สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
| สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ | |
|---|---|
| โจโกโง (จักรพรรดินีพระพันปีหลวง) | |
พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2557 | |
| จักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น | |
| ดำรงพระยศ | 7 มกราคม พ.ศ. 2532 – 30 เมษายน พ.ศ. 2562 |
| สถาปนา | 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 |
| พระราชสมภพ | 20 ตุลาคม พ.ศ. 2477 โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียว นครโตเกียว จักรวรรดิญี่ปุ่น |
| พระราชสวามี | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ (พ.ศ. 2502–ปัจจุบัน) |
| พระราชบุตร | |
| ราชวงศ์ | ญี่ปุ่น (อภิเษกสมรส) |
| พระราชบิดา | ฮิเดซาบูโร โชดะ |
| พระราชมารดา | ฟูมิโกะ โซเอจิมะ |
| ศาสนา | ชินโต |
สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ (ญี่ปุ่น: 上皇后陛下[1] (美智子); โรมาจิ: Jōkōgō Heka (Michiko); อังกฤษ: Her Majesty the Empress Emerita (Michiko)[2]) ทรงเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ที่ 125 ของญี่ปุ่น และทรงเป็นพระราชมารดาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะและเจ้าชายฟูมิฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น
พระนามเดิม "มิจิโกะ โชดะ" (ญี่ปุ่น: 正田 美智子; โรมาจิ: Shōda Michiko) ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารี (พระวรชายาในมกุฎราชกุมาร) หลังจากอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2502 ถัดมาทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี เมื่อพระราชสวามีเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532[2]
ปัจจุบันทรงดำรงพระอิสริยยศ "โจโกโง" (上皇后) หรือพระอัครมเหสีในอดีตจักรพรรดิ หลังจากที่พระราชสวามีสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 โดยสื่อไทยมีการระบุพระอิสริยยศของพระองค์ว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวง"[3][4]
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ต้นเบิร์ชขาวญี่ปุ่น (白樺)[1]
ที่ประทับหลัก พระตำหนักเซ็นโต (仙洞御所) เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[5]
พระราชประวัติ
[แก้]| ราชวงศ์ญี่ปุ่น |
|---|
|
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ |
มิจิโกะ โชดะ
[แก้]มิจิโกะ โชดะเกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2477[1] (ปีโชวะที่ 9) ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียว เขตฮงโกะ นครโตเกียว จังหวัดโตเกียว (ปัจจุบัน คือ เขตบุงเกียว กรุงโตเกียว) เธอเป็นบุตรของนายฮิเดซาบูโร โชดะ และนางฟูมิโกะ โชดะ (สกุลเดิม โซเอจิมะ)[6]
ณ ขณะนั้น นายฮิเดซาบูโร โชดะ (บิดา) ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท นิสชิน ฟลาวร์ มิลลิ่ง และเขาได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทในปี พ.ศ. 2488[7] ถัดมาในปี พ.ศ. 2544 บริษัทนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทผู้ถือหุ้น โดยใช้ชื่อบริษัทเป็น นิสชิน เซฟุง กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน
มิจิโกะ โชดะเป็นบุตรคนที่สองจากพี่-น้องทั้งหมด 4 คน โดยมีพี่ชาย 1 คน, น้องสาว 1 คน, และน้องชาย 1 คน[8] ได้แก่
- อีวาโอะ โชดะ (พี่ชาย)
- มิจิโกะ โชดะ
- เอมิโกะ โชดะ (น้องสาว)
- โอซามุ โชดะ (น้องชาย) ประธานคนแรกของบริษัทนิสชิน เซฟุง กรุ๊ป
พ.ศ. 2482 เมื่ออายุได้ 5 ปี เธอได้เข้าศึกษาระดับชั้นอนุบาล ณ โรงเรียนอนุบาลยามาโตะมูระ (大和郷幼稚園) (ปัจจุบันอยู่ในเขตบุงเกียว กรุงโตเกียว) ซึ่งในปีถัดมาเธอได้มีการย้ายที่พักอาศัย[9] จึงได้ย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลในเครือของโรงเรียนประถมศึกษาฟูตาบะ (雙葉小学校附属幼稚園) แทน

พ.ศ. 2484 เธอได้เข้าศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนประถมศึกษาฟูตาบะ (雙葉小学校)[10] (ปัจจุบันอยู่ในเขตชิโยดะ กรุงโตเกียว) อีกทั้งในวันที่ 8 ธันวาคม ปีเดียวกัน สงครามแปซิฟิกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้น
พ.ศ. 2487 ขณะที่เธอกำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สงครามแปซิฟิกได้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น มารดาได้พาลูกสาวทั้ง 2 คนรวมถึงลูกชายคนเล็ก อพยพไปอยู่ที่หอพักของบริษัทนิสชิน ณ หาดคูเกนูมะ เมืองฟูจิซาวะ จังหวัดคานางาวะ ส่วนบิดากับบุตรชายคนโตยังคงอยู่ที่โตเกียว ในระหว่างการอพยพนี้เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาคาตาเซะ โนงิ (片瀬乃木小学校) ถัดมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในยุทธการที่อิโอโต หาดคูเกนูมะมีโอกาสที่จะถูกโจมตีโดยเรือรบของกองทัพสหรัฐอเมริกา จึงได้พากันอพยพไปที่เมืองทาเตบายาชิ จังหวัดกุมมะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตระกูลโชดะ ในระหว่างนี้เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาทาเตบายาชิ มินามิ (館林南国民学校)[11][12] ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน สถานการณ์สงครามยิ่งเลวร้ายขึ้น จึงได้พากันอพยพอีกครั้งไปที่ บ้านพักตากอากาศในเมืองคารูอิซาวะ จังหวัดนางาโนะ โดยพำนักอยู่ที่นี่จนญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ซึ่งระหว่างนี้เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนแห่งชาติที่ 1 คารูอิซาวะ (軽井沢第一国民学校)[12][13] พอสถานการณ์เริ่มสงบจึงพากันย้ายกลับไปที่เมืองทาเตบายาชิ จังหวัดกุมมะ และกลับโตเกียวในปี พ.ศ. 2490[14]
พ.ศ. 2490 เธอได้เข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ที่โรงเรียนสตรีพระหฤทัย (聖心女子学院中等科) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[13]
พ.ศ. 2495 เธอได้เข้าศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาภาษาและวรรณคดีต่างประเทศ คณะวรรณคดี มหาวิทยาลัยพระหฤทัย (聖心女子大学) เขตชิบูยะ กรุงโตเกียว และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2500[1] หลังจากจบการศึกษา เธอได้เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรระยะสั้นในสาขาเดิมที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและออกซฟอร์ด[15]
การเสกสมรส
[แก้]
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2500 มิจิโกะ โชดะได้พบกับมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะเป็นครั้งแรกในการแข่งขันเทนนิส ณ สนามเทนนิสของชมรมคารูอิซาวะ[16] มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะทรงโปรดเธอมาก ถึงกับนำรูปถ่ายของเธอไปจัดแสดงในนิทรรศการผลงานส่วนพระองค์ และตั้งชื่อรูปนั้นว่า "เพื่อนผู้หญิง" (女ともだち)[17] จนก่อให้เกิดข่าวลือต่าง ๆ หลังจากนั้นเธอได้เดินทางไปยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ซึ่งในเวลานั้นมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะก็ได้ทำการส่งจดหมายหาเธออยู่เรื่อย ๆ แต่ ณ ขณะนั้นเธอยังไม่มั่นว่าการแต่งงานกับราชวงศ์นั้นจะเป็นผลดีหรือไม่ เมื่อเธอกลับญี่ปุ่น มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะได้ทรงขอให้รุ่นน้องของพระองค์ช่วยติดต่อเธอทางโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อสื่อความในพระทัย จนเธอตอบรับคำขอแต่งงานของพระองค์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501[18]

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 สภาราชวงศ์ได้อนุมัติการเสกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะและนางสาวมิจิโกะ โชดะ[1] โดยเธอเป็นสามัญชนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่จะได้เสกสมรสกับเจ้าชายในราชวงศ์ญี่ปุ่น[19] เนื่องจากในอดีตเจ้าชายจะอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์หรือบุตรสาวจากตระกูลขุนนางเท่านั้น
