เจ้าชายฮิซาฮิโตะ
| เจ้าชายฮิซาฮิโตะ | |
|---|---|
| ชินโน (เจ้าชายชั้นเอก) | |
เจ้าชายฮิซาฮิโตะ เมื่อ พ.ศ. 2563 | |
| ประสูติ | 6 กันยายน พ.ศ. 2549 โรงพยาบาลไอกุ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
| ราชวงศ์ | ญี่ปุ่น |
| พระบิดา | มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ |
| พระมารดา | มกุฎราชกุมารีอากิชิโนะ |
เจ้าชายฮิซาฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 悠仁親王殿下[1]; โรมาจิ: Hisahito Shinnō Denka; อังกฤษ: His Imperial Highness Prince Hisahito[2]) ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ "ชินโน" หรือเจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ทรงเป็นพระโอรสพระองค์เดียวในมกุฎราชกุมารและมกุฎราชกุมารีอากิชิโนะ ทรงเป็นพระราชภาติยะในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ปัจจุบัน และทรงเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ
ปัจจุบันทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่สองแห่งการสืบราชสันตติวงศ์ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 2[3]
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ สนร่ม[4] ที่ประทับหลัก ตำหนักอากิชิโนะ (秋篠宮邸) เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว[5]
พระประวัติ
[แก้]| ราชวงศ์ญี่ปุ่น |
|---|
|
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เจ้าชายมาซาฮิโตะ ฮิตาจิโนะมิยะ |
พระประสูติการ
[แก้]วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เจ้าหญิงอากิชิโนะทรงเข้ารับการอัลตราซาวด์ ณ ตำหนักอากิชิโนะ ผลการตรวจคือ พบการเต้นของหัวใจทารก และได้รับการยืนยันว่าทรงพระครรภ์เป็นเวลา 6 สัปดาห์แล้ว โดยมีกำหนดการประสูติในเดือนกันยายน ซึ่งสำนักพระราชวังได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549[6]
วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 เจ้าหญิงอากิชิโนะทรงเข้ารับการตรวจพระครรภ์ ทราบผลว่ามีภาวะพระครรภมล (รก) เกาะต่ำบางส่วน มีความเสี่ยงที่พระโลหิตจะออกมากและมีพระประสูติการก่อนกำหนด[6][7]
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2549 (ปีเฮเซที่ 18) เวลา 08:27 น. เจ้าหญิงอากิชิโนะมีพระประสูติการพระโอรส ณ โรงพยาบาลไอกุ (愛育病院) เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว น้ำหนักพระองค์ 2,558 กรัม ความยาวพระวรกาย 48.8 เซนติเมตร และสืบเนื่องมาจากภาวะพระครรภมลเกาะต่ำตอนทรงพระครรภ์ จึงต้องถวายการผ่าคลอดก่อนกำหนด 2 สัปดาห์[6][7] โดยพระพลานามัยของทั้งเจ้าหญิงอากิชิโนะและพระโอรสนั้นสมบูรณ์ปลอดภัยดี ในบ่ายวันเดียวกัน สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการจัดพิธีพระราชทานดาบคุ้มครอง (賜剣の儀) และฮากามะ (袴) โดยเจ้าพนักงานอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ข้างพระแท่นของพระโอรส ซึ่งเป็นธรรมเนียมราชสำนักเมื่อมีสมาชิกใหม่ของราชวงศ์ประสูติ[6]
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2549 มีการจัดพิธีเฉลิมพระนาม (命名の儀) ซึ่งเป็นธรรมเนียมราชสำนักที่จัดหลังจากพระประสูติการประมาณ 7 วัน ในพิธีนี้จะมีการตั้งพระนามและกำหนดสัญลักษณ์ประจำพระองค์ แต่เนื่องด้วยพระองค์ไม่ใช่พระราชโอรสของจักรพรรดิหรือมกุฎราชกุมาร แต่เป็นพระโอรสของเจ้าชายในราชวงศ์ (ณ ขณะนั้น) จึงทำให้พระนามถูกตั้งโดยพระบิดาแทนที่จะเป็นจักรพรรดิ และไม่ได้รับพระราชทานพระนามโกโชโง[6] พระบิดาจึงทรงตั้งพระนามพระโอรสว่า "ฮิซาฮิโตะ" (悠仁) เป็นการประกอบจากคำว่า "ฮิซะ" (悠) ที่แปลว่า ความสงบหรืออายุยืนยาว กับคำว่า "ฮิโตะ" (仁) ที่แปลว่า ผู้มีคุณธรรม (และเป็นคำที่ใช้ลงท้ายพระนามราชวงศ์ฝ่ายหน้าตามธรรมเนียมราชสำนัก) โดยรวมมีความหมายว่า "ผู้มีศีลธรรม จริยธรรม ความสงบเยือกเย็น และความเป็นนิรันดร์"[8] อีกทั้ง ณ วันประสูติ ทรงเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จึงทำให้พระองค์ดำรงฐานันดรศักดิ์ "ชินโน" หรือ เจ้าชายชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 6[3] และมีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำพระองค์เป็นสนร่ม ซึ่งมีความหมายว่า "อยากให้เติบโตขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และซื่อตรง"[9]
เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงเป็นพระบุตรพระองค์เล็กและเป็นพระโอรสพระองค์เดียวในเจ้าชายและเจ้าหญิงอากิชิโนะ ทรงมีพระเชษฐภคินี 2 พระองค์คือเจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะ ตามลำดับ
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549 เจ้าชายฮิซาฮิโตะปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนครั้งแรก พร้อมกับพระบิดาและพระมารดาที่ด้านหน้าโรงพยาบาลไอกุ จากนั้นขึ้นประทับรถยนต์เพื่อกลับสู่ตำหนัก โดยมีประชาชนรับเสด็จกว่า 1,800 คนตลอดเส้นทาง[10]

การขาดแคลนราชวงศ์ฝ่ายหน้าและข้อถกเถียงเรื่องการสืบสันตติวงศ์
[แก้]
เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าพระองค์ล่าสุดของราชวงศ์ญี่ปุ่นในรอบเกือบ 41 ปี โดยพระองค์ก่อนหน้าที่ประสูติคือเจ้าชายอากิชิโนะ พระบิดา (เมื่อ พ.ศ. 2508) หลังจากนั้นมีพระประสูติการของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในติดต่อกันถึง 9 พระองค์ จนกระทั่งเจ้าชายฮิซาฮิโตะประสูติในปี พ.ศ. 2549 ทำให้สังคมในช่วงเวลานั้นเกิดความกังวลถึงปัญหาเรื่องการสืบสันตติวงศ์ในอนาคต[11] เนื่องจากกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 1 อนุญาตให้เพียงแค่บุรุษเท่านั้นที่สามารถขึ้นครองราชย์ได้[12] ซึ่งก่อนที่เจ้าชายฮิซาฮิโตะจะประสูตินั้น ญี่ปุ่นมีพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าเหลืออยู่เพียง 3 พระองค์และลำดับการสืบสันตติวงศ์ ณ ขณะนั้น ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 2[3] เป็นดังนี้
- มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ มีพระธิดา 1 พระองค์
- เจ้าชายอากิชิโนะ มีพระธิดา 2 พระองค์
- เจ้าชายฮิตาจิ (พระราชอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ) ไม่มีพระโอรส-พระธิดา
ด้วยสาเหตุนี้จึงมีการถกเถียงกันในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับตัวกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่นว่าควรจะแก้ไขให้สตรีสามารถขึ้นครองราชย์ได้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากราชวงศ์ญี่ปุ่นในอดีตเคยมีบันทึกถึงการครองราชย์ของจักรรพรรดินีถึง 8 พระองค์ แต่ก็มีข้อโต้แย้งเช่นกันว่าเป็นแค่การครองราชย์เพียงชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเท่านั้น (เช่น รัชทายาทชายตัวจริงยังไม่บรรลุนิติภาวะ) อีกทั้งจักรพรรดินีไม่เคยอภิเษกระหว่างครองราชย์ จึงไม่ได้ให้กำเนิดรัชทายาทเพื่อสืบบัลลังก์ต่อ [11][13] จากข้อถกเถียงต่างๆ รวมทั้งสภาที่ปรึกษาได้ให้คำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรีจุนอิจิโร โคอิซูมิ (ณ ขณะนั้น) จึงทำให้ทางนายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจในการแก้ไขกฎหมายนี้และเริ่มมีการเตรียมร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติ[6][13]
