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
11 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ทรงร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม
 อิตาลี 3 - 19 กันยายน พ.ศ. 2536 เสด็จเยือนนครรัฐวาติกัน สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 เยอรมนี 3 - 19 กันยายน พ.ศ. 2536 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 สหรัฐ 10 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2537 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
3 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เสด็จเยือนรัฐฮาวายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

และทรงร่วมงานครบรอบ 50 ปีมูลนิธิทุนการศึกษา

เจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 ฝรั่งเศส 2 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2537 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 สเปน
 บราซิล 30 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2540 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 อาร์เจนตินา
 สหราชอาณาจักร 23 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2541 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
21 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ทรงร่วมงานตามคำทูลเชิญของสมาคม

Linnean Society of London เนื่องในวันครบรอบ 300 ปี

ชาตะกาลของคอล ฟ็อน ลินเนีย

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
16 - 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ทรงร่วมงานฉลองการครองราชสมบัติครบ 60 ปีของ

สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 เดนมาร์ก 23 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2541 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 เนเธอร์แลนด์ 20 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 สวีเดน 20 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
21 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 โปแลนด์ 6 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 ฮังการี
  สวิตเซอร์แลนด์ 28 กันยายน - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เสด็จร่วมการประชุมในงานครบรอบ 50 ปีขององค์กร

International Board on Books for Young People (IBBY)

ทรงเป็นจักรพรรดินีพระองค์แรกที่เสด็จต่างประเทศเพียงลำพัง[89]

 สิงคโปร์ 8 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2549 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 เอสโตเนีย 21 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 ลัตเวีย
 ลิทัวเนีย
 แคนาดา 3 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 อินเดีย 30 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 ปาเลา 8 - 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เสด็จเยือนเพื่อรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองครบรอบ 70 ปี สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 ฟิลิปปินส์ 26 - 30 มกราคม พ.ศ. 2559 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในโอกาส

ครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
 เวียดนาม 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม พ.ศ. 2560 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

โดยเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายของพระองค์ในรัชสมัยเฮเซ

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ

นอกจากนี้ ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในส่วนของพระองค์ ดังนี้

ตำแหน่งในองค์กร

[แก้]
  • พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2562 ประธานกิตติมศักดิ์ สภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社)[90]
  • หนึ่งในสามของผู้อุปถัมป์องค์กร International Board on Books for Young People (IBBY)[37] เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับนานาชาติที่มีจุดประสงค์ในการเชื่อมโยงหนังสือกับเยาวชน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซือริช ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  • สมาชิกกิตติมศักดิ์ International Youth Library[91]

สภากาชาดญี่ปุ่น

[แก้]

ตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社) จะเป็นตำแหน่งที่สืบทอดกันมาของสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ ทรงได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นองค์ประธานในการประชุมกาชาดแห่งชาติ และพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์แก่บุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปีแรกที่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศ จนกระทั่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี สละราชสมบัติในปี พ.ศ. 2562 พระองค์จึงดำรงพระอิสริยยศโจโกโง (พระพันปีหลวง) และได้ส่งต่อพระกรณียกิจให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ จักรพรรดินีพระองค์ใหม่[92] ซึ่งในงานการประชุมกาชาด จะมีแค่พระบรมวงศานุวงศ์หญิงที่เป็นพระชายาเข้าร่วม

การเลี้ยงไหม

[แก้]

การเลี้ยงไหมเป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจที่สืบทอดกันมาของสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยจักรพรรดินีโชเก็ง[93] เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตไหมเคยเป็นเสาหลักของการส่งออกของญี่ปุ่นในยุคเมจิ แม้ว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง อุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมจะเริ่มซบเซาลง แต่ในราชวงศ์ญี่ปุ่น กิจกรรมนี้ยังคงได้รับการรักษาไว้โดยจักรพรรดินีพระองค์ต่อ ๆ มาในฐานะประเพณีอันทรงคุณค่า[94] ซึ่งหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ พระองค์ก็ทรงสืบสานหน้าที่ในการดูแลโรงเลี้ยงไหมที่ชื่อว่า "โมมิจิยามะ" (紅葉山) ภายในพระราชวังหลวงโตเกียว[37] ต่อจากจักรพรรดินีโคจุง

พระราชนิพนธ์

[แก้]