ในวันเดียวกัน เธอพร้อมกับบิดาและมารดาได้จัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน[20] ซึ่งเธอได้กล่าวความรู้สึกต่อมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะว่า "พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์มาก ทรงเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์และน่านับถืออย่างยิ่ง ทรงเป็นผู้ที่ดิฉันสามารถเชื่อมั่นและเคารพได้อย่างสุดหัวใจ"[21] โดยสื่อมวลชนได้เรียกเหตุการณ์พบรักของทั้งคู่ว่า "รักหวานในสนามเทนนิส" (romance of the tennis court) บ้างก็ว่าเป็น "เทพนิยาย" ที่เกิดขึ้นจริง[22] หลังจากงานแถลงข่าวส่งผลให้กระแสความนิยมของเธอถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยมีการตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า "มิจจิบูม" (ミッチーブーム)[23]
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2502 มีการจัดพิธีโนไซ หรือพิธีหมั้น[1]
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2502 มีการจัดพิธีอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะกับนางสาวมิจิโกะ โชดะ[1] ซึ่งประกอบไปด้วยพิธีสักการะศาลเจ้าสามแห่ง ณ พระราชวังหลวงโตเกียว, พิธีเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ, และการจัดขบวนเสด็จจากพระราชวังหลวงโตเกียวไปยังที่ประทับชั่วคราวของมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นการเสด็จโดยรถม้าพระที่นั่งเป็นระยะทางกว่า 8.8 กิโลเมตรและยังมีการจัดการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อีกด้วย เนื่องด้วยกระแสของ "มิจจิบูม" ทำให้มีผู้คนเฝ้ารอรับเสด็จ ณ สองข้างทางถึง 530,000 คน[24] รวมถึงมียอดขายโทรทัศน์กว่า 3 ล้านเครื่อง[25] เพื่อที่จะได้รับชมการถ่ายทอดสดครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งผลคือมีผู้รับชมการถ่ายทอดสดกว่า 15 ล้านคน[21]
ในวันเดียวกัน มิจิโกะ โชดะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น 皇太子妃 (Kōtaishihi) ซึ่งมีการระบุพระนามในภาษาอังกฤษเป็น Crown Princess Michiko[26][27] (มกุฎราชกุมารีมิจิโกะ) และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นประถมาภรณ์ (มงกุฎดอกพอโลเนีย)[24]
ถึงแม้กระแสนิยมของพระองค์จะมีมาก แต่ก็ยังมีประชาชน รวมถึงสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะและข้าราชบริพารบางส่วนไม่พอใจพระองค์เช่นกัน[28] เนื่องจากพื้นเพครอบครัวของพระองค์เป็นคริสตัง[29] แม้พระองค์จะไม่เคยรับศีลล้างบาป แต่ก็ทรงศึกษาในโรงเรียนศาสนาคริสต์มาก่อน อีกทั้งยังไม่ใช่บุตรหลานตระกูลขุนนางอีกด้วย จึงทำให้มีกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งเคยขู่ที่จะปองร้ายพระองค์ จนทำให้ครอบครัวโชดะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่คอยอารักขาความปลอดภัย[22] จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ส่งผลให้พระองค์ต้องรับแรงกดดันเป็นอย่างมาก จนทำให้พระวรกายซูบผอมลงและประชวรจากความเครียด[28][30]
มกุฎราชกุมารีมิจิโกะ
[แก้]
มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะและมกุฎราชกุมารีมิจิโกะ ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกัน 3 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ประสูติ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503
- เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) ประสูติ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508
- เจ้าหญิงโนริ (ซายาโกะ) ประสูติ 18 เมษายน พ.ศ. 2512
พ.ศ. 2503 หลังการประสูติพระราชโอรสพระองค์แรก มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะและมกุฎราชกุมารีมิจิโกะ ทรงย้ายไปประทับที่พระตำหนักโทงู หลังจากที่การปรับปรุงแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับตามพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร [31]
ก่อนที่พระองค์จะทรงพระครรภ์เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2506 มีการรายงานข่าวออกมาว่าพระองค์ทรงพระครรภ์พระราชบุตรพระองค์ที่สอง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2506 พระองค์ได้เสด็จเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากทรงเกิดภาวะการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก (รกและตัวอ่อนไม่เจริญขึ้นตามปกติ) และทรงเข้ารับการผ่าตัดเพื่อยุติการตั้งพระครรภ์ในวันถัดมา[32] โดยมีรายงานออกมาว่า "การดำเนินการดังกล่าวได้รับคำปรึกษาจากศาสตราจารย์ทากาชิ โคบายาชิ ที่ทำการประสูติเจ้าชายฮิโระ พระราชโอรสพระองค์แรกที่มีพระชันษา 3 ปี เจ้าหญิงซึ่งมีพระชนมายุ 28 พรรษานี้มีพระพลานามัยที่ไม่แข็งแรงเนื่องจากการประกอบพระกรณียกิจอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนทรงพระครรภ์"[33]
ทั้งสองพระองค์ทรงตกลงกันว่าจะไม่เลี้ยงดูพระราชบุตรตามธรรมเนียมราชสำนักเดิม อันได้แก่ ทรงเลี้ยงดูพระราชบุตรด้วยพระองค์เองตั้งแต่แรกประสูติ[34][35] ซึ่งธรรมเนียมเดิมข้าราชบริพารจะรับหน้าที่เลี้ยงดูเมื่อพระโอรส/พระธิดามีพระชนมายุ 3 ชันษา[36], ทรงให้พระเกษียรธารา (น้ำนม) แก่พระราชบุตรโดยพระองค์เอง[37] ซึ่งธรรมเนียมเดิมจะให้โดยแม่นม และทรงส่งพระราชบุตรไปศึกษาที่โรงเรียนแทนที่จะให้เรียนกับพระอาจารย์ส่วนพระองค์ในพระตำหนัก[38]
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
[แก้]
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะเสด็จสวรรคต จึงทำให้มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ พระราชสวามี เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ที่ 125 ของญี่ปุ่น ซึ่งมกุฎราชกุมารีมิจิโกะก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "โคโง" (皇后) หรือสมเด็จพระจักรพรรดินีในวันเดียวกัน
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 มีการจัดพระราชพิธี "โซกุยเรเซเด็น" (即位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[39] ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ได้เสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "ทาคามิกูระ" (高御座) ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะได้เสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "มิโชได" (御帳台) ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว โดยฉลองพระองค์ประกอบไปด้วย
- ฉลองพระองค์ชุด "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้น โดยชุดคลุมชั้นนอกสุดมีสีขาว ส่วนชุดคลุมชั้นในจะเป็นสีเขียวอ่อน
- เกล้าพระเกศาแบบ "โอตสึเบรากาชิ" (御垂髪) และประดับด้วย "ฮิราบิไท" (平額)
- พระหัตถ์ถือฮิโอกิ (桧扇) หรือพัดญี่ปุ่นที่ทำจากไม้สน
ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้มีผู้แทนจากประเทศต่างๆ จำนวน 158 ประเทศเข้าร่วมในงาน[39]

ในวันเดียวกัน มีการจัดพระราชพิธี "โชกูงะ อนเร็ตสึ" (祝賀御列の儀) หรือพระราชพิธีขบวนแห่เฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ ประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปยังเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) โดยมีประชาชนกว่า 117,000 คนร่วมรับเสด็จตลอดสองข้างทาง[40][41]
วันที่ 22 - 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 มีการจัดพระราชพิธี "ไดโจไซ" (大嘗宮の儀)[42] ซึ่งเป็นโบราณราชพิธีหลังจากการขึ้นครองราชสมบัติของจักรพรรดิ โดยจัดขึ้นในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืดวันถัดไป พระราชพิธีนี้เป็นพิธีอธิษฐานของจักรพรรดิเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนสงบสุข รวมถึงขอให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงฉลองพระองค์ในชุด "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้นสีขาวบริสุทธิ์ และเกล้าพระเกศาแบบ "โอตสึเบรากาชิ" (御垂髪)
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2536 ทรงย้ายที่ประทับจากพระตำหนักโทงู เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) ไปประทับที่พระตำหนักโกโช (御所) พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว[43]