แต่พอเจ้าหญิงอากิชิโนะตั้งพระครรภ์และให้กำเนิดเจ้าชายฮิซาฮิโตะ ทำให้นายกรัฐมนตรีระงับการส่งเรื่องขอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้เข้าไปในสภานิติบัญญัติ ซึ่งนายชินโซ อาเบะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ออกมาให้เหตุผลว่า “เรายังต้องการความเข้าใจร่วมกันในระดับชาติ ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันอย่างสงบ รอบคอบ และมีสติ เราคงยังไม่สามารถหารือเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายนี้ได้อีกสักพัก เราคงต้องรอจนกว่าจะมีเวลาที่เหมาะสม”[6][13] ดังนั้นเจ้าชายฮิซาฮิโตะจึงทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ของราชวงศ์ญี่ปุ่น หลังประสูติทันที
การศึกษา
[แก้]
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553 เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนอนุบาล สังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) เขตบุงเกียว กรุงโตเกียว[14][15]
วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เจ้าชายฮิซาฮิโตะได้ทรงเข้าพิธีตามธรรมเนียมราชวงศ์ญี่ปุ่นดังนี้
- พิธีสวมฮากามะ (着袴の儀) โดยพระองค์จะทรงสวมชุด "โอจิตากิสึ-โนะ-โกฟูกุ" (落滝津の御服) หรือ กิโมโนลวดลายน้ำตกพร้อมกับฮากามะ (袴) สีขาวที่ทรงได้รับพระราชทานในวันประสูติ[16][17]
- พิธีฟูกาโซกิ (深曽木の儀) เป็นพิธีการที่จัดเฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า โดยเจ้าชายฮิซาฮิโตะจะทรงฉลองพระองค์ชุดโดเกียวฟูกุ (童形服) ประทับยืนบนหินสีน้ำเงิน 2 ก้อนบนกระดานโกะ พระหัตถ์ซ้ายถือกิ่งสนและผลส้มภูเขา พระหัตถ์ขวาถือพัด จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการตัดปลายพระเกศา และให้ทรงกระโดดจากกระดาน[18][19] ปกของฉลองพระองค์นั้นมีเครื่องหมายรูปไม้กางเขนอยู่ บ่งบอกได้ว่าเป็นเครื่องแต่งกายแบบ "ยามาชินะ" (山科流) โดยตามธรรมเนียมแล้วจะมีเพียงแค่จักรพรรดิหรือมกุฎราชกุมารเท่านั้นที่จะทรงฉลองพระองค์แบบนี้ ซึ่งพิธีฟูกาโซกิในอดีต สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะก็ทรงฉลองพระองค์แบบดังกล่าว ส่วนเจ้าชายอากิชิโนะ (พระบิดา) ทรงฉลองพระองค์ในแบบที่เรียกว่า "ทากากูระ" (高倉流) ซึ่งที่ปกฉลองพระองค์จะมีเครื่องหมายกากบาทแทน[20]
วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 ทรงเข้าพิธีจบการศึกษาระดับชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนอนุบาล สังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) กรุงโตเกียว[21]
วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) เขตบุงเกียว กรุงโตเกียว[22]
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 ทรงเข้าพิธีจบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา[23]

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) เขตบุงเกียว กรุงโตเกียว[24]
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562 คุณครูพบวัตถุมีคมสองชิ้น ลักษณะเป็นมีดปอกผลไม้ผูกติดกับไม้ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร รูปร่างคล้ายหอก วางอยู่บนโต๊ะของเจ้าชายฮิซาฮิโตะในโรงเรียน ซึ่งตำรวจนครบาลกรุงโตเกียวรายงานว่า ได้มีการจับกุมนายคาโอรุ ฮาเซกาวะ อายุ 56 ปี ในข้อหาบุกรุกโรงเรียนแล้ว และเขาได้ให้การสารภาพว่าได้เข้าไปในโรงเรียนจริง โดยแจ้งเจ้าหน้าที่โรงเรียนว่าเป็นช่างประปา ซึ่งขณะนั้นเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงกำลังเรียนวิชาพลศึกษาอยู่นอกห้องเรียน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ[25][26]
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (ปีเรวะที่ 1) มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ จึงทำให้พระบิดาดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารอากิชิโนะ ส่วนเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์ญี่ปุ่นต่อจากพระบิดา ตามกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตราที่ 2[3]
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564 เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงได้รับรางวัลชมเชย ในการประกวดวรรณกรรมสารคดีเด็กครั้งที่ 12 ประเภทนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งสนับสนุนโดยพิพิธภัณฑ์วรรณกรรมเมืองคิตะกีวชู โดยพระองค์เข้าร่วมรับรางวัลผ่านการประชุมออนไลน์[27] ผลงานพระนิพนธ์ของเจ้าชายฮิซาฮิโตะมีชื่อว่า "การเยี่ยมชมหมู่เกาะโอกาซาวาระ" (小笠原諸島を訪ねて) ซึ่งพระองค์ทรงเล่าถึงประสบการณ์ที่ไปเยือนหมู่เกาะโอกาซาวาระกับพระมารดาเมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยมีความยาวทั้งหมด 19 หน้า[28] อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงถูกกล่าวหาจากสำนักพิมพ์นิตยสาร Shukan Shincho ว่าผลงานที่พระองค์ได้รับรางวัลมานั้น มีข้อความบางส่วนคล้ายคลึงกับผลงานวิจัยของสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแบบคำต่อคำ และคล้ายกับการตีพิมพ์เรื่อง "World Heritage Ogasawara" โดยไม่มีการอ้างอิงที่ชัดเจน ทางสำนักพระราชวังจึงได้สอบถามไปยังเจ้าชายฮิซาฮิโตะ และออกมาชี้แจงว่า “การเขียนอ้างอิงในพระนิพนธ์นั้นมีไม่เพียงพอ เจ้าชายจะทำการตรวจสอบพระนิพนธ์ของพระองค์ว่าต้องมีการอ้างอิงเพิ่มเติมอีกหรือไม่ และจะทำการชี้แจงกับทางผู้ให้รางวัล (เมืองคิตะกีวชู) ด้วยพระองค์เอง” ซึ่งทางผู้ให้รางวัลได้ชี้แจงภายหลังว่า “ถึงแม้พระนิพนธ์จะมีบางส่วนที่คล้ายคลึงและมีการอ้างอิงที่ไม่เพียงพอ แต่การให้รางวัลนั้นได้พิจารณาจากหัวข้อและการสื่ออารมณ์ของผลงาน ซึ่งเราจะไม่มีการเพิกถอนรางวัลแต่อย่างใด”[29][30][31][32]
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2565 ทรงเข้าพิธีจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น[33]
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดมหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学) วิทยาเขตโตเกียว เขตบุงเกียว กรุงโตเกียว[34] และทรงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบเดี่ยวเป็นครั้งแรก เกี่ยวกับความปรารถนาสำหรับชีวิตในมัธยมปลาย[35]
วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2568 ทรงเข้าพิธีจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และทรงให้สัมภาษณ์กับสื่อ[36][37]
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2568 ทรงเข้าพิธีเข้ารับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ที่มหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学) เมืองสึกูบะ จังหวัดอิบารากิ อีกทั้งทรงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะเข้าพิธีการ[38][39]
บรรลุนิติภาวะ
[แก้]วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567 เจ้าชายฮิซาฮิโตะมีพระชนมายุครบ 18 ชันษา ซึ่งถือว่าทรงบรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับใหม่ของญี่ปุ่น[40] ดังนั้นพระองค์จึงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรกของราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่ทรงบรรลุนิติภาวะเมื่อพระชนมายุครบ 18 ชันษาตามกฎหมายฉบับใหม่[41] อีกทั้งพระองค์จะได้รับงบประมาณส่วนพระองค์ (皇族費) เป็นจำนวน 9.15 ล้านเยนต่อปี (ประมาณ 2 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมก่อนการบรรลุนิติภาวะ 3 เท่า เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติพระกรณียกิจหลังจากการบรรลุนิติภาวะ[42]
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2568 เจ้าชายฮิซาฮิโตะเสด็จลง ณ ตำหนักอากาซากะตะวันออก (赤坂東邸) เขตพระราชฐานอากาซากะ โปรดให้สื่อมวลชนเฝ้าและประทานสัมภาษณ์แก่เหล่าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทรงบรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย[43][44]