หนังสือ

[แก้]
  • พ.ศ. 2534 หนังสือภาพ "はじめての やまのぼり" (The First Yamanobori)[95] ISBN 9784783401995
  • พ.ศ. 2535 หนังสือ "どうぶつたち" (The Animals) ทรงแปลและเรียบเรียงบทกวีของมิชิโอะ มาโดะ (まど・みちお) นักกวีวรรณกรรมเด็กชื่อดัง โดยหนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา[37] ISBN 978-4-915777-06-6
  • พ.ศ. 2541 หนังสือ "ふしぎなポケット" (The Magic Pocket) ทรงแปลและเรียบเรียงบทกวีของมิชิโอะ มาโดะ และได้ตีพิมพ์ที่สหรัฐอเมริกาเช่นกัน[37] ISBN 4-915777-21-9
  • พ.ศ. 2541 หนังสือ "橋をかける--子供時代の読書の思い出" ISBN 4-915777-22-7
  • นอกจากนี้ยังทรงแปลและเรียบเรียงบทกวีของมิชิโอะ มาโดะ และทำการตีพิมพ์อีก 2 เล่ม ได้แก่ Niji (Rainbow) และ Keshigomu (Eraser)[37]

เพลง

[แก้]
  • เพลง "ねむの木の子守歌" (Nemunoki no Komoriuta) เป็นเพลงที่แต่งถวายเจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) พระราชโอรส เนื่องในวันประสูติ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ซึ่งเนื้อร้องเป็นการแต่งจากบทกวีวากะที่พระองค์เคยนิพนธ์ขณะศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนทำนองแต่งโดยคุณมาซามิ ยามาโมโตะ[96]

พระเกียรติยศ

[แก้]
ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระจักรพรรดินี
พระพันปีหลวงมิจิโกะ
ธงประจำพระอิสริยยศ
สัญลักษณ์ต้นเบิร์ชขาวญี่ปุ่น (白樺)
คำยกย่องเฮกะ (陛下)
ลำดับโปเจียม4

ลำดับพระอิสริยยศ

[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

ญี่ปุ่น

[แก้]

ต่างประเทศ

[แก้]
ประเทศ ปีที่ได้รับ (พ.ศ) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แพรแถบ
 เยอรมนี เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชั้นที่ 1 พิเศษ
 นอร์เวย์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลาฟ
 กรีซ Order of the Redeemer ชั้น Grand Cross GRE Order Redeemer 1Class
 ลิทัวเนีย Order of Vytautas the Great with the Golden Chain LTU Order of Vytautas the Great with the Golden Chain BAR
 มาเลเซีย Order of the Crown of the Realm MY Darjah Utama Seri Mahkota Negara (Crown of the Realm) - DMN
 เบลเยียม เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลออปอล ชั้นประถมาภรณ์[97] BEL - Order of Leopold - Grand Cordon bar
 เอธิโอเปีย Order of the Queen of Sheba[98] Order of The Queen of Sheba (Ethiopia) ribbon
 ลักเซมเบิร์ก Order of the Gold Lion of the House of Nassau[99] Order of the Golden Lion of Nassau Ribbon bar
 เนเธอร์แลนด์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์สิงโตเนเธอร์แลนด์ ชั้นประถมาภรณ์[100] NLD Order of the Dutch Lion - Grand Cross BAR
 สวีเดน เครื่องราชอิสริยาภรณ์เซราฟีม[101] Seraphimerorden ribbon
 ไทย เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายใน)[102]
 เนปาล 2503 Order of Ojaswi Rajanya[103]
2518 เหรียญพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระแห่งเนปาล
 สเปน 2515 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อิซเบลลาชาวคาทอลิก ชั้นประถมาภรณ์[104][105] ESP Isabella Catholic Order GC
2537 เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระเจ้าการ์โลสที่ 3 ชั้นประถมาภรณ์[106][107] ESP Charles III Order GC
 โปรตุเกส 2536 เครื่องเสนาอิสริยาภรณ์นักบุญยากอบและพระขรรค์ ชั้นสายสร้อย[108]
2541 เครื่องอิสริยาภรณ์อิงฟังตึ เด. เอ็งรีกึ ชั้นสายสร้อย[108]
 เดนมาร์ก 2541 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไอยรา[109]
 ออสเตรีย 2543 เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาดารา[110] AUT Honour for Services to the Republic of Austria - 1st Class BAR
 ฟิลิปปินส์ 2545 Order of Gabriela Silang[111] PHL Order of Gabriela Silang
 โปแลนด์ 2545 Order of the White Eagle (Poland)[112]