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี ทรงเปิดเผยพระราชประสงค์ที่จะสละราชสมบัติครั้งแรกต่อคณะที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง และในเดือนถัดมา พระราชสวามีก็ทรงมีพระราชดำรัสที่สื่อถึงพระราชประสงค์ว่า "เมื่อพิจารณาถึงสุขภาพของข้าพเจ้าที่เสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติกิจในฐานะสัญลักษณ์ของชาติด้วยกายและวิญญาณเหมือนที่เคยเป็นมา" สำนักพระราชวังจึงมีการทบทวนและทยอยลดพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะลงในเบื้องต้น โดยส่งต่อให้กับพระราชโอรส ยกเว้นพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่พระองค์ยังคงดำเนินอยู่[44]
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 สภาราชวงศ์ญี่ปุ่นได้มีมติกำหนดวันสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี เป็นวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 และวันขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิพระองค์ใหม่ (มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ) พระราชโอรส ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[45]
วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิ[46]
พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการคู่กับสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พร้อมทั้งแสวงหาแนวทางในการเป็น "สัญลักษณ์ของประเทศ" ตั้งแต่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารี จนกระทั่งพระราชสวามีสละราชสมบัติ รวมเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี
สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ
[แก้]
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "ไทเรเซเดน" (退位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี ณ พระราชวังหลวงโตเกียว[47]
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 00:00 นาฬิกา กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิได้มีการบังคับใช้[48] จึงทำให้มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ พระราชโอรส เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ อีกทั้งตามกฎหมายพิเศษ ได้กำหนดให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะดำรงพระอิสริยยศ "โจโกโง" (ญี่ปุ่น: 上皇后[49]; อังกฤษ: The Empress Emerita[50]) หรือ พระอัครมเหสีในอดีตจักรพรรดิ ซึ่งสื่อไทยมีการระบุพระอิสริยยศของพระองค์ว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวง"[3][4]
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 สมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะกับพระองค์ได้ย้ายที่ประทับจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปประทับที่พระตำหนักเซ็นโต (仙洞御所) เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[51]
หลังจากการสละราชสมบัติของพระราชสวามี พระองค์ทรงส่งต่อพระราชกรณียกิจไปยังพระราชโอรส พระสุณิสา รวมถึงพระราชนัดดา และปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนน้อยลง เนื่องจากพระชนมายุที่มากขึ้นและปัญหาทางด้านพระพลานามัย
พระพลานามัย
[แก้]- หลังจากที่พระองค์อภิเษกสมรส พระองค์ประสบกับความกดดันและความเครียดมากมาย เนื่องจากทรงเป็นสามัญชนคนแรกที่เสกสมรสเข้าราชวงศ์ อีกทั้งการจบจากมหาวิทยาลัยคริสต์ จนก่อให้เกิดปัญหาทั้งทางสุขภาพกายและสุขภาพจิต[38]
- พ.ศ. 2529 ทรงเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในกล่องพระสกุล (มดลูก) ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง เมื่อพระองค์ทรงออกจากโรงพยาบาล มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ (พระยศ ณ ขณะนั้น), เจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) และเจ้าหญิงโนริ (ซายาโกะ) เสด็จมารับที่โรงพยาบาล พระองค์ถึงกับซบพระพักตร์ที่พระอุระของพระราชสวามี[52][53]
- เดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ทรงมีอาการร้อนใน, มีพระโลหิตกำเดาไหล และมีพระโลหิตตกในพระอันตคุณ (ลำไส้) สาเหตุมาจากความเครียด[38][54]
- วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ระหว่างที่ทรงตรวจพระวรกายเพื่อเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก แพทย์ได้พบอาการลิ้นพระหทัยรั่วและภาวะพระหทัยเต้นผิดจังหวะ แพทย์จึงให้คำแนะนำว่าควรจะงดกิจวัตรประจำวันที่กระทบต่อพระวรกายและจิตใจ[55]
- วันที่ 16 และ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ทรงเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกที่พระเนตรข้างขวาและข้างซ้าย ตามลำดับ ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี[55]
- วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562 ทรงเข้ารับการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อมะเร็งที่พระถัน (เต้านม) ออก ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี และทรงออกจากโรงพยาบาลได้ภายในสองวันหลังจากการผ่าตัด[56]
- วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ทรงมีอาการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่พระอาการไม่รุนแรง[57]
- วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ทรงหกล้ม ณ พระตำหนักเซ็นโต ที่ประทับ ส่งผลให้กระดูกต้นขาขวาช่วงบนหัก ทรงเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียวในวันที่ 8 ตุลาคม และทรงออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 13 ตุลาคม[58]
พระราชกรณียกิจ
[แก้]
ในช่วงที่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศจักรพรรดินี พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจคู่กับสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ดังนี้
พิธีราชสำนัก
[แก้]- ทุกวันที่ 1 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-ชูกูงะ" (新年祝賀の儀) เพื่อรับการถวายพระพรปีใหม่ จากพระบรมวงศานุวงศ์และคณะรัฐมนตรี ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[59]
- ทุกวันที่ 2 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-อิปปัน-ซังงะ" (新年一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[60]
- ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) ซึ่งเป็นการเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[61]
- ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "อูตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始の儀) ซึ่งเป็นพิธีการขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[62]
- ทุกวันที่ 23 ธันวาคมของทุกปี มีการจัดพิธี "เท็นโน-ทันโจบิ-อิปปัน-ซังงะ" (天皇誕生日一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิโตะ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[63]
- ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ทรงเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่สมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเจ้าภาพ เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) กรุงโตเกียว[64]
การรำลึกถึงสงคราม
[แก้]
การเสด็จฯไปในพิธีรำลึกสงครามเนื่องในโอกาสครบรอบที่สำคัญเป็นประจำ เพื่อแสดงความเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงคราม เช่น
- พิธีรำลึกครบรอบ 50 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นางาซากิ, ฮิโรชิมา, โอกินาวะ, และโตเกียว[65]
- พิธีรำลึกครบรอบ 60 ปีของยุทธการที่ไซปัน[66]
- พิธีรำลึกครบรอบ 70 ปีของการทัพหมู่เกาะมาเรียนาและปาเลา[66]
- พิธีรำลึกยุทธการที่โอกินาวะ ทรงร่วมพิธีนี้ทั้งหมด 11 ครั้ง[66]
ด้านธรรมชาติ
[แก้]ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เช่น
ด้านกีฬา
[แก้]
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านส่งเสริมการกีฬา เช่น
ด้านเยาวชน
[แก้]ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมเยาวชน เช่น
ด้านศิลปะและวัฒนธรรม
[แก้]ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม เช่น
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
[แก้]ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น
- ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลในงาน Japan Prize Award[78] ซึ่งเป็นพิธีมอบรางวัลให้แก่นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากทั่วโลกที่มีผลงานโดดเด่นและสร้างสรรค์ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่น[79]
- ทรงเป็นองค์ประธานมอบรางวัลของสถาบันชีววิทยาศาสตร์นานาชาติ[80]

ด้านผู้พิการ
[แก้]ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการสนับสนุนผู้พิการ เช่น
การเสด็จเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติ
[แก้]- เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2534 เสด็จฯเยือนเมืองชิมาบาระ จังหวัดนางาซากิ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากตระกอนภูเขาไฟอุนเซ็น-ฟูเก็น ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 43 ราย[68]
- เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 เสด็จฯเยือนเกาะโอกูชิริ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากสึนามิ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด[68]
- วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2538 เสด็จฯเยือนจังหวัดเฮียวโกะ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 6,400 ราย[68]
- เดือนตุลาคม พ.ศ. 2547 เสด็จฯเยี่ยมผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่นีงาตะ-ชูเอ็ตสึ[81]
- วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 เสด็จฯวางช่อดอกไม้รำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ[82] อีกทั้งเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ได้ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศ จึงต้องมีนโยบายในการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าบางช่วงเวลาในบางพื้นที่ โดยเขตชิโยดะซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงโตเกียวนั้นไม่ได้อยู่ในแผนการงดจ่ายกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ทรงร่วมงดใช้ไฟฟ้าวันละ 2 - 4 ชั่วโมงในพระตำหนักด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่วันที่ 15 - 23 มีนาคม พ.ศ. 2554[83]
- เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 เสด็จฯเยี่ยมผู้ประสบภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะ[84]
การเสด็จเยือนต่างจังหวัด
[แก้]ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างจังหวัดครบทั้ง 47 จังหวัดตั้งแต่ที่ยังทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารี โดยหลังจากพระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดินีแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จฯเยือนครบทั้ง 47 จังหวัดเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2546 และเป็นครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2560[68]
| ประเทศ | วันที่ | พระราชกรณียกิจ | เสด็จพร้อมด้วย |
|---|---|---|---|
| 22 กันยายน - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2503 | ทรงร่วมงานครบรอบ 100 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 3 - 10 ตุลาคม พ.ศ. 2530 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 12 พฤศจิกายน - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2503 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 12 พฤศจิกายน - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2503 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 20 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 | ทรงร่วมพิธีบรมราชาภิเษก | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 22 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 5 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 10 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 14 - 21 ธันวาคม พ.ศ. 2507 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 9 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 9 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 12 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2521 | ทรงร่วมงานครบรอบ 70 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 19 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2513 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 3 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2514 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 6 - 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 11 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 23 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 8 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2519 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 8 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2519 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 26 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2524 | ทรงร่วมพิธีอภิเษกสมรสเจ้าชายชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 12 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2521 | ทรงร่วมงานครบรอบ 70 ปีการอพยพของชาวญี่ปุ่น | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 5 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2522 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 27 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม พ.ศ. 2524 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 10 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2526 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 25 กุมภาพันธ์ - 8 มีนาคม พ.ศ. 2527 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 23 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| 1 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2528 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ | |
| ภายหลังการสถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดินี | |||
| 26 กันยายน - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2534 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 8 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2549 | ทรงร่วมงานฉลองการครองราชสมบัติครบ 60 ปีของ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 26 กันยายน - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2534 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 26 กันยายน - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2534 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 23 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2535 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 6 - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2536 | ทรงร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 3 - 19 กันยายน พ.ศ. 2536 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 11 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557 | ทรงร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม | ||
| 3 - 19 กันยายน พ.ศ. 2536 | เสด็จเยือนนครรัฐวาติกัน | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 3 - 19 กันยายน พ.ศ. 2536 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 10 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2537 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 3 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 | เสด็จเยือนรัฐฮาวายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และทรงร่วมงานครบรอบ 50 ปีมูลนิธิทุนการศึกษา |