อย่างไรก็ตาม พระราชพิธีฉลองบรรลุนิติภาวะตามธรรมเนียมราชวงศ์ถูกพิจารณาเลื่อนไปจัดในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568 แทน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติครบ 19 ชันษา[45] เนื่องจากเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังต้องปรับพระองค์กับชีวิตในระดับมหาวิทยาลัย โดยในอดีตนั้นพระราชพิธีฉลองบรรลุนิติภาวะเคยถูกระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในกฎหมายพระราชพิธีฉลองบรรลุนิติภาวะ พ.ศ. 2452 พอหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว กฎหมายนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป แต่ราชวงศ์ก็ยังคงยึดถือธรรมเนียมปฏิบัตินี้อยู่[42]
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์ แด่เจ้าชายฮิซาฮิโตะ เนื่องในวโรกาสการบรรลุนิติภาวะของพระองค์[45]
พระราชพิธีฉลองบรรลุนิติภาวะในครั้งนี้ ถือเป็นพิธีบรรลุนิติภาวะของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าในรอบ 40 ปี (ครั้งล่าสุดคือพิธีของพระบิดา เมื่อ พ.ศ. 2528)[45][46] โดยพิธีการประกอบไปด้วย
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 08:45 น. พิธี "คัมมูริ-โอะ-ทามาอุ" (冠を賜うの儀) หรือพิธีรับมงกุฎพระราชทาน ณ ตำหนักอากิชิโนะ โดยเจ้าชายฮิซาฮิโตะเสด็จออกทรงรับมงกุฎจากผู้แทนพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ[47] ซึ่งมงกุฎที่จะได้รับพระราชทานนั้นเรียกว่า "เอ็มบิโนเอะ-โนะ-คัง" (燕尾纓の冠) เป็นประเภทหนึ่งของมงกุฎโบราณญี่ปุ่น (冠) โดยจะมีการประดับตราพระราชลัญกรดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นตราประจำสมเด็จพระจักรพรรดิและได้รับพระบรมราชานุญาตในการประดับ อีกทั้งส่วนปลายที่ยื่นออกจากตัวมงกุฎซึ่งเรียกว่า "เอ" (纓) จะห้อยลง โดยมงกุฎนี้จะใช้สวมเฉพาะในพิธีการเท่านั้น
เวลา 10:00 น. พิธี "คากัง" (加冠の儀) หรือพิธีสวมมงกุฎ ณ ท้องพระโรงชุนจูโนะมะ (春秋の間) พระราชวังหลวงโตเกียว เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ในชุด "โซกูไต" (束帯) หรือชุดพิธีการโบราณของญี่ปุ่นสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ[42][47][48][49] อันประกอบไปด้วย
- ฉลองพระองค์ "เค็ตเตกิ โนะ โฮ" (闕腋袍) เป็นประเภทหนึ่งของชุดพิธีการโบราณ โดยมีสีเหลืองอ่อน ทอเป็นลวดลายเมฆกับนกกระเรียน ไม่มีการเย็บปิดชายด้านข้างซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของชุดนี้ และมีชายฉลองพระองค์ยาว 6 เมตร
- พระมาลา "คูโช โคกุ ซากุ" (空頂黒幎) มีลักษณะคล้ายแถบคาดหน้าผาก ทำจากผ้าไหมทวิลล์สีดำ ซึ่งพระองค์จะทรงใช้ของพระบิดาที่เคยใช้ในพิธีเมื่อ 40 ปีก่อน
- พระสนับเพลา "อูเอะ โนะ ฮากามะ" (表袴) เป็นฮากามะ (กางเกงโบราณของญี่ปุ่น) สีขาว และมีซับด้านในสีแดง
- รัดพระองค์ (เข็มขัด) "เซกิไต" (石帯) ทำจากไฟเบอร์กลาสและมีสีดำ
- ฉลองพระบาท "ชิไก" (絲鞋) เป็นรองเท้าที่ถักด้วยไหมสีขาว
- พระหัตถ์ถือ "ฮู่" (笏) ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นไม้ยาวทำจากต้นยิวญี่ปุ่น (イチイ) โดยพระองค์จะทรงใช้ของพระบิดาเช่นกัน
- ที่ด้านหน้าของฉลองพระองค์จะมีลักษณะเป็นช่องที่ใส่ของเข้าไปได้ โดยภายในจะมีการใส่กระดาษทาโตกามิ (帖紙) สีแดง ซึ่งในอดีตมักจะนำไปใช้เขียนกวีและเพื่อทำให้ชุดคงรูป และมีการใส่พัดโยโกเมโองิ (横目扇) ซึ่งทำจากไม้ฮิโนกิและเป็นสิ่งที่ใช้บ่งบอกสถานะทางสังคมในอดีต โดยของทั้งสองสิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้เยาว์
จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังทำการสวมมงกุฎ "เอ็มบิโนเอะ-โนะ-คัง" (燕尾纓の冠) ให้กับพระองค์ อันเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากวัยเยาว์เป็นวัยผู้ใหญ่ รัดเชือกของมงกุฎที่ปลายพระหนุ (คาง) จากนั้นทำการตัดเชือก ซึ่งขั้นตอนการตัดเชือกจะมีเสียงดังที่เป็นเอกลักษณ์ของพิธีนี้ อีกทั้งระหว่างการตัดเชือกจะมีการใช้กระดาษรองที่พระศอก่อนซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากพิธีในอดีต เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ว พระองค์ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ไปเป็นชุดสำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว[42][47] อันประกอบไปด้วย
- ฉลองพระองค์ "โฮเอกิ โนะ โฮ" (縫腋袍) เป็นประเภทหนึ่งของชุดพิธีการโบราณ โดยจะมีสีดำ ปกติแล้วจะใช้เป็นชุดสำหรับข้าราชการระดับ 4 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นฉลองพระองค์ของเจ้าชายจะมีการทอเป็นลวดลายเมฆกับนกกระเรียน
- มงกุฎ "ซุยเอคัง" (垂纓冠) เป็นอีกประเภทหนึ่งของมงกุฎโบราณญี่ปุ่น (冠) พระองค์ทรงเปลี่ยนมาใส่มงกุฎรูปแบบนี้หลังพิธีการเสร็จสิ้น ความแตกต่างคือส่วนของ "เอ" (纓) หรือ ส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวมงกุฎจะไม่ห้อยลง แต่มีการดัดขึ้นเป็นรูปร่างโค้ง โดยความโค้งงอนั้นขึ้นอยู่กับสถานะผู้ใส่ โดย "เอ" ของมงกุฎเจ้าชายจะมีความโค้งงอมากกว่ามงกุฎของมกุฎราชกุมาร ส่วน "เอ" ของมงกุฎจักรพรรดิจะตั้งตรง
- พระสนับเพลา "อูเอะ โนะ ฮากามะ" (表袴)
- รัดพระองค์ (เข็มขัด) "เซกิไต" (石帯)
- ฉลองพระบาท "คาโนกูสึ" (鞾) เป็นรองเท้าบูทหนังสีดำ
- พระหัตถ์ถือ "ฮู่" (笏)
- ที่ด้านหน้าของฉลองพระองค์ จะมีการใส่กระดาษทาโตกามิ (帖紙) สีขาว และใส่พัดฮิโอกิ (檜扇) ที่ทำจากต้นสนไซเปรส โดยของทั้งสองสิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่
เนื่องจากพระองค์ประสูติในช่วงฤดูร้อน ฉลองพระองค์ "เค็ตเตกิ โนะ โฮ" ในพิธีจึงเป็นฉลองพระองค์สำหรับฤดูร้อน ซึ่งจะมีความโปร่งมากกว่าเพราะไม่มีซับด้านในและทำจากไหมดิบ และฉลองพระองค์ "โฮเอกิ โนะ โฮ" ก็เป็นฉลองพระองค์สำหรับฤดูร้อนเช่นกัน โดยผ้าด้านในจะมีสีแดง (ฤดูหนาวผ้าด้านในจะมีสีขาว) ทั้งนี้พระบรมวงศานุวงศ์ชายส่วนใหญ่จะประสูติในฤดูหนาว จึงทำให้การตัดฉลองพระองค์สำหรับพิธีนี้เป็นฉลองพระองค์สำหรับฤดูร้อนในรอบ 100 กว่าปี (พระองค์ล่าสุดคือเจ้าชายชิจิบุ)[42] อีกทั้งฉลองพระองค์เป็นแบบที่เรียกว่า "ทากากูระ" (高倉流) ซึ่งจะมีเครื่องหมายกากบาทที่ปกฉลองพระองค์
ในพิธีนี้สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นประธานในพิธี อีกทั้งมีพระบรมวงศานุวงศ์ 8 พระองค์, ซายาโกะ คูโรดะพร้อมด้วยสามี (มีศักดิ์เป็นอาและอาเขยของพระองค์), นายชู คาวาชิมะพร้อมด้วยภรรยา พระเชษฐาและพระเชษฐนีของเจ้าหญิงอากิชิโนะ (มีศักดิ์เป็นลุงและป้าสะใภ้ของพระองค์) เข้าร่วมในพิธีด้วย
เวลา 11:30 น. เจ้าชายฮิซาฮิโตะเสด็จด้วยรถม้าหมายเลข 4 ซึ่งเป็นรถม้าที่สร้างขึ้นในรัชสมัยไทโช เพื่อไปเคารพศาลเจ้าสามแห่งในพระราชวังหลวงโตเกียว[50][51]
เวลา 14:00 น. พิธี "โชเก็ง" (朝見の儀) ณ ท้องพระโรงมัตสึโนะมะ (正殿松の間) พระราชวังหลวงโตเกียว โดยเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงฉลองพระองค์ชุดพิธีการตะวันตกเป็นชุดสูทหางยาว (Tailcoat) เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี โดยเจ้าชายฮิซาฮิโตะกราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อหน้าพระพักตร์
“...ข้าพระพุทธเจ้าจะตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบในฐานะสมาชิกพระบรมวงศ์ ข้าพระพุทธเจ้าจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งหมั่นเพียรศึกษา และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี เพื่อเป็นตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระราชทานจากใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่เสมอ...”
— คำกราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของเจ้าชายฮิซาฮิโตะ
และทั้งสองพระองค์มีพระราชดำรัสแสดงความยินดีต่อพระองค์
“ข้าพเจ้าขอแสดงความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการบรรลุนิติภาวะของพระองค์ ข้าพเจ้าหวังจะได้เห็นความตั้งใจหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียนและเติมเต็มหน้าที่รับผิดชอบในการบำเพ็ญกรณียกิจต่าง ๆ ในฐานะสมาชิกพระบรมวงศ์อย่างดีที่สุดสืบไป”
— พระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
อีกทั้งโต๊ะเบื้องหน้าพระพักตร์ของทั้งสามพระองค์จะมีอาหารมงคลวางอยู่ ประกอบไปด้วย ลูกชิ้นปลาไส้หอยเม่น, ปลาฮิบุริเค็มตากแห้ง, ข้าว, กุ้งต้มเกลือ, นกกระทาอบ, ครีบปลากะพง, และสุราที่กลั่นมา 9 ปี[52] จากนั้นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์ แก่เจ้าชายฮิซาฮิโตะ[47] ถัดมาพระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิจิโกะ ณ พระตำหนักเซ็นโต ในเขตพระราชฐานอากาซากะ
เวลา 18:30 น. มีการจัดงานเลี้ยงฉลองแบบส่วนพระองค์ โดยผู้เข้าร่วมจะมีเพียงแค่พระบรมวงศานุวงศ์, ซายาโกะ คูโรดะพร้อมด้วยสามี, และนายชู คาวาชิมะพร้อมด้วยภรรยา[53][54] ซึ่งงานนี้ มกุฎราชกุมารและมกุฎราชกุมารีอากิชิโนะ ทรงเป็นเจ้าภาพ และจัดงาน ณ โรงแรมเอกชน ภายนอกพระราชวังหลวงโตเกียว เนื่องจากเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงมีสถานะเป็นเพียงสมาชิกของราชวงศ์สาขา ไม่ใช่พระรัชทายาทโดยตรงของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ซึ่งจะแตกต่างจากงานเลี้ยงการบรรลุนิติภาวะของเจ้าชายฮิโระ (สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ) และเจ้าชายอายะ (เจ้าชายอากิชิโนะ) ในอดีต ที่จัดภายในพระราชวังหลวงโตเกียว เนื่องจากทั้งสองพระองค์เป็นพระรัชทายาทของจักรพรรดิโชวะ ณ ขณะนั้น[55]
วันที่ 7 - 8 กันยายน พ.ศ. 2568 เจ้าชายฮิซาฮิโตะ ทรงฉลองพระองค์ในชุด Morning Coat พร้อมหมวกทรงสูง เสด็จไปเคารพศาลเจ้าอิเซะ จังหวัดมิเอะ โดยรถไฟพระที่นั่ง จากนั้นทรงประทับค้างแรมที่ภายในศาลเจ้าอิเซะ ก่อนเป็นเวลา 1 คืน ซึ่งในคืนนั้นเกิดปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง โดยในเช้าวันถัดมา พระองค์เสด็จไปเคารพเทพีโทโยอูเกะ (เทพีแห่งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย) ณ ศาลเจ้าชั้นนอก และเทพเจ้าอามาเตราซุ สุริยเทพีและต้นบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่น ณ ศาลเจ้าชั้นใน เพื่อรายงานการบรรลุนิติภาวะของพระองค์ ทั้งนี้ในช่วงบ่าย พระองค์เสด็จไปถวายพระราชสักการะสุสานจักรพรรดิจิมมุ (จักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่น) ที่จังหวัดนาระ[56]
วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568 เจ้าชายฮิซาฮิโตะ เสด็จเยือนเมืองฮาจิโอจิ กรุงโตเกียว เพื่อถวายพระราชสักการะและรายงานการบรรลุนิติภาวะต่อสุสานหลวงทามะ (สุสานของจักรพรรดิไทโช), สุสานหลวงทามะตะวันออก (สุสานของจักรพรรดินีเทเม) สุสานหลวงมูซาชิโนะ (สุสานของจักรพรรดิโชวะ), และสุสานหลวงมูซาชิโนะตะวันออก (สุสานของจักรพรรดินีโคจุง)[57]
วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568 เจ้าชายฮิซาฮิโตะ เสด็จร่วมงานเลี้ยงฉลองการบรรลุนิติภาวะ ณ หออนุสรณ์เมจิ กรุงโตเกียว โดยมีพระบิดา, พระมารดา, พระเชษฐภคินี, นายกรัฐมนตรี, ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, ประธานศาลสูงสุด, อธิการบดีมหาวิทยาลัยสึกูบะ, และบุคลากรโรงเรียนสังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ เข้าร่วมในงานเลี้ยง[58]
หลังจากที่พระองค์ผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะอย่างเป็นทางการแล้ว พระองค์จะเริ่มปฏิบัติพระกรณียกิจอย่างเป็นทางการ รวมถึงสามารถเป็นสมาชิกสภาราชวงศ์ และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้
การเติบโตในบทบาทของสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่น
[แก้]
เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงตามเสด็จพระบิดา พระมารดา รวมทั้งพระเชษฐภคินี เพื่อเรียนรู้บทบาทของราชวงศ์ญี่ปุ่นในฐานะพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
การเสริมสร้างการเรียนรู้
[แก้]- ช่วงยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วประเทศ เช่น พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ กรุงโตเกียว[59], พิพิธภัณฑ์การดับเพลิง (消防博物館) กรุงโตเกียว[60], พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคาโมกาวะ (鴨川シーワールド) จังหวัดชิบะ[61], พิพิธภัณฑ์ศิลปะซันโตรี่ (サントリー美術館) กรุงโตเกียว[62], พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟูกูอิ (福井県立恐竜博物館) จังหวัดฟูกูอิ[63]
- ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่วิจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านธรรมชาติและชีววิทยา เช่น พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์คุณมินากาตะ คูมากูสุ (南方熊楠) (นักชีววิทยาและนักธรรมชาติวิทยาชาวญี่ปุ่น) จังหวัดวากายามะ[64], สถานที่วิจัยของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยทามากาวะ (玉川大学) กรุงโตเกียว[65], การประกวดบิโอโทปของโรงเรียนและสนามเด็กเล่นทั่วประเทศ ประจำปี 2023[66]
การสักการะศาลเจ้าอิเซะและสุสานหลวงของอดีตจักรพรรดิ
[แก้]- วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ทรงถวายพระราชสักการะสุสานจักรพรรดิจิมมุ (จักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่น) ที่เมืองคาชิฮาระ จังหวัดนาระ เป็นครั้งแรก[67]
- วันที่ 24 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 ทรงตามเสด็จพระบิดา พระมารดา และเจ้าหญิงคาโกะ ไปเคารพศาลเจ้าอิเซะเป็นครั้งแรก เพื่อรายงานการสำเร็จการศึกษาระดับชั้นอนุบาลต่อเทพเจ้าอามาเตราซุ[68]
- เสด็จไปถวายพระราชสักการะสุสานจักรพรรดิโชวะและจักรพรรดินีโคจุง ผู้ซึ่งเป็นสมเด็จพระปัยกาธิราช (ปู่ทวด) และสมเด็จพระปัยยิกา (ย่าทวด) เพื่อรายงานการสำเร็จการศึกษา โดยเสด็จทุกครั้งตั้งแต่การสำเร็จการศึกษาระดับอนุบาลจนถึงการสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย[69][70][71][72]
การรำลึกถึงสงคราม
[แก้]- วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ทรงเยี่ยมชมสวนอนุสรณ์สันติภาพ เมืองอิโตมัน จังหวัดโอกินาวะ[73]
- วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ทรงเข้าร่วมงานครบรอบ 70 ปีของการล่มของเรือสึชิมะ มารุ (対馬丸) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2[74]
- วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ทรงเข้าร่วมการรำลึกถึงการเสียชีวิตของเด็กในสงครามโอกินาวะ ที่กรุงโตเกียว[75]
- เดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพนางาซากิ และวางดอกไม้แสดงความอาลัยที่สวนสันติภาพ จังหวัดนางาซากิ[76]
- เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า และวางดอกไม้แสดงความอาลัยที่สวนสันติภาพ จังหวัดฮิโรชิมะ[77]
- วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ทรงเข้าร่วมงานนิทรรศการภาพถ่ายการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาเนื่องในโอกาสวันครบรอบ 80 ปี ณ กรุงโตเกียว[78]
การศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติ
[แก้]- ชมการแสดงมรดกวัฒนธรรมพื้นบ้านระดับชาติ ที่จังหวัดยามากาตะ[79], ศึกษาประวัติศาสตร์ยุคโจมง ที่จังหวัดนีงาตะ, ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่จังหวัดนางาซากิ[80], ชมโรงงานพู่กัน ที่เมืองทากาชิมะ จังหวัดชิงะ[81]
การเสด็จเยือนต่างประเทศ/การต้อนรับแขกต่างประเทศ
[แก้]- วันที่ 16 - 24 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ตามเสด็จพระบิดา-พระมารดา เยือนประเทศภูฏานอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งแรกของพระองค์[82]
- ทรงร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำร่วมกับพระบิดา พระมารดา และพระเชษฐภคินี เมื่อมีสมาชิกราชวงศ์ต่างประเทศ หรือ ผู้นำจากต่างประเทศ มาเยือน ณ ตำหนักอากิชิโนะ[83][84]
งานเทศกาลและพิธีการ
[แก้]- วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ทรงร่วมงานการประกวดสุนทรพจน์ระดับประเทศของเยาวชน ครั้งที่ 41[85]
- ทรงร่วมชมงานเทศกาลวัฒนธรรมโรงเรียนมัธยมศึกษาระดับชาติ (全国高等学校総合文化祭) ครั้งที่ 46 ณ กรุงโตเกียว[86], ครั้งที่ 47 ณ จังหวัดคาโกชิมะ[87], ครั้งที่ 48 ณ จังหวัดกิฟุ[88]
การส่งเสริมเยาวชน
[แก้]- พ.ศ. 2562 และ 2568 ทรงร่วมสนทนากับนักเรียนในโครงการ "มาเมะ-กิชะ" (豆記者) หรือนักข่าวตัวจิ๋ว ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่กับเกาะโอกินาวะ โดยพระกรณียกิจนี้ถูกริเริ่มในสมัยของมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ (พระอัยกา) และถูกส่งต่อให้กับผู้ที่ดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารในสมัยถัดมาเรื่อย ๆ และปัจจุบันได้ส่งต่อมายังมกุฎราชกุมารอากิชิโนะ (พระบิดา) ซึ่งเหล่านักเรียนจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระบิดา พระมารดา พระเชษฐภคินี รวมถึงพระองค์ ที่ตำหนักอากาซากะตะวันออก (赤坂東邸) และมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องธรรมชาติ, อาหาร เป็นต้น[89][90]
พระกรณียกิจ
[แก้]เมื่อเจ้าชายฮิซาฮิโตะเจริญพระชันษา ทรงเริ่มปฏิบัติพระกรณียกิจด้วยพระองค์เอง ดังนี้
- วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เสด็จไปสักการะศาลเจ้าอิเซะ ที่จังหวัดมิเอะ เพื่อรายงานการสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นต่อเทพเจ้าเทพเจ้าอามาเตราซุ พร้อมกับเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จิงกู ซึ่งเป็นการปฏิบัติพระกรณียกิจเพียงลำพังครั้งแรก[91]
- วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ทรงเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สงคราม เมืองไมซูรุ จังหวัดเกียวโต[92]
- วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2568 ทรงเยี่ยมชมกองงานจดหมายเหตุและสุสานหลวง สำนักพระราชวัง[93]
หลังจากที่ทรงประกอบพิธีบรรลุนิติภาวะ ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจอย่างเป็นทางการ ดังนี้
- วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568 ทรงเข้าร่วมชมการแสดงระบำริวกิว ณ โรงละครโนแห่งชาติ เขตชิบูยะ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นของเกาะโอกินาวะ เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 80 ปีการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยพระองค์เสด็จพร้อมด้วยพระบิดา, พระมารดา, และพระเชษฐภคิณี การเสด็จครั้งนี้ถือว่าเป็นพระกรณียกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพระองค์หลังจากประกอบพิธีบรรลุนิติภาวะ[94]
- วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568 ทรงเข้าร่วมชมการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลก 2025 (IAAF) ณ สนามกรีฑาสถานแห่งชาติญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน โดยมีเจ้าหญิงคาโกะ พระเชษฐภคิณี ร่วมเสด็จด้วย โดยงานนี้เป็นการปฏิบัติพระกรณียกิจร่วมกันของทั้งสองพระองค์ในรอบกว่า 6 ปี[95]
- วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568 ทรงเข้าร่วมชมงานเอ็กซ์โป 2025 ณ จังหวัดโอซากะ โดยชมพาวิลเลียนของประเทศญี่ปุ่นและเบลเยียม ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติพระกรณียกิจด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรกหลังจากพิธีบรรลุนิติภาวะ[96] และในวันถัดมา ช่วงเช้าทรงชมวงแหวนแกรนด์ริงและพาวิลเลียนคันไซ ช่วงบ่ายทรงชมพาวิลเลียนของประเทศเนเธอร์แลนด์, ไทย, และบูธของประเทศภูฏาน โดยมีพระบิดาร่วมเสด็จด้วยในช่วงบ่าย[97]
พิธีราชสำนัก
[แก้]- วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568 ทรงร่วมพิธีถวายราชสักการะพระราชบรรพบุรษแห่งราชวงศ์ (秋季皇霊祭) และพิธีสักการะเทพเจ้า (秋季神殿祭) เนื่องในวันศารทวิษุวัต ซึ่งเป็นการเสด็จร่วมพิธีทางศาสนาชินโตครั้งแรกของพระองค์หลังจากพิธีบรรลุนิติภาวะ[98]
งานวิจัย
[แก้]- วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 งานวิจัย “赤坂御用地のトンボ相” (ลักษณะของแมลงปอในเขตพระราชฐานอากาซากะ) ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงร่วมทำวิจัยกับนักวิจัยอีก 2 ท่าน โดยเป็นการสำรวจแมลงปอในเขตพระราชฐานเป็นเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2565) ซึ่งค้นพบแมลงปอทั้งหมด 38 สายพันธุ์ โดยมี 12 สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์
- วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ทรงเข้าร่วมงาน International Congress of Entomology (ICE2024) จัดขึ้นที่จังหวัดเกียวโต เป็นงานประชุมนานาชาติว่าด้วยกีฏวิทยา ซี่งเจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงร่วมทำการวิจัยชื่อ “皇居のトンボ相” (ลักษณะของแมลงปอในพระราชวังหลวงโตเกียว) กับนักวิจัยอีก 3 ท่าน ซึ่งงานวิจัยนี้ถูกจัดแสดงในงานอีกด้วย[99]