เกร็ด

[แก้]
คฤหาสน์โชดะ เมื่อปี พ.ศ. 2501

สมัยพระเยาว์

[แก้]
  • ทรงเคยแบกพระสหายคนนึงที่ล้มลงเพราะปวดท้องเข้าห้องพยาบาลด้วยพระองค์เอง เนื่องจากไม่มีใครกล้าช่วยพระสหายคนนั้นเพราะมีเหาบนศีรษะ[11]
  • พระสหายที่เคยเรียนอยู่โรงเรียนประถมศึกษาทาเตบายาชิมินามิ จังหวัดกุมมะ ที่เดียวกับพระองค์ กล่าวถึงพระองค์ว่าทรงเป็นคนน่ารัก มีผมเป็นลอนหยิก มีรูปร่างโปร่งเพรียวสง่า และทรงเคยได้รับเลือกเป็นนักกีฬาวิ่งผลัด[14]
  • ทรงมีฉายาว่า "เทมเพิลจัง" โดยมีที่มาจากนักแสดงเด็กชาวอเมริกันชื่อ "เชอร์ลีย์ เทมเพิล" เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระเกศาหยักศกคล้ายเธอ[113]
  • ทรงมีพระนามลำลองว่า "มิจิ" (ミチ) หรือ "มิจจิ" (ミッチ)[114]
  • ครอบครัวของพระองค์นั้นนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก[29] แต่พระองค์ยังไม่เคยรับศีลล้างบาปมาก่อน
  • พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถึงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองที่เคยประสบในสมัยพระเยาว์ ความว่า "...เมื่อเข้าสู่ช่วงหลังสงครามโลก แม้ข้าพเจ้าจะเป็นเพียงเด็กประถม แต่ก็สัมผัสได้ถึงห้วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าต้องย้ายโรงเรียนถึง 5 ครั้ง ภายในเวลาเกือบ 3 ปี และทุกครั้งที่เข้าโรงเรียนใหม่ จะรู้สึกอึดอัดกับการปรับตัวให้เข้ากับการเรียนการสอนใหม่..."[115]
  • พระองค์เคยส่งบทกวีประกวดกับทางนิตยสารเด็กผู้หญิงชื่อ "ひまわり" (ฮิมาวาริ) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบทกวีของพระองค์ได้แข่งกับนักแสดงหญิงเมโกะ นากามูระ (中村メイコ) โดยผลัดกันได้ที่หนึ่งและที่สองแบบที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักตัวตนของกันและกันมาก่อน[116]

มหาวิทยาลัย

[แก้]
  • ทรงได้รับรางวัลนักศึกษาดีเด่น ซึ่งจะมอบให้เฉพาะนักศึกษาที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมเท่านั้น[117] และเป็นตัวแทนนักศึกษาในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษา[118]
  • ทรงได้รับใบอนุญาตการสอนภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา[118]
  • ทรงอยู่ชมรมนักร้องประสานเสียง, ชมรมเทนนิส, และชมรมละครของมหาวิทยาลัย เนื่องจากทรงมีพระวรกายที่สูง พระองค์จึงมักจะได้เล่นบทนักแสดงชาย และทำให้พระองค์กังวลพระทัยกับการเปร่งเสียงต่ำ[117][118]
  • ขณะที่ทรงเชียร์การแข่งขันเทนนิสในมหาวิทยาลัย พระองค์จะส่งเสียงเชียร์แบบติดตลกว่า "อ๊ะ แย่แล้ว!" (あっ、やばい!)[119]
  • ทรงเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสวัสดิการนักศึกษา และประธานสภานักศึกษา[118][37]
  • เนื่องจากทรงมีพระวรกายและรูปลักษณ์ที่งดงาม ผลการเรียนดี กีฬาเด่น จึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก[120] หนึ่งในชายที่เข้ามาคบหาพระองค์คือยูกิโอะ มิชิมะ (ญี่ปุ่น: 三島 由紀夫) นักเขียนชาวญี่ปุ่น ซึ่งปรากฏในหนังสือ "ชีวิตและการมรณกรรมของยุกิโอะ มิชิมะ" (The Life and Death of Yukio Mishima) อันเป็นงานเขียนของเฮนรี สกอต สโตกส์ (Henry Scott Stokes) ที่ระบุว่าทั้งสองได้รับการแนะนำ และสนับสนุนจากครอบครัวให้สมรส ด้วยมองว่าทั้งคู่มีความเหมาะสมกัน[121][122]