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 2 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2537 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 30 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2540 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 23 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2541 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 21 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 | ทรงร่วมงานตามคำทูลเชิญของสมาคม
Linnean Society of London เนื่องในวันครบรอบ 300 ปี ชาตะกาลของคอล ฟ็อน ลินเนีย |
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 16 - 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 | ทรงร่วมงานฉลองการครองราชสมบัติครบ 60 ปีของ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 23 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2541 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 20 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2543 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 20 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2543 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 21 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 6 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 28 กันยายน - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 | เสด็จร่วมการประชุมในงานครบรอบ 50 ปีขององค์กร
International Board on Books for Young People (IBBY) ทรงเป็นจักรพรรดินีพระองค์แรกที่เสด็จต่างประเทศเพียงลำพัง[89] |
||
| 8 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2549 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต |
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 21 - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 3 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 30 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 8 - 9 เมษายน พ.ศ. 2558 | เสด็จเยือนเพื่อรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองครบรอบ 70 ปี | สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 26 - 30 มกราคม พ.ศ. 2559 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในโอกาส
ครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต |
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
| 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม พ.ศ. 2560 | เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โดยเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายของพระองค์ในรัชสมัยเฮเซ |
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ | |
- เสด็จเยือนเนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2522
- เสด็จเยือนสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2530
- เสด็จเยือนอินเดีย พ.ศ. 2556
นอกจากนี้ ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในส่วนของพระองค์ ดังนี้
ตำแหน่งในองค์กร
[แก้]- พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2562 ประธานกิตติมศักดิ์ สภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社)[90]
- หนึ่งในสามของผู้อุปถัมป์องค์กร International Board on Books for Young People (IBBY)[37] เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับนานาชาติที่มีจุดประสงค์ในการเชื่อมโยงหนังสือกับเยาวชน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซือริช ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
- สมาชิกกิตติมศักดิ์ International Youth Library[91]
สภากาชาดญี่ปุ่น
[แก้]ตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社) จะเป็นตำแหน่งที่สืบทอดกันมาของสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ ทรงได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นองค์ประธานในการประชุมกาชาดแห่งชาติ และพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์แก่บุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปีแรกที่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศ จนกระทั่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชสวามี สละราชสมบัติในปี พ.ศ. 2562 พระองค์จึงดำรงพระอิสริยยศโจโกโง (พระพันปีหลวง) และได้ส่งต่อพระกรณียกิจให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ จักรพรรดินีพระองค์ใหม่[92] ซึ่งในงานการประชุมกาชาด จะมีแค่พระบรมวงศานุวงศ์หญิงที่เป็นพระชายาเข้าร่วม
การเลี้ยงไหม
[แก้]การเลี้ยงไหมเป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจที่สืบทอดกันมาของสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยจักรพรรดินีโชเก็ง[93] เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตไหมเคยเป็นเสาหลักของการส่งออกของญี่ปุ่นในยุคเมจิ แม้ว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง อุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมจะเริ่มซบเซาลง แต่ในราชวงศ์ญี่ปุ่น กิจกรรมนี้ยังคงได้รับการรักษาไว้โดยจักรพรรดินีพระองค์ต่อ ๆ มาในฐานะประเพณีอันทรงคุณค่า[94] ซึ่งหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ พระองค์ก็ทรงสืบสานหน้าที่ในการดูแลโรงเลี้ยงไหมที่ชื่อว่า "โมมิจิยามะ" (紅葉山) ภายในพระราชวังหลวงโตเกียว[37] ต่อจากจักรพรรดินีโคจุง
พระราชนิพนธ์
[แก้]หนังสือ
[แก้]- พ.ศ. 2534 หนังสือภาพ "はじめての やまのぼり" (The First Yamanobori)[95] ISBN 9784783401995
- พ.ศ. 2535 หนังสือ "どうぶつたち" (The Animals) ทรงแปลและเรียบเรียงบทกวีของมิชิโอะ มาโดะ (まど・みちお) นักกวีวรรณกรรมเด็กชื่อดัง โดยหนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา[37] ISBN 978-4-915777-06-6
- พ.ศ. 2541 หนังสือ "ふしぎなポケット" (The Magic Pocket) ทรงแปลและเรียบเรียงบทกวีของมิชิโอะ มาโดะ และได้ตีพิมพ์ที่สหรัฐอเมริกาเช่นกัน[37] ISBN 4-915777-21-9
- พ.ศ. 2541 หนังสือ "橋をかける--子供時代の読書の思い出" ISBN 4-915777-22-7
- นอกจากนี้ยังทรงแปลและเรียบเรียงบทกวีของมิชิโอะ มาโดะ และทำการตีพิมพ์อีก 2 เล่ม ได้แก่ Niji (Rainbow) และ Keshigomu (Eraser)[37]
เพลง
[แก้]- เพลง "ねむの木の子守歌" (Nemunoki no Komoriuta) เป็นเพลงที่แต่งถวายเจ้าชายอายะ (ฟูมิฮิโตะ) พระราชโอรส เนื่องในวันประสูติ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ซึ่งเนื้อร้องเป็นการแต่งจากบทกวีวากะที่พระองค์เคยนิพนธ์ขณะศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนทำนองแต่งโดยคุณมาซามิ ยามาโมโตะ[96]
พระเกียรติยศ
[แก้]| ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระจักรพรรดินี พระพันปีหลวงมิจิโกะ | |
|---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
| สัญลักษณ์ | ต้นเบิร์ชขาวญี่ปุ่น (白樺) |
| คำยกย่อง | เฮกะ (陛下) |
| ลำดับโปเจียม | 4 |
ลำดับพระอิสริยยศ
[แก้]- 20 ตุลาคม พ.ศ. 2477 - 10 เมษายน พ.ศ. 2502 : มิจิโกะ โชดะ (ญี่ปุ่น: 正田 美智子; โรมาจิ: Shōda Michiko)
- 10 เมษายน พ.ศ. 2502 - 7 มกราคม พ.ศ. 2532 : มกุฎราชกุมารีมิจิโกะ (ญี่ปุ่น: 皇太子妃殿下; โรมาจิ: Kōtaishihi Denka อังกฤษ: Crown Princess)
- 7 มกราคม พ.ศ. 2532 - 30 เมษายน พ.ศ. 2562 : สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ (ญี่ปุ่น: 皇后陛下; โรมาจิ: Kōgō Heka; อังกฤษ: Her Majesty the Empress)
- 1 พฤษภาคม 2562 - ปัจจุบัน : สมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ (ญี่ปุ่น: 上皇后陛下; โรมาจิ: Jōkōgō Heka; อังกฤษ: Her Majesty the Empress Emerita)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]ญี่ปุ่น
[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นประถมาภรณ์ (มงกุฎดอกพอโลเนีย) (2502)
ต่างประเทศ
[แก้]เกร็ด
[แก้]
สมัยพระเยาว์
[แก้]- ทรงเคยแบกพระสหายคนนึงที่ล้มลงเพราะปวดท้องเข้าห้องพยาบาลด้วยพระองค์เอง เนื่องจากไม่มีใครกล้าช่วยพระสหายคนนั้นเพราะมีเหาบนศีรษะ[11]