พระเกียรติยศ
[แก้]| ธรรมเนียมพระยศของ เจ้าชายฮิซาฮิโตะ | |
|---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
ตราประจำราชวงศ์สาขา | |
| สัญลักษณ์ | สนร่ม |
| คำยกย่อง | เด็งกะ (殿下) |
| ราชวงศ์สาขา | อากิชิโนะ |
| ลำดับโปเจียม | 9 |
ลำดับพระอิสริยยศ
[แก้]- 6 กันยายน พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน: เจ้าชายฮิซาฮิโตะ (悠仁親王; Prince Hisahito)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกียรติคุณและราชมิตราภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นมหาปรมาภรณ์ (2568)
เกร็ด
[แก้]วัยพระเยาว์
[แก้]- ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรกที่ประสูติด้วยการผ่าคลอด[6]
- เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงมีพระนามลำลองที่พระบิดาและพระมารดาเรียกว่า "ยูยู" หรือ "ยูจัง"[100]
- เมื่อพระชนมายุ 1 ชันษา 4 เดือน ทรงเคยประสบอุบัติเหตุล้ม จนต้องเย็บริมฝีปากบนถึง 4 เข็ม[101][102]
- เมื่อพระชนมายุ 2 ชันษา ทรงเรียกสัตว์ตัวใหญ่ทุกตัวว่าเป็น "ม้า" หมด เนื่องจากพระบิดาเคยพาพระองค์ไปดูม้าที่พระราชวังหลวงโตเกียวอยู่บ่อยครั้ง[103]
- ทรงสนใจในการสำรวจธรรมชาติ โดยเฉพาะแมลง และการประดิษฐ์สิ่งของมาตั้งแต่พระเยาว์[104]
- พระเชษฐภคินีทั้ง 2 พระองค์ก็ต่างทรงช่วยกันดูแลพระองค์ แต่เนื่องจากเจ้าหญิงมาโกะ มีความต่างของวัยถึง 15 ปี จึงดูแลในลักษณะเหมือนพระมารดา ส่วนเจ้าหญิงคาโกะจะทรงเล่นกับพระองค์มากกว่า ซึ่งก็มีการทะเลาะกันบ้างเป็นบางครั้ง[105]
ระดับชั้นอนุบาล
[แก้]- ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรก (ในยุคหลังสงคราม) ที่ทรงไม่ได้ศึกษาในสถาบันในเครือของกาคุชูอิน (学校法人学習院) เลย ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย[106][107][108]
- สาเหตุที่พระองค์ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนอนุบาล สังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) เนื่องจากมกุฎราชกุมารีอากิชิโนะ พระมารดา ทรงเป็นนักวิจัยกิตติมศักดิ์อยู่ที่สถาบัน ซึ่งสถาบันมีโควตาการรับนักเรียนที่เป็นบุตรของนักวิจัย[107]
ระดับชั้นประถมศึกษา
[แก้]- ทรงเริ่มสนพระทัยในธรรมชาติ ซึ่งพระองค์ได้เข้าเป็นสมาชิกชมรมการเพาะปลูกของโรงเรียนประถมศึกษาโอจาโนมิซุ โดยทรงรับผิดชอบในการรดน้ำแปลงดอกไม้ นอกจากนี้ยังทรงปลูกผักและข้าวในสวนของพระตำหนักอีกด้วย[109]
- มกุฎราชกุมารีอากิชิโนะ พระมารดา ทรงทำข้าวกล่อง (เบ็นโต) ให้กับเจ้าชายด้วยพระองค์เอง บางครั้งมีการนำใบหัวไชเท้าที่ปลูกอยู่ในสวนพระตำหนักมาผัดใส่ในข้าวกล่อง หรือบางครั้งก็นำมาดองทำเป็นเครื่องเคียง[110]
- พระองค์ทรงโปรดการเล่นกับพระสหายในเวลาหลังเลิกเรียนมาก แต่การที่นักเรียนจะอยู่ต่อในโรงเรียนหลังเวลาเลิกเรียนได้นั้น ผู้ปกครองต้องทำการเซ็นยินยอมก่อน ดังนั้นหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับพระตำหนัก พระองค์จะให้พระมารดาเซ็นเอกสารยินยอมให้เสมอ หากวันไหนพระองค์ทรงลืม พระองค์ก็จะทรงเสด็จกลับตำหนักด้วยพระพักตร์ที่หงอยเหงา[111] อีกทั้งทรงเคยเข้าร่วมการแข่งเป่ายิ้งฉุบกับพระสหายคนอื่นๆ เพื่อขอข้าวเพิ่มในเวลาอาหารกลางวัน[112]
- วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เจ้าชายฮิซาฮิโตะเสด็จพร้อมกับพระมารดาเพื่อไปปีนเขากับพระสหายที่จังหวัดยามานาชิ แต่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์พระที่นั่งชนท้ายรถคันหน้าขณะที่รถติดบนทางด่วนชูโอขาออก เมืองซากามิฮาระ จังหวัดคานากาวะ จากการแถลงการณ์ทราบว่าเกิดจากการเบรคกระทันหันและมีหมอกบนถนน มีเพียงกันชนรถที่ได้รับความเสียหายและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ [113][114]
- เดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 ขณะพระชนมายุ 9 ชันษา ทรงประดิษฐ์แบบจำลองสัญญาณไฟจราจรขนาดเท่าของจริง ซึ่งทำขึ้นจากโฟมและหลอดไฟ เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการส่วนพระองค์ของพระบรมวงศานุวงศ์ แบบจำลองนี้ได้อ้างอิงจากสัญญาณไฟจราจรในยุคโชวะ ซึ่งแทบหาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน อีกทั้งแบบจำลองนี้สามารถเปลี่ยนสัญญาณไฟได้และมีการกำหนดระยะเวลาของแต่ละสัญญาณไฟเหมือนจริง[115]
ระดับชั้นมัธยมศึกษา
[แก้]- ช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น ทรงเล่นเทนนิสกับพระสหายในช่วงพักกลางวันที่โรงเรียน[116]
- วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เจ้าชายฮิซาฮิโตะทรงได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดมหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学) โดยทั้งมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) และ มหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学) นั้นมีระบบการตกลงรับนักเรียนร่วมกัน[117] ซึ่งระบบการรับนักเรียนลักษณะนี้ถูกวิจารณ์ว่าออกแบบมาเพื่อให้รับเจ้าชายโดยเฉพาะ[107] แต่ก็มีข้อโต้แย้งกลับว่าระบบนี้มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เพื่อรองรับให้นักเรียนชายสามารถศึกษาต่อมัธยมปลายได้ในโรงเรียนในเครือ[118] และถึงแม้เจ้าชายฮิซาฮิโตะจะเข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปแล้ว ระบบนี้ก็ยังคงใช้รับสมัครอยู่[107]
- สาเหตุที่พระองค์ไม่ได้ศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย สังกัดมหาวิทยาลัยโอจาโนมิซุ (お茶の水女子大学) ต่อ เนื่องจากเป็นโรงเรียนหญิงล้วน[119]
- ช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย พระองค์ทรงอยู่ชมรมแบดมินตัน[120]
- งานเทศกาลของโรงเรียน ปี พ.ศ. 2566 ทรงร่วมทำพิซซ่าขายและร้องเพลงประสานเสียงกับพระสหาย โดยพระบิดา, พระมารดา, และเจ้าหญิงคาโกะ เสด็จมาร่วมงานเทศกาลแบบไม่เป็นทางการอีกด้วย[121] ส่วนงานในปี พ.ศ. 2567 พระองค์ทรงสวมเสื้อที่มีการสกรีนคำว่า "Anisoptera" ซึ่งเป็นชื่อวงศ์ย่อยทางวิทยาศาสตร์ของแมลงปอ และสกรีนเลข "1310" ซึ่งเป็นการใช้ตัวเลขแทนคำในภาษาญี่ปุ่น (Numeric substitution in Japanese) แปลว่าฮิซาฮิโตะ [122]
- พระสหายเรียกพระองค์ด้วยการใช้ชื่อเล่นว่า "ฮีจัง" หรือ "ฮีคุง" ซึ่งพระสหายได้กล่าวถึงพระองค์ว่า ทรงเป็นคนขี้เล่น, ร่าเริง, กระฉับกระเฉง, และแสดงออกทางอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติ[123][124] อีกทั้งพระสหายเคยถามพระองค์ว่าการเป็นพระบรมวงศานุวงศ์นั้นทรงรู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกไม่เป็นอิสระบ้างหรือไม่ พระองค์ทรงหยุดคิดไปสักครู่ และทรงตอบว่าถึงจะมีข้อจำกัดต่าง ๆ แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่มีค่ากลับมา[124][125]