การอภิเษกสมรส

[แก้]
  • ก่อนที่พระองค์ทรงหมั้นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระองค์เคยมีการนัดดูตัวกับนายยูกิโอะ มิชิมะที่โรงละครคาบูกิซะ ซึ่งเขาได้ตกหลุมรักพระองค์ตั้งแต่แรกพบ อย่างไรก็ตามพระองค์ก็ได้ปฏิเสธการคบหากับเขา[123]
  • ขณะที่เสด็จไปถวายสักการะศาลเจ้าสามแห่งในพระราชวังหลวงโตเกียว พระองค์ต้องเกล้าพระเกศาแบบโอซึเบรากาชิคู่กับฉลองพระองค์กิโมโนแบบโบราณ จากนั้นทรงต้องเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นแบบตะวันตกเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิโชวะและจักรพรรดินีโคจุน ซึ่งพระองค์ต้องใช้น้ำมันเบนซินในการล้างน้ำมันที่ใช้จัดพระเกศาออก โดยไม่สามารถใช้แชมพูได้เนื่องจากไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติมาก่อน และต้องใช้น้ำมันในปริมาณมากเนื่องจากพระเกศาของพระองค์หยักศก[24]
  • การเสด็จโดยรถม้าพระที่นั่งจากพระราชวังหลวงโตเกียวไปยังพระตำหนักชั่วคราว ทำให้มีเศษหินกระเด็นมาโดนพระปราง (แก้ม) ของพระองค์จนรู้สึกเจ็บ[124]

ครอบครัว

[แก้]
  • พระองค์ทรงเลือกที่จะประสูติพระราชบุตรที่โรงพยาบาลแทนที่จะประสูติภายในพระตำหนักที่ประทับ โดยเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) พระราชโอรสพระองค์แรก ได้ประสูติที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ญี่ปุ่น[125]
  • หลังจากที่เจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ประสูติได้เพียง 7 เดือน พระองค์กับพระราชสวามีต้องเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 14 วัน พระองค์จึงทรงจัดทำคู่มือการเลี้ยงดูเจ้าชายให้กับพระพี่เลี้ยง ซึ่งคู่มือนี้ถูกเรียกว่า "กฎของนารุจัง" (ナルちゃん憲法) ในภายหลัง โดยคู่มือนี้ได้มีการบันทึกประมาณว่า ให้กอดพระองค์อย่างน้อยวันละครั้ง เพื่อแสดงความรัก, กลยุทธ์การให้พระองค์เสวยนม เนื่องจากพระองค์ไม่ทรงโปรด, ปล่อยให้เล่นพระองค์เดียวบ้าง เพื่อไม่ให้พระองค์รู้สึกว่ามีคนคอยเอาใจอยู่ตลอดเวลา, ต้องมีการดุพระองค์บ้าง[126]
  • ทรงเตรียมเบ็นโต (ข้าวกล่อง) ให้กับพระราชบุตรทุกพระองค์ก่อนไปโรงเรียนด้วยพระองค์เอง[37]
  • สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและพระองค์เสด็จเยี่ยมจักรพรรดินีโคจุนทุกสัปดาห์ จนพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2543[37]
  • เมื่อมีเวลาว่าง พระองค์จะร่วมเล่นเปียโน ร่วมกับพระราชสวามีซึ่งทรงเล่นเชลโล่ และเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) พระราชโอรสซึ่งทรงเล่นไวโอลินกับวิโอล่า[37]
นางสาวมิจิโกะ โชดะ พ.ศ. 2501

งานอดิเรก

[แก้]
  • ทรงเคยเรียนเปียโน, วาดภาพ, ทำอาหาร, และโคโดะ (香道) หรือศาสตร์แห่งการชื่มชมธูป[114]
  • ทรงโปรดการเล่นเทนนิสเป็นอย่างมาก[113] พระองค์กับพระราชสวามีจะทรงเล่นเทนนิสด้วยกันทุกสัปดาห์[37] อีกทั้งทรงเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเทนนิส "ชินชิน ทัวร์นาเมนท์" (新進トーナメント) และติดอันดับสี่ในการจัดอันดับการแข่งขันเทนนิสของภูมิภาคคันโต ในช่วงที่ทรงเป็นนักศึกษา[118]
  • ทรงโปรดการเล่นเปียโน เมื่อมีเวลาว่างพระองค์จะร่วมเล่นเปียโนในวงขนาดเล็กกับพระสหาย[37]
  • ฮิโรโกะ นากามูระ นักเปียโนชื่อดัง เคยได้รับฟังการบรรเลงเปียโนของพระองค์โดยตรงที่พระตำหนัก ได้กล่าวชื่นชมพระองค์ว่า "ในญี่ปุ่น ไม่มีนักเปียโนคนใดที่สามารถบรรเลงได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ถ้าหากพระองค์ทรงเป็นนักเปียโน ดิฉันคงไม่มีโอกาสได้แสดงเลย"[127]