- พระสหายที่เคยเรียนอยู่โรงเรียนประถมศึกษาทาเตบายาชิมินามิ จังหวัดกุมมะ ที่เดียวกับพระองค์ กล่าวถึงพระองค์ว่าทรงเป็นคนน่ารัก มีผมเป็นลอนหยิก มีรูปร่างโปร่งเพรียวสง่า และทรงเคยได้รับเลือกเป็นนักกีฬาวิ่งผลัด[14]
- ทรงมีฉายาว่า "เทมเพิลจัง" โดยมีที่มาจากนักแสดงเด็กชาวอเมริกันชื่อ "เชอร์ลีย์ เทมเพิล" เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระเกศาหยักศกคล้ายเธอ[113]
- ทรงมีพระนามลำลองว่า "มิจิ" (ミチ) หรือ "มิจจิ" (ミッチ)[114]
- ครอบครัวของพระองค์นั้นนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก[29] แต่พระองค์ยังไม่เคยรับศีลล้างบาปมาก่อน
- พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถึงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองที่เคยประสบในสมัยพระเยาว์ ความว่า "...เมื่อเข้าสู่ช่วงหลังสงครามโลก แม้ข้าพเจ้าจะเป็นเพียงเด็กประถม แต่ก็สัมผัสได้ถึงห้วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าต้องย้ายโรงเรียนถึง 5 ครั้ง ภายในเวลาเกือบ 3 ปี และทุกครั้งที่เข้าโรงเรียนใหม่ จะรู้สึกอึดอัดกับการปรับตัวให้เข้ากับการเรียนการสอนใหม่..."[115]
- พระองค์เคยส่งบทกวีประกวดกับทางนิตยสารเด็กผู้หญิงชื่อ "ひまわり" (ฮิมาวาริ) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบทกวีของพระองค์ได้แข่งกับนักแสดงหญิงเมโกะ นากามูระ (中村メイコ) โดยผลัดกันได้ที่หนึ่งและที่สองแบบที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักตัวตนของกันและกันมาก่อน[116]
มหาวิทยาลัย
[แก้]- ทรงได้รับรางวัลนักศึกษาดีเด่น ซึ่งจะมอบให้เฉพาะนักศึกษาที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมเท่านั้น[117] และเป็นตัวแทนนักศึกษาในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษา[118]
- ทรงได้รับใบอนุญาตการสอนภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา[118]
- ทรงอยู่ชมรมนักร้องประสานเสียง, ชมรมเทนนิส, และชมรมละครของมหาวิทยาลัย เนื่องจากทรงมีพระวรกายที่สูง พระองค์จึงมักจะได้เล่นบทนักแสดงชาย และทำให้พระองค์กังวลพระทัยกับการเปร่งเสียงต่ำ[117][118]
- ขณะที่ทรงเชียร์การแข่งขันเทนนิสในมหาวิทยาลัย พระองค์จะส่งเสียงเชียร์แบบติดตลกว่า "อ๊ะ แย่แล้ว!" (あっ、やばい!)[119]
- ทรงเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสวัสดิการนักศึกษา และประธานสภานักศึกษา[118][37]
- เนื่องจากทรงมีพระวรกายและรูปลักษณ์ที่งดงาม ผลการเรียนดี กีฬาเด่น จึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก[120] หนึ่งในชายที่เข้ามาคบหาพระองค์คือยูกิโอะ มิชิมะ (ญี่ปุ่น: 三島 由紀夫) นักเขียนชาวญี่ปุ่น ซึ่งปรากฏในหนังสือ "ชีวิตและการมรณกรรมของยุกิโอะ มิชิมะ" (The Life and Death of Yukio Mishima) อันเป็นงานเขียนของเฮนรี สกอต สโตกส์ (Henry Scott Stokes) ที่ระบุว่าทั้งสองได้รับการแนะนำ และสนับสนุนจากครอบครัวให้สมรส ด้วยมองว่าทั้งคู่มีความเหมาะสมกัน[121][122]
การอภิเษกสมรส
[แก้]- ก่อนที่พระองค์ทรงหมั้นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระองค์เคยมีการนัดดูตัวกับนายยูกิโอะ มิชิมะที่โรงละครคาบูกิซะ ซึ่งเขาได้ตกหลุมรักพระองค์ตั้งแต่แรกพบ อย่างไรก็ตามพระองค์ก็ได้ปฏิเสธการคบหากับเขา[123]
- ขณะที่เสด็จไปถวายสักการะศาลเจ้าสามแห่งในพระราชวังหลวงโตเกียว พระองค์ต้องเกล้าพระเกศาแบบโอซึเบรากาชิคู่กับฉลองพระองค์กิโมโนแบบโบราณ จากนั้นทรงต้องเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นแบบตะวันตกเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิโชวะและจักรพรรดินีโคจุน ซึ่งพระองค์ต้องใช้น้ำมันเบนซินในการล้างน้ำมันที่ใช้จัดพระเกศาออก โดยไม่สามารถใช้แชมพูได้เนื่องจากไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติมาก่อน และต้องใช้น้ำมันในปริมาณมากเนื่องจากพระเกศาของพระองค์หยักศก[24]
- การเสด็จโดยรถม้าพระที่นั่งจากพระราชวังหลวงโตเกียวไปยังพระตำหนักชั่วคราว ทำให้มีเศษหินกระเด็นมาโดนพระปราง (แก้ม) ของพระองค์จนรู้สึกเจ็บ[124]
ครอบครัว
[แก้]- พระองค์ทรงเลือกที่จะประสูติพระราชบุตรที่โรงพยาบาลแทนที่จะประสูติภายในพระตำหนักที่ประทับ โดยเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) พระราชโอรสพระองค์แรก ได้ประสูติที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ญี่ปุ่น[125]
- หลังจากที่เจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ประสูติได้เพียง 7 เดือน พระองค์กับพระราชสวามีต้องเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 14 วัน พระองค์จึงทรงจัดทำคู่มือการเลี้ยงดูเจ้าชายให้กับพระพี่เลี้ยง ซึ่งคู่มือนี้ถูกเรียกว่า "กฎของนารุจัง" (ナルちゃん憲法) ในภายหลัง โดยคู่มือนี้ได้มีการบันทึกประมาณว่า ให้กอดพระองค์อย่างน้อยวันละครั้ง เพื่อแสดงความรัก, กลยุทธ์การให้พระองค์เสวยนม เนื่องจากพระองค์ไม่ทรงโปรด, ปล่อยให้เล่นพระองค์เดียวบ้าง เพื่อไม่ให้พระองค์รู้สึกว่ามีคนคอยเอาใจอยู่ตลอดเวลา, ต้องมีการดุพระองค์บ้าง[126]
- ทรงเตรียมเบ็นโต (ข้าวกล่อง) ให้กับพระราชบุตรทุกพระองค์ก่อนไปโรงเรียนด้วยพระองค์เอง[37]
- สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและพระองค์เสด็จเยี่ยมจักรพรรดินีโคจุนทุกสัปดาห์ จนพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2543[37]
- เมื่อมีเวลาว่าง พระองค์จะร่วมเล่นเปียโน ร่วมกับพระราชสวามีซึ่งทรงเล่นเชลโล่ และเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) พระราชโอรสซึ่งทรงเล่นไวโอลินกับวิโอล่า[37]

งานอดิเรก
[แก้]- ทรงเคยเรียนเปียโน, วาดภาพ, ทำอาหาร, และโคโดะ (香道) หรือศาสตร์แห่งการชื่มชมธูป[114]
- ทรงโปรดการเล่นเทนนิสเป็นอย่างมาก[113] พระองค์กับพระราชสวามีจะทรงเล่นเทนนิสด้วยกันทุกสัปดาห์[37] อีกทั้งทรงเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเทนนิส "ชินชิน ทัวร์นาเมนท์" (新進トーナメント) และติดอันดับสี่ในการจัดอันดับการแข่งขันเทนนิสของภูมิภาคคันโต ในช่วงที่ทรงเป็นนักศึกษา[118]
- ทรงโปรดการเล่นเปียโน เมื่อมีเวลาว่างพระองค์จะร่วมเล่นเปียโนในวงขนาดเล็กกับพระสหาย[37]
- ฮิโรโกะ นากามูระ นักเปียโนชื่อดัง เคยได้รับฟังการบรรเลงเปียโนของพระองค์โดยตรงที่พระตำหนัก ได้กล่าวชื่นชมพระองค์ว่า "ในญี่ปุ่น ไม่มีนักเปียโนคนใดที่สามารถบรรเลงได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ถ้าหากพระองค์ทรงเป็นนักเปียโน ดิฉันคงไม่มีโอกาสได้แสดงเลย"[127]
การลอบทำร้ายและการวิพากษ์วิจารณ์
[แก้]- พระองค์มักจะโดนวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์นิยมในเรื่องที่พระองค์มีความคุ้นเคยกับศาสนาคริสต์มากกว่าศาสนาชินโต เนื่องจากพระองค์สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยคริสต์[128]
- ในขบวนเสด็จหลังจากพิธีอภิเษกสมรส มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้าหารถม้าที่ประทับพร้อมขว้างก้อนหินใส่ โดยมีก้อนนึงเฉียดพระเศียรของพระองค์ไป ซึ่งในภายหลังชายผู้นี้ถูกจับกุมตัว โดยมีรายงานว่าเขาไม่พอใจในระบบจักรพรรดิและความวุ่นวายของงานเทศกาล อีกทั้งในภายหลังได้มีการสรุปว่าเขามีอาการป่วยทางจิต[124]
- วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2515 ทรงเคยถูกเด็กหนุ่มปาถุงมือใส่และวิ่งเข้าชนที่หน้าสถานีรถไฟโทบุ-นิกโก[129]
- พ.ศ. 2535 ณ พิธีเปิดเทศกาลกีฬาแห่งชาติ จังหวัดยามางาตะ มีชายคนหนึ่งได้ปาระเบิดควันมายังที่ประทับของพระองค์และพระราชสวามี พระองค์ได้รีบพุ่งเข้าปกป้องพระราชสวามีตามสัญชาตญาณ[130]
อื่นๆ
[แก้]- ขณะที่ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารี บริษัทเพาะพันธ์กุหลาบของอังกฤษได้ตั้งชื่อกุหลาบสายพันธุ์ใหม่ว่า "Princess Michiko" เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์[131][132]
- ทรงเป็นผู้ริเริ่มการใส่ฉลองพระองค์แนวแฟชั่นในราชวงศ์ญี่ปุ่น[133]
- พ.ศ. 2533 พระองค์ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีรสนิยมการแต่งกายได้ยอดเยี่ยมในระดับนานาชาติ[134][135]
พงศาวลี
[แก้]| พงศาวลีของสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อ้างอิง
[แก้]- 1 2 3 4 5 6 7 "上皇上皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-18.