- ในวันคล้ายวันประสูติครบ 18 ชันษา พระสหายในชั้นเรียนเดียวกันได้ร่วมกันเซอร์ไพรส์ให้กับพระองค์ที่โรงเรียน พระองค์ทรงตกใจในตอนแรก และได้แย้มพระสรวลออกมา โดยตรัสว่าเป็นครั้งแรกของพระองค์ที่ได้รับการฉลองแบบนี้ และทรงดีพระทัยมาก[124]
- ในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย พระสหายเคยพาพระองค์ไปปิกนิคที่สวนอูเอโนะ, กินมนจายากิ, เข้าคาเฟ่, เข้าร้านอาหารจานด่วน, ดูหนัง, ร้องคาราโอเกะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ตรัสว่าทรงรู้สึกสนุกในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน อีกทั้งในช่วงปิดเทอมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทรงเคยพาพระสหายมาเที่ยวที่เขตพระราชฐานอากาซากะ อันเป็นเขตที่ประทับของพระองค์อีกด้วย[126]
- พระองค์กับพระสหายร้องเพลงคาราโอเกะด้วยเพลงของวง RADWIMPS และ Sekai No Owari[126]
มหาวิทยาลัย
[แก้]- วันที่ 28 - 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ทรงทำการเข้าคัดเลือกเพื่อศึกษาต่อคณะวิทยาศาสตร์ชีวภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学) เนื่องจากภาควิชาชีววิทยาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้ ซึ่งพระองค์สนใจในเรื่องธรรมชาติและมีการทำวิจัยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ อีกทั้งที่คณะมีห้องทดลองและปฏิบัติการครบครันสำหรับการศึกษาด้านชีววิทยาและแมลง[127]
- ทรงเข้ามหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学) ด้วยโควตาการรับรองจากทางโรงเรียน ซึ่งเป็นการคัดเลือกโดยไม่ต้องทำการสอบรับตรงแบบปกติที่สอบพร้อมกันทั้งประเทศ แต่เป็นการคัดเลือกนักศึกษาจำนวน 22 คน ที่ต้องผ่านเกณฑ์การสอบทั่วไป (ที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเอง), ผ่านการสอบสัมภาษณ์, และมีผลงานที่เกี่ยวข้องกับด้านชีววิทยาหรือกิจกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ทำการตอบรับให้พระองค์เข้าศึกษา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567[127]
- เนื่องจากระยะทางระหว่างตำหนักอากิชิโนะกับมหาวิทยาลัยสึกูบะห่างกันถึง 70 กิโลเมตร พระองค์จะต้องใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งในบางวันสภาพการจราจรก็ติดขัดจนทำให้พระองค์เข้าเรียนสาย จึงทำให้พระองค์เลือกที่จะใช้รถไฟในการเดินทางในบางวัน แต่การเดินทางด้วยรถไฟนั้นสร้างความกังวลให้กับทีมผู้รักษาความปลอดภัย เนื่องจากในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีผู้คนในสถานีและขบวนรถไฟเป็นจำนวนมาก อีกทางหนึ่งพระองค์ก็ได้มีการเช่าที่ประทับชั่วคราวใกล้มหาวิทยาลัย แต่การประทับนอกเขตพระราชฐานก็สร้างความกังวลให้กับทีมผู้รักษาความปลอดภัยไม่ต่างกัน[128][129]
- ทรงมีพระประสงค์ที่จะทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างการเรียนมหาวิทยาลัย[130]
- ทรงอยู่ชมรมแบดมินตันและชมรมวิจัยสัตว์ป่า ที่มหาวิทยาลัยสึกูบะ (筑波大学)[131][132]
- ทรงเข้าชมรมแบดมินตันสัปดาห์ละ 2 วัน โดยซ้อมจนถึง 20:00 น. และทรงซ้อมด้วยพระองค์เองต่ออีก 1 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่เคยแข่งขันนัดฝึกซ้อมแบดมินตันกับพระองค์ในมหาวิทยาลัย กล่าวว่า "ตรงกันข้ามกับบุคลิกที่ดูอ่อนโยน พระองค์ทรงว่องไวและแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ทรงเคลื่อนไหวได้เหมือนกับผู้ที่มีประสบการณ์"[133] อีกทั้งทรงเคยเอ่ยขอไม้ม็อบจากรุ่นพี่ในชมรมแบดมินตัน เพื่อมาถูพื้นในโรงยิมด้วยพระองค์เอง ทำให้คนในชมรมรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เห็นภาพพระองค์กำลังถูพื้นโรงยิม[134]
- พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะเข้าร่วมค่ายฝึกฤดูร้อนของชมรมแบดมินตัน ซึ่งจัดในวันที่ 11 - 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568 แต่พระองค์ก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะการคัดค้านจากผู้คนรอบข้าง เนื่องจากวันที่ 15 สิงหาคม เป็นวันครบรอบการประกาศยอมแพ้สงครามโลกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นวันที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งของประเทศและของราชวงศ์ หากพระองค์ทรงเข้าร่วมอาจจะโดนวิจารณ์ว่าทรงละเลยวันสำคัญได้[134]
- ทรงร่วมเข้าแข่งขันดอดจ์บอลกับพระสหายในงานกีฬามหาวิทยาลัย และขายขนมเบบี้คัสเตลลาในงานเทศกาลหอพัก[135]
ความชอบส่วนพระองค์
[แก้]- งานอดิเรกของพระองค์คือการปลูกผักและทำนาข้าว และทรงเคยนำเอาผักที่ปลูกแถวตำหนักไปประกอบอาหาร ณ ที่ประทับแถวมหาวิทยาสึกูบะ[136][129]
- ทรงไม่มีแนวเพลงที่ทรงโปรด หรือนักร้องที่ทรงโปรดโดยเฉพาะ[136]
- หลังจากที่ทรงได้รับใบขับขี่ เมื่อฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2568 พระองค์ทรงขับรถเต่าสีเหลืองซึ่งเคยเป็นรถยนต์พระที่นั่งทรงโปรดของพระบิดาสมัยมหาวิทยาลัย และในบางครั้งพระบิดาก็ทรงร่วมนั่งที่เบาะข้างคนขับในรถร่วมกับพระองค์ และขับรถเล่นกันภายในเขตพระราชฐานอากาซากะ[129]
- พันธุ์แมลงปอที่ทรงโปรดคือ Anaciaeschna martini เนื่องจากมีสีน้ำเงินที่งดงาม[137]
อื่นๆ
[แก้]- เนื่องจากราชวงศ์ญี่ปุ่นไม่มีนามสกุล จึงทำให้ในการตีพิมพ์งานวิชาการต่างๆ พระองค์จะมีการใช้ชื่อราชวงศ์สาขาแทนนามสกุลเป็น "秋篠宮悠仁" หรือ "Hisahito Akishinonomiya"[138]
- พระองค์ทรงถนัดซ้าย แต่ทรงเขียนหนังสือด้วยพระหัตถ์ขวา[139]
- ของชำร่วยในงานบรรลุนิติภาวะ จัดทำเป็นภาชนะใส่ขนมสไตล์ฝรั่งเศสที่เรียกว่า "บงบงนิแยร์" โดยจัดทำเป็นสองแบบคือทำด้วยเงิน สำหรับให้พระบรมวงศานุวงศ์ และแบบที่ทำด้วยเซรามิก สำหรับให้อดีตสมาชิกราชวงศ์และพระญาติ ซึ่งทั้งสองแบบมีการออกแบบลวดลายที่ประกอบไปด้วย ตราประจำราชวงศ์สาขาอากิชิโนะ, สัญลักษณ์ประจำพระองค์ สนร่ม, และแมลงปอ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ให้ความสนพระทัยตั้งแต่วัยพระเยาว์[140]
พงศาวลี
[แก้]| พงศาวลีของเจ้าชายฮิซาฮิโตะ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อ้างอิง
[แก้]- ↑ อ้างอิงพระนามจากเว็บไซต์สำนักพระราชวัง (เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น) https://www.kunaicho.go.jp/about/history/history03.html
- ↑ สำนักพระราชวัง (เวอร์ชันภาษาอังกฤษ) ได้มีการระบุพระนามพระองค์ในภาษาอังกฤษว่า "Prince Hisahito) (https://www.kunaicho.go.jp/e-about/history/history03.html)
- 1 2 3 4 "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-17.