การลอบทำร้ายและการวิพากษ์วิจารณ์

[แก้]
  • พระองค์มักจะโดนวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์นิยมในเรื่องที่พระองค์มีความคุ้นเคยกับศาสนาคริสต์มากกว่าศาสนาชินโต เนื่องจากพระองค์สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยคริสต์[128]
  • ในขบวนเสด็จหลังจากพิธีอภิเษกสมรส มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้าหารถม้าที่ประทับพร้อมขว้างก้อนหินใส่ โดยมีก้อนนึงเฉียดพระเศียรของพระองค์ไป ซึ่งในภายหลังชายผู้นี้ถูกจับกุมตัว โดยมีรายงานว่าเขาไม่พอใจในระบบจักรพรรดิและความวุ่นวายของงานเทศกาล อีกทั้งในภายหลังได้มีการสรุปว่าเขามีอาการป่วยทางจิต[124]
  • วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2515 ทรงเคยถูกเด็กหนุ่มปาถุงมือใส่และวิ่งเข้าชนที่หน้าสถานีรถไฟโทบุ-นิกโก[129]
  • พ.ศ. 2535 ณ พิธีเปิดเทศกาลกีฬาแห่งชาติ จังหวัดยามางาตะ มีชายคนหนึ่งได้ปาระเบิดควันมายังที่ประทับของพระองค์และพระราชสวามี พระองค์ได้รีบพุ่งเข้าปกป้องพระราชสวามีตามสัญชาตญาณ[130]

อื่นๆ

[แก้]
  • ขณะที่ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารี บริษัทเพาะพันธ์กุหลาบของอังกฤษได้ตั้งชื่อกุหลาบสายพันธุ์ใหม่ว่า "Princess Michiko" เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์[131][132]
  • ทรงเป็นผู้ริเริ่มการใส่ฉลองพระองค์แนวแฟชั่นในราชวงศ์ญี่ปุ่น[133]
  • พ.ศ. 2533 พระองค์ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีรสนิยมการแต่งกายได้ยอดเยี่ยมในระดับนานาชาติ[134][135]