- 1 2 "Their Majesties the Emperor Emeritus and Empress Emerita". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-09-18.
- 1 2 ผุสดี นาวาวิจิต (มิถุนายน พ.ศ. 2562). จาก "เฮเซ" สู่ "เรวะ" : การเปลี่ยนรัชศกของราชสำนักญี่ปุ่น (PDF). วารสารเครือข่ายญี่ปุ่นศึกษา (9:1). p. 4.
{{cite book}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|year=(help) - 1 2 "สถานะและพระนามของพระจักรพรรดิ หลังญี่ปุ่นผลัดแผ่นดิน". ผู้จัดการออนไลน์. 2 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 6 กันยายน 2564.
{{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=(help) - ↑ "仙洞御所・宮邸". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
- ↑ หนังสือ "歴代皇后125代総覧" หน้า 473
- ↑ "正田英三郎氏(日清製粉名誉会長相談役)18日死去". 日本食糧新聞・電子版 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
- ↑ https://www.asahi.com/articles/AST3C32QRT3CUTIL031M.html
- ↑ "美智子さまゆかりの木が「コカリナ」に 文京区の幼稚園:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2021-06-04. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
- ↑ "皇室に入る前から結ばれていた、美智子さまと雅子さまの「もう一つの絆」". 現代ビジネス (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-04-28. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
- 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/106304?page=1
- 1 2 "戦時中の疎開を経験された上皇陛下と美智子さま 慰霊の旅を振り返るために召し上がる郷土料理". おとなの週末Web (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-08-13. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
- 1 2 修司, 奥野 (2019-12-14). "美智子さまと緒方貞子さんの「絆」 | 奥野 修司". 文藝春秋PLUS. สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
- 1 2 https://www.jprime.jp/articles/-/6321?display=b
- ↑ "The commoners who married royalty". BBC. สืบค้นเมื่อ 11 March 2013.
- ↑ "カメラマンは代々の老舗写真店主 写真集 『天皇皇后両陛下と軽井沢』|好書好日". 好書好日 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-20.
- ↑ https://blog.goo.ne.jp/mi-piace_2011/e/17fb72e881a2b1a8996a3d943d44288e
- ↑ https://web.archive.org/web/20091002204229/http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,892335-7,00.html
- ↑ "上皇后さま20日に90歳の誕生日 民間から皇室、平成流を支えた旅". 毎日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- ↑ คลิปงานแถลงข่าว https://www.youtube.com/watch?v=HV1vvYh8vgA
- 1 2 https://www.nhk.or.jp/archives/history/year/1959/
- 1 2 "« The Girl from Outside », Time, 23 March 1959". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-06. สืบค้นเมื่อ 2015-03-13.
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/42237?page=3
- 1 2 3 "「手榴弾だと思いました…」上皇さま・美智子さまの「空前絶後の結婚パレード」の舞台裏". ダイヤモンド・オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-02-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-22.
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/42237?page=4
- ↑ https://www.mofa.go.jp/s_sa/sea2/ph/page3e_000444.html
- ↑ "Crown Prince Akihito and Crown Princess Michiko visit the school (currently Emperor Emeritus and Empress Emerita). - Sydney Japanese International School" (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- 1 2 "« Japan's Dowager Empress Dead At 97 », CBS, 16/06/2000". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-06. สืบค้นเมื่อ 2015-03-14.
- 1 2 Herbert P. Bix, Hirohito and the making of modern Japan, New York, 2001, p. 661
- ↑ https://web.archive.org/web/20160305204644/http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000040928
- ↑ "象徴の在り方、模索の日々 天皇陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
- ↑ หนังสือ "板垣 2006" หน้า 34 - 40
- ↑ "Japanese Princess Has An Abortion", The Miami News, 22 March 1963, page 3
- ↑ https://www.dailyshincho.jp/article/2022/02230700/?all=1&page=3
- ↑ ハフポスト日本版編集部 (2019-06-16). "美智子さまの子育て「ナルちゃん憲法」とは 天皇陛下の幼き日々でふり返る(画像集)". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
- ↑ "象徴の在り方、模索の日々 天皇陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 "Their Majesties the Emperor and Empress". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
- 1 2 3 "จักรพรรดิญี่ปุ่นเฉลองครบรอบ 50 ปี การอภิเษกกับหญิงสามัญชนวันนี้". ASTV ผู้จัดการออนไลน์. 10 เมษายน 2552. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2558.
{{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=(help) - 1 2 "Their Majesties the Emperor Emeritus and Empress Emerita". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
- ↑ Inc, Nikkei (2019-11-10). "平成のパレード 11万人集う". 日本経済新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-26.
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=-8aH2dexkbE
- ↑ "上皇上皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0004
- ↑ https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0006
- ↑ "なぜ天皇陛下の退位は4月末日になったか 安倍首相との"バトル"の結果は?". PRESIDENT Online(プレジデントオンライン) (ภาษาญี่ปุ่น). 2017-12-11. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ วิดิโอพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=UaX5IdVx_1c
- ↑ "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
- ↑ "上皇上皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
- ↑ "Their Majesties the Emperor Emeritus and Empress Emerita". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
- ↑ "仙洞御所・宮邸". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-23.
- ↑ "美智子さま「杖をつかずに一般参賀に参加」の目標を見事に実現 宮内庁病院は看護師2名の追加採用を決定、"快復のカギ"となるか". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/118710?page=2
- ↑ Reuters, « Japan Empress Michiko ill », The Sydney Morning Herald, 06/03/2007
- 1 2 "公表事項 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/118710?page=1
- ↑ "美智子さま、コロナ感染:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-06-04. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
- ↑ "《2025年も寄り添いながら》上皇ご夫妻の仲むつまじいお姿 お出かけ時は「手つなぎ」、美智子さまのリハビリを上皇さまが見守られることも (1/1)". 介護ポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-12-31. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- ↑ 産経新聞 (2019-01-01). "陛下「国の発展と国民の幸せを祈ります」 皇居で新年祝賀の儀". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
- ↑ "「平成」残り4カ月、新年一般参賀に最多の15万人:皇室関係の今後の主な予定". nippon.com (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
- ↑ Company, The Asahi Shimbun. "朝日新聞デジタル写真特集「上皇后美智子さまと眞子さま」の「2017年、「講書始の儀」で講義を受ける天皇、皇后両陛下(当時)。奥は秋篠宮妃紀子さま、長女眞子さま=皇居・宮殿(21/29)」". 朝日新聞デジタル (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
- ↑ "皇居で「歌会始の儀」|テレ東BIZ". テレビ東京 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
- ↑ 竹腰奈生 (2024-02-27). "【天皇誕生日 一般参賀ファッション】皇后雅子さまのドレスは昨年に続き「ベルベット」「ブルー系」 愛子さまや佳子さまもブルー系をお召しに (1/1)". 女性セブンプラス (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
- ↑ "令和初の「園遊会」5月11日に4年半ぶりに開催へ". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2023-02-22. สืบค้นเมื่อ 2025-10-04.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0004
- 1 2 3 "象徴の在り方、模索の日々 天皇陛下の歩み:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-24.
- ↑ "全国植樹祭 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- 1 2 3 4 5 6 https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0004
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/crown-prince-akihito-addresses-while-crown-princess-michiko-news-photo/989054808?adppopup=true
- ↑ "天皇皇后両陛下のご日程(平成10年1月~3月) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-26.