พงศาวลี

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 3 4 5 6 7 "上皇上皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-18.
  2. 1 2 "Their Majesties the Emperor Emeritus and Empress Emerita". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-09-18.
  3. 1 2 ผุสดี นาวาวิจิต (มิถุนายน พ.ศ. 2562). จาก "เฮเซ" สู่ "เรวะ" : การเปลี่ยนรัชศกของราชสำนักญี่ปุ่น (PDF). วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา (9:1). p. 4. {{cite book}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |year= (help)
  4. 1 2 "สถานะและพระนามของพระจักรพรรดิ หลังญี่ปุ่นผลัดแผ่นดิน". ผู้จัดการออนไลน์. 2 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 6 กันยายน 2564. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. "仙洞御所・宮邸". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
  6. หนังสือ "歴代皇后125代総覧" หน้า 473
  7. "正田英三郎氏(日清製粉名誉会長相談役)18日死去". 日本食糧新聞・電子版 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
  8. https://www.asahi.com/articles/AST3C32QRT3CUTIL031M.html
  9. "美智子さまゆかりの木が「コカリナ」に 文京区の幼稚園:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2021-06-04. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
  10. "皇室に入る前から結ばれていた、美智子さまと雅子さまの「もう一つの絆」". 現代ビジネス (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-04-28. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
  11. 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/106304?page=1
  12. 1 2 "戦時中の疎開を経験された上皇陛下と美智子さま 慰霊の旅を振り返るために召し上がる郷土料理". おとなの週末Web (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-08-13. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
  13. 1 2 修司, 奥野 (2019-12-14). "美智子さまと緒方貞子さんの「絆」 | 奥野 修司". 文藝春秋PLUS. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
  14. 1 2 https://www.jprime.jp/articles/-/6321?display=b
  15. "The commoners who married royalty". BBC. สืบค้นเมื่อ 11 March 2013.
  16. "カメラマンは代々の老舗写真店主 写真集 『天皇皇后両陛下と軽井沢』|好書好日". 好書好日 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
  17. https://blog.goo.ne.jp/mi-piace_2011/e/17fb72e881a2b1a8996a3d943d44288e
  18. https://web.archive.org/web/20091002204229/http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,892335-7,00.html
  19. "上皇后さま20日に90歳の誕生日 民間から皇室、平成流を支えた旅". 毎日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  20. คลิปงานแถลงข่าว https://www.youtube.com/watch?v=HV1vvYh8vgA
  21. 1 2 https://www.nhk.or.jp/archives/history/year/1959/
  22. 1 2  The Girl from Outside », Time, 23 March 1959". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-06. สืบค้นเมื่อ 2015-03-13.
  23. https://dot.asahi.com/articles/-/42237?page=3
  24. 1 2 3 "「手榴弾だと思いました…」上皇さま・美智子さまの「空前絶後の結婚パレード」の舞台裏". ダイヤモンド・オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-02-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-22.
  25. https://dot.asahi.com/articles/-/42237?page=4
  26. https://www.mofa.go.jp/s_sa/sea2/ph/page3e_000444.html
  27. "Crown Prince Akihito and Crown Princess Michiko visit the school (currently Emperor Emeritus and Empress Emerita). - Sydney Japanese International School" (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  28. 1 2  Japan's Dowager Empress Dead At 97 », CBS, 16/06/2000". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-06. สืบค้นเมื่อ 2015-03-14.
  29. 1 2 Herbert P. Bix, Hirohito and the making of modern Japan, New York, 2001, p. 661
  30. https://web.archive.org/web/20160305204644/http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000040928
  31. "象徴の在り方、模索の日々 天皇陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
  32. หนังสือ "板垣 2006" หน้า 34 - 40
  33. "Japanese Princess Has An Abortion", The Miami News, 22 March 1963, page 3
  34. https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1&page=3
  35. ハフポスト日本版編集部 (2019-06-16). "美智子さまの子育て「ナルちゃん憲法」とは 天皇陛下の幼き日々でふり返る(画像集)". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
  36. "象徴の在り方、模索の日々 天皇陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
  37. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 "Their Majesties the Emperor and Empress". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
  38. 1 2 3 "จักรพรรดิญี่ปุ่นเฉลองครบรอบ 50 ปี การอภิเษกกับหญิงสามัญชนวันนี้". ASTV ผู้จัดการออนไลน์. 10 เมษายน 2552. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  39. 1 2 "Their Majesties the Emperor Emeritus and Empress Emerita". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
  40. Inc, Nikkei (2019-11-10). "平成のパレード 11万人集う". 日本経済新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-26.
  41. https://www.youtube.com/watch?v=-8aH2dexkbE
  42. "上皇上皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
  43. https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0004
  44. https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0006
  45. "なぜ天皇陛下の退位は4月末日になったか 安倍首相との"バトル"の結果は?". PRESIDENT Online(プレジデントオンライン) (ภาษาญี่ปุ่น). 2017-12-11. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
  46. "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
  47. วิดิโอพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=UaX5IdVx_1c
  48. "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
  49. "上皇上皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
  50. "Their Majesties the Emperor Emeritus and Empress Emerita". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
  51. "仙洞御所・宮邸". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
  52. "美智子さま「杖をつかずに一般参賀に参加」の目標を見事に実現 宮内庁病院は看護師2名の追加採用を決定、"快復のカギ"となるか". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
  53. https://dot.asahi.com/articles/-/118710?page=2
  54. Reuters, « Japan Empress Michiko ill », The Sydney Morning Herald, 06/03/2007
  55. 1 2 "公表事項 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
  56. https://dot.asahi.com/articles/-/118710?page=1
  57. "美智子さま、コロナ感染:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-06-04. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
  58. "《2025年も寄り添いながら》上皇ご夫妻の仲むつまじいお姿 お出かけ時は「手つなぎ」、美智子さまのリハビリを上皇さまが見守られることも (1/1)". 介護ポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-12-31. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  59. 産経新聞 (2019-01-01). "陛下「国の発展と国民の幸せを祈ります」 皇居で新年祝賀の儀". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
  60. "「平成」残り4カ月、新年一般参賀に最多の15万人:皇室関係の今後の主な予定". nippon.com (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
  61. Company, The Asahi Shimbun. "朝日新聞デジタル写真特集「上皇后美智子さまと眞子さま」の「2017年、「講書始の儀」で講義を受ける天皇、皇后両陛下(当時)。奥は秋篠宮妃紀子さま、長女眞子さま=皇居・宮殿(21/29)」". 朝日新聞デジタル (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
  62. "皇居で「歌会始の儀」|テレ東BIZ". テレビ東京 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
  63. 竹腰奈生 (2024-02-27). "【天皇誕生日 一般参賀ファッション】皇后雅子さまのドレスは昨年に続き「ベルベット」「ブルー系」 愛子さまや佳子さまもブルー系をお召しに (1/1)". 女性セブンプラス (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
  64. "令和初の「園遊会」5月11日に4年半ぶりに開催へ". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2023-02-22. สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
  65. https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0004
  66. 1 2 3 "象徴の在り方、模索の日々 天皇陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-24.
  67. "全国植樹祭 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
  68. 1 2 3 4 5 6 https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0004
  69. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/crown-prince-akihito-addresses-while-crown-princess-michiko-news-photo/989054808?adppopup=true
  70. "天皇皇后両陛下のご日程(平成10年1月~3月) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-26.
  71. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/prince-naruhito-crown-prince-akihito-crown-princess-michiko-news-photo/980428676?adppopup=true
  72. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/crown-prince-akihito-crown-princess-michiko-prince-naruhito-news-photo/974469804?adppopup=true
  73. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/emperor-akihito-and-empress-michiko-attend-a-basketball-news-photo/966894492?adppopup=true
  74. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/emperor-akihito-and-empress-michiko-inspect-a-class-at-news-photo/488742311?adppopup=true
  75. 1 2 3 4 5 6 "その他の主な式典へのお出まし - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
  76. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/crown-prince-akihito-addresses-while-crown-princess-michiko-news-photo/975439068?adppopup=true
  77. "日本芸術院授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
  78. "日本国際賞授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
  79. "日本学士院授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
  80. "国際生物学授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
  81. https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0005
  82. https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/emperor-akihito-and-empress-michiko-offer-flowers-at-an-news-photo/466087130?adppopup=true
  83. "両陛下、「自主停電」お続けに - MSN産経ニュース". sankei.jp.msn.com (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-26. สืบค้นเมื่อ 2025-08-28.
  84. https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0006
  85. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(戦後)(昭和28年~昭和63年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
  86. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成元年~平成10年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-27.
  87. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成11年~平成20年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
  88. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成21年以降) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
  89. "「私に翼をくれた」読書が広げた世界 歴代皇后で初の単独で外国訪問:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-25. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
  90. "Présentation de la Croix-Rouge japonaise sur son site officiel". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-27. สืบค้นเมื่อ 2015-03-14.
  91. https://www.kunaicho.go.jp/kunaicho/koho/kohyo/pdf/meiyokaiin.pdf