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/prince-naruhito-crown-prince-akihito-crown-princess-michiko-news-photo/980428676?adppopup=true
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/crown-prince-akihito-crown-princess-michiko-prince-naruhito-news-photo/974469804?adppopup=true
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/emperor-akihito-and-empress-michiko-attend-a-basketball-news-photo/966894492?adppopup=true
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/emperor-akihito-and-empress-michiko-inspect-a-class-at-news-photo/488742311?adppopup=true
- 1 2 3 4 5 6 "その他の主な式典へのお出まし - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/crown-prince-akihito-addresses-while-crown-princess-michiko-news-photo/975439068?adppopup=true
- ↑ "日本芸術院授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- ↑ "日本国際賞授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- ↑ "日本学士院授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- ↑ "国際生物学授賞式 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0005
- ↑ https://www.gettyimages.com/detail/news-photo/emperor-akihito-and-empress-michiko-offer-flowers-at-an-news-photo/466087130?adppopup=true
- ↑ "両陛下、「自主停電」お続けに - MSN産経ニュース". sankei.jp.msn.com (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-26. สืบค้นเมื่อ 2025-08-28.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/v4?id=201906heiseiayumi0006
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(戦後)(昭和28年~昭和63年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成元年~平成10年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-27.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成11年~平成20年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成21年以降) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
- ↑ "「私に翼をくれた」読書が広げた世界 歴代皇后で初の単独で外国訪問:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-25. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
- ↑ "Présentation de la Croix-Rouge japonaise sur son site officiel". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-27. สืบค้นเมื่อ 2015-03-14.
- ↑ https://www.kunaicho.go.jp/kunaicho/koho/kohyo/pdf/meiyokaiin.pdf
- ↑ https://www.jrc.or.jp/about/photo/190524_005727.html
- ↑ "皇后陛下のご養蚕". 政府広報オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-30.
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/261583?page=1
- ↑ https://books.google.co.th/books/about/Hajimete_no_yamanobori.html?id=f-CgnQEACAAJ&redir_esc=y
- ↑ https://www.worldfolksong.com/songbook/japan/nemunoki.html
- ↑ "The Belgian King Albert II and Queen Paola and their eldest son,..." Getty Images (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2013-07-16. สืบค้นเมื่อ 2025-09-28.
- ↑ https://web.archive.org/web/20161003215241/http://blog-imgs-71-origin.fc2.com/m/a/s/masakosamalove/20150426221023051.jpg
- ↑ https://www.theroyalforums.com/data/attachments/131/131638-73aa430aafded96f1f3e2934e2d2e1e4.jpg
- ↑ https://web.archive.org/web/20160304101210/http://static3.volkskrant.nl/static/photo/2012/9/7/7/album_large_1067182.jpg
- ↑ https://i.pinimg.com/736x/b4/50/f6/b450f6f8c300347a91adfcaf125d17c5.jpg
- ↑ https://www.gettyimages.co.uk/detail/news-photo/emperor-akihito-of-japan-and-empress-michiko-of-japan-news-photo/71200423
- ↑ https://www.omsa.org/files/jomsa_arch/Splits/1988/153251_JOMSA_Vol39_12_19.pdf
- ↑ https://web.archive.org/web/20150610180722/http://www.boe.es/boe/dias/1972/01/20/pdfs/A01047-01047.pdf
- ↑ https://1.bp.blogspot.com/-KyIaAtDRwmY/Ueky7ALRchI/AAAAAAAADQw/cc0fGI4yWos/s1600/19850226japn1prncipeakiret.jpg
- ↑ https://web.archive.org/web/20150122190624/http://www.boe.es/boe/dias/1994/10/10/pdfs/A31634-31634.pdf
- ↑ https://myroyal.wordpress.com/wp-content/uploads/2008/11/20081110_viaje_japon_06.jpg?w=470&h=297
- 1 2 https://www.ordens.presidencia.pt/?idc=154&list=1
- ↑ https://archive.is/20121217232134/https://www.borger.dk/foa/Sider/Default.aspx?fk=26&foaid=10171253&paid=
- ↑ https://www.parlament.gv.at/dokument/XXIV/AB/10542/imfname_251156.pdf
- ↑ https://www.officialgazette.gov.ph/featured/filipino-recipients-of-japanese-decorations-and-japanese-recipients-of-philippine-decorations/
- ↑ https://isap.sejm.gov.pl/isap.nsf/download.xsp/WMP20020440666/O/M20020666.pdf
- 1 2 "上皇后美智子さま祝生誕86年 お誕生日メモリアル|幼少期の愛称は「テンプルちゃん」 (1/1)". 介護ポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). 2020-10-19. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- 1 2 นิตยสารอาซาฮี ฉบับวันที่ 12 เมษายน 2502
- ↑ "80 พรรษา สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ ผู้ค้ำราชบัลลังก์อิมพิเรียลยุคใหม่". ไทยรัฐออนไลน์. 26 ตุลาคม 2557. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2558.
{{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=(help) - ↑ หนังสือ "私の生き方 中村メイコ (女優)" หน้า 10 - 18
- 1 2 "<皇后の素顔>聖心女子大学同級生が語る美智子さま、学生時代のご様子は". 週刊女性PRIME (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- 1 2 3 4 5 หนังสือ "歴代皇后125代総覧"
- ↑ หนังสือ "板垣" หน้า 26–33
- ↑ https://president.jp/articles/-/76541?page=4
- ↑ Michael Sheridan (27 มีนาคม 2548). "Sunday Times Mishima Feature". Sunday Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-12. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2558.
{{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=(help) - ↑ Saru, « 三島入門 (An Introduction to Mishima) », Mutant Frog Travelogue, 12 February 2006
- ↑ https://fujinkoron.jp/articles/-/202?page=3
- 1 2 https://diamond.jp/articles/-/356494?page=2
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/102465?page=1
- ↑ "美智子さまの子育て「ナルちゃん憲法」とは 天皇陛下の幼き日々でふり返る(画像集)". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-06-16. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
- ↑ นิตยสาร "週刊新潮" ฉบับวันที่ 24 กันยายน 2552
- ↑ หนังสือ "おことば 戦後皇室語録" หน้า 192 - 193
- ↑ หนังสือ "日本刑罰史年表 増補改訂版" หน้า 311
- ↑ https://web.archive.org/web/20140708142123/http://news.nifty.com/cs/magazine/detail/sapio-20090910-01/3.htm
- ↑ "ねむの木の庭". しながわ観光協会 (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- ↑ "'Princess Michiko' Rose". www.helpmefind.com. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- ↑ "皇室の"ベストドレッサー"美智子さま「女性皇族のスタイルを確立させた」皇太子妃時代の印象深い"可憐コーデ"3選". 週刊女性PRIME (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-21.
- ↑ "Vanity Fair". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-10. สืบค้นเมื่อ 2015-03-14.
- ↑ Ultimate Style – The Best of the Best Dressed List. 2004. p. 158. ISBN 2 84323 513 8.
แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ
[แก้]- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาอังกฤษ https://www.kunaicho.go.jp/eindex.html
- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาญี่ปุ่น https://www.kunaicho.go.jp/
- ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
| ก่อนหน้า | สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ | ถัดไป | ||
|---|---|---|---|---|
| จักรพรรดินีโคจุง | จักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น (7 มกราคม พ.ศ. 2532 — 30 เมษายน พ.ศ. 2562) |
จักรพรรดินีมาซาโกะ | ||
| จักรพรรดิพระเจ้าหลวง อากิฮิโตะ |
ลำดับโปเจียมแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น (ลำดับที่ 4) |
มกุฎราชกุมาร อากิชิโนะ |