  92. https://www.jrc.or.jp/about/photo/190524_005727.html
  93. "皇后陛下のご養蚕". 政府広報オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-30.
  94. https://dot.asahi.com/articles/-/261583?page=1
  95. https://books.google.co.th/books/about/Hajimete_no_yamanobori.html?id=f-CgnQEACAAJ&redir_esc=y
  96. https://www.worldfolksong.com/songbook/japan/nemunoki.html
  97. "The Belgian King Albert II and Queen Paola and their eldest son,..." Getty Images (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2013-07-16. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
  98. https://web.archive.org/web/20161003215241/http://blog-imgs-71-origin.fc2.com/m/a/s/masakosamalove/20150426221023051.jpg
  99. https://www.theroyalforums.com/data/attachments/131/131638-73aa430aafded96f1f3e2934e2d2e1e4.jpg
  100. https://web.archive.org/web/20160304101210/http://static3.volkskrant.nl/static/photo/2012/9/7/7/album_large_1067182.jpg
  101. https://i.pinimg.com/736x/b4/50/f6/b450f6f8c300347a91adfcaf125d17c5.jpg
  102. https://www.gettyimages.co.uk/detail/news-photo/emperor-akihito-of-japan-and-empress-michiko-of-japan-news-photo/71200423
  103. https://www.omsa.org/files/jomsa_arch/Splits/1988/153251_JOMSA_Vol39_12_19.pdf
  104. https://web.archive.org/web/20150610180722/http://www.boe.es/boe/dias/1972/01/20/pdfs/A01047-01047.pdf
  105. https://1.bp.blogspot.com/-KyIaAtDRwmY/Ueky7ALRchI/AAAAAAAADQw/cc0fGI4yWos/s1600/19850226japn1prncipeakiret.jpg
  106. https://web.archive.org/web/20150122190624/http://www.boe.es/boe/dias/1994/10/10/pdfs/A31634-31634.pdf
  107. https://myroyal.wordpress.com/wp-content/uploads/2008/11/20081110_viaje_japon_06.jpg?w=470&h=297
  108. 1 2 https://www.ordens.presidencia.pt/?idc=154&list=1
  109. https://archive.is/20121217232134/https://www.borger.dk/foa/Sider/Default.aspx?fk=26&foaid=10171253&paid=
  110. https://www.parlament.gv.at/dokument/XXIV/AB/10542/imfname_251156.pdf
  111. https://www.officialgazette.gov.ph/featured/filipino-recipients-of-japanese-decorations-and-japanese-recipients-of-philippine-decorations/
  112. https://isap.sejm.gov.pl/isap.nsf/download.xsp/WMP20020440666/O/M20020666.pdf
  113. 1 2 "上皇后美智子さま祝生誕86年 お誕生日メモリアル|幼少期の愛称は「テンプルちゃん」 (1/1)". 介護ポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). 2020-10-19. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  114. 1 2 นิตยสารอาซาฮี ฉบับวันที่ 12 เมษายน 2502
  115. "80 พรรษา สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ ผู้ค้ำราชบัลลังก์อิมพิเรียลยุคใหม่". ไทยรัฐออนไลน์. 26 ตุลาคม 2557. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  116. หนังสือ "私の生き方 中村メイコ (女優)" หน้า 10 - 18
  117. 1 2 "<皇后の素顔>聖心女子大学同級生が語る美智子さま、学生時代のご様子は". 週刊女性PRIME (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  118. 1 2 3 4 5 หนังสือ "歴代皇后125代総覧"
  119. หนังสือ "板垣" หน้า 26–33
  120. https://president.jp/articles/-/76541?page=4
  121. Michael Sheridan (27 มีนาคม 2548). "Sunday Times Mishima Feature". Sunday Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-12. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2558. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  122. Saru, « 三島入門 (An Introduction to Mishima) », Mutant Frog Travelogue, 12 February 2006
  123. https://fujinkoron.jp/articles/-/202?page=3
  124. 1 2 https://diamond.jp/articles/-/356494?page=2
  125. https://dot.asahi.com/articles/-/102465?page=1
  126. "美智子さまの子育て「ナルちゃん憲法」とは 天皇陛下の幼き日々でふり返る(画像集)". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-06-16. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
  127. นิตยสาร "週刊新潮" ฉบับวันที่ 24 กันยายน 2552
  128. หนังสือ "おことば 戦後皇室語録" หน้า 192 - 193
  129. หนังสือ "日本刑罰史年表 増補改訂版" หน้า 311
  130. https://web.archive.org/web/20140708142123/http://news.nifty.com/cs/magazine/detail/sapio-20090910-01/3.htm
  131. "ねむの木の庭". しながわ観光協会 (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  132. "'Princess Michiko' Rose". www.helpmefind.com. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  133. "皇室の"ベストドレッサー"美智子さま「女性皇族のスタイルを確立させた」皇太子妃時代の印象深い"可憐コーデ"3選". 週刊女性PRIME (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
  134. "Vanity Fair". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-10. สืบค้นเมื่อ 2015-03-14.
  135. Ultimate Style – The Best of the Best Dressed List. 2004. p. 158. ISBN 2 84323 513 8.

แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ

[แก้]
  • เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาอังกฤษ https://www.kunaicho.go.jp/eindex.html
  • เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาญี่ปุ่น https://www.kunaicho.go.jp/
  • ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
ก่อนหน้า สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ ถัดไป
จักรพรรดินีโคจุง
จักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น
(7 มกราคม พ.ศ. 2532 — 30 เมษายน พ.ศ. 2562)
จักรพรรดินีมาซาโกะ
จักรพรรดิพระเจ้าหลวง
อากิฮิโตะ

ลำดับโปเจียมแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น
(ลำดับที่ 4)

มกุฎราชกุมาร
อากิชิโนะ