- ↑ "悠仁親王殿下のお誕生日に際してのご近影". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- ↑ "仙洞御所・宮邸". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-17.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 "asahi.com: 紀子さま、男児ご出産 皇室41年ぶり、皇位継承3位 母子とも健やか - この記事を手がかりに". www.asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- 1 2 "Japan princess gives birth to boy" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2006-09-06. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "愛子さまと悠仁さま、知られざる「本家」と「分家」の違いは「生まれてすぐ」から(3ページ目)". デイリー新潮 (ภาษาญี่ปุ่น). 2022-04-30. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁親王", Wikipedia (ภาษาญี่ปุ่น), 2025-05-09, สืบค้นเมื่อ 2025-05-20
- ↑ "悠仁さまの誕生を祝って「ミニパレード」も 「子どもを授かる」と噂の観光地も 2006年のフィーバーを振り返る | AERA DIGITAL(アエラデジタル)". AERA DIGITAL(アエラデジタル) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-09-07. สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- 1 2 "Life in the cloudy Imperial fishbowl | The Japan Times Online". web.archive.org. 2007-10-17. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-17. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "The Imperial House Law". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- 1 2 3 "The Future of Japan's Dwindling Imperial Family". nippon.com (ภาษาอังกฤษ). 2014-07-25. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さまの"難関名門高"路線は「お茶の水女子大付属幼稚園」を選んだ時から始まった|秋篠宮家の学校選び". 日刊ゲンダイDIGITAL. 2024-06-22. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "文仁親王同妃両殿下のご日程:平成22年(4月~6月) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-07. สืบค้นเมื่อ 2025-06-13.
- ↑ NHK. "悠仁さま5歳 着袴の儀|ニュース|NHKアーカイブス". 悠仁さま5歳 着袴の儀|ニュース|NHKアーカイブス (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ คลิปพิธีสวมฮากามะของเจ้าชาย (นาทีที่ 2:47) https://www.youtube.com/watch?v=QEyIQbTJ4ns
- ↑ "秋篠宮ご一家~ご家族の写真・ご公務など~ 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ คลิปพิธีฟุกาโซกิของเจ้าชาย (นาทีที่ 3:04) https://www.youtube.com/watch?v=QEyIQbTJ4ns
- ↑ "未来の天皇陛下が悠仁さまだと分かる七五三の一部分 | 雑学ネタ帳". zatsuneta.com. สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま机に刃物、56歳男を逮捕 建造物侵入容疑を認める/デイリースポーツ online". デイリースポーツ online (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-05-20. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ INC, SANKEI DIGITAL (2019-04-30). "悠仁さまの中学に侵入容疑、56歳男を逮捕 神奈川のホテルで身柄確保 京都が関係先か". zakⅡ (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま作品が佳作に 子ども対象の文学賞、表彰式参加:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2021-03-20. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "Japan's Prince Hisahito receives kids' nonfiction lit award for travel account". Mainichi Daily News (ภาษาอังกฤษ). 2021-03-13. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "Prince Hisahito accused of plagiarism in praised essay | The Asahi Shimbun: Breaking News, Japan News and Analysis". The Asahi Shimbun (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-09-08. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ Mastrostefano, Maddalena (2022-02-22). "Prince Hisahito of Japan accused of plagiarism in award-winning essay". Royal Central (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ Bickerstaff, Isaac (2024-12-12). "Prince Hisahito, heir to the throne of Japan, reveals his education plans following plagiarism scandal". Tatler (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ Ryall, Julian (2022-02-23). "Japan's 15-year-old prince to keep literary award despite plagiarism row". The Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0307-1235. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ 日本テレビ. "悠仁さま高校ご入学 両陛下にあいさつ、愛子さまも同席 |日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま、筑波大付属高校を卒業 「のびやかに充実した高校生活」:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-03-18. สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- ↑ คลิปตอบคำถามสื่อมวลชน https://www.youtube.com/watch?v=Pzkp9Jn0gKQ
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ คลิปให้สัมภาษณ์สื่อ https://www.youtube.com/watch?v=EonkoR1S6u4
- ↑ "ปรับอายุบรรลุนิติภาวะ". www.thairath.co.th. 2022-04-02. สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- ↑ "悠仁親王殿下18歳(ご成年)のお誕生日に当たり". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- 1 2 3 4 5 "【解説】40年ぶり「成年式」とは? 秋篠宮家の悠仁さま 6mの装束・馬車・特別な冠・・・知られざる世界 | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-08-31. สืบค้นเมื่อ 2025-09-03.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ คลิปสัมภาษณ์ https://www.youtube.com/watch?v=zo-gJoYFSI8
- 1 2 3 https://news.yahoo.co.jp/articles/1c5e7dc74fd15124818c7be9408ee3600fa0bdba
- ↑ "ご大喪・ご即位・ご結婚などの行事". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- 1 2 3 4 編集局, 時事通信 (2025-09-06). "悠仁さま、成年式 「自覚持ち、務め果たす」―40年ぶり、皇居などで儀式:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-07.
- ↑ "悠仁さま成年式 40年ぶりの皇室行事、一連の儀式や装束の注目ポイントは?". 読売新聞オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-05. สืบค้นเมื่อ 2025-09-05.
- ↑ https://www.kunaicho.go.jp/about/seido/pdf/syozoku.pdf
- ↑ "悠仁さま成年式、乗り込む儀装馬車を宮内庁が公開 秋篠宮さまも使用(朝日新聞)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-31.
- ↑ https://news.yahoo.co.jp/articles/2acd258a2b4b9884606941a5344e055f6996585a
- ↑ 大井義明. "悠仁さま成年式で両陛下お祝いの言葉 皇后さま「成年式おめでとう。さまざまな経験を」 - 社会 : 日刊スポーツ". nikkansports.com (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-07.
- ↑ "【速報】悠仁さま9月6日「成年式」の儀式や関連行事が決定 「加冠の儀」は午前10時より皇居・宮殿で(日テレNEWS NNN)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-02.
- ↑ "悠仁さまの「成年式」行われる 「成年皇族としての責務の重さを自覚」|FNNプライムオンライン". FNNプライムオンライン. 2025-09-07. สืบค้นเมื่อ 2025-09-07.
- ↑ "悠仁さま「成年式」で改めて浮かぶ昼食会や伊勢参拝など「宮家の跡取り」と皇嗣の子という二重性(坂東太郎) - エキスパート". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-03.
- ↑ "悠仁さま 三重・伊勢神宮を参拝 40年ぶり「成年式」を無事終えたことを報告 モーニング姿に真剣な表情で | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-08. สืบค้นเมื่อ 2025-09-13.
- ↑ "悠仁さま 成年式終えた報告で武蔵陵墓地を参拝 曾祖父の昭和天皇陵などへ あすで全行事終了 | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-09. สืบค้นเมื่อ 2025-09-13.
- ↑ "19歳の悠仁さまノンアルコールで乾杯…成年祝う昼食会に石破首相夫妻や筑波大学長など招待 秋篠宮ご一家で出迎え|FNNプライムオンライン". FNNプライムオンライン. 2025-09-10. สืบค้นเมื่อ 2025-09-13.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-29-jpp09738292&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-31-jpp11251988&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-35-jpp12397599&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-37-jpp13151935&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-50-jpp14995373&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-jpp025643603&d=d4_ee
- ↑ "秋篠宮皇嗣殿下ならびに悠仁親王殿下が玉川大学にお成りになり、農学部の研究施設をご覧になられました。". www.tamagawa.jp (ภาษาญี่ปุ่น). 2021-10-01. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮皇嗣殿下と悠仁さま 全国学校・園庭ビオトープコンクール2023」の発表大会にご出席". remmikkiのブログ (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-02-05. สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま、武蔵野陵を参拝 昭和天皇に卒業報告". 47NEWS (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- ↑ "悠仁さま、昭和天皇陵を参拝 中学卒業を報告". 日本経済新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2022-03-18. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま、昭和天皇陵を参拝 高校卒業を報告(日テレNEWS NNN)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-51-jpp016303648&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-jpp017705594&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-jpp019741457&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=cly130-06A201612F018&d=d4_twnt
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=cly130-06A201808F024&d=d4_twnt
- ↑ "「やはり核はなくならないといけない」秋篠宮ご一家が原爆記録写真の展示会を見学 紀子さまは遺体の写真に手を合わせる(RCC中国放送)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-27.
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-jpp019603471&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-jpp022868634&d=d4_ee
- ↑ https://www.jiji.com/jc/d4?p=hht111-jpp024695171&d=d4_ee
- ↑ "悠仁さまのブータン訪問で見えた「帝王学」 秋篠宮家の教育方針は?〈58歳お誕生日紀子さまの「あのとき」〉". AERA DIGITAL(アエラデジタル) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-09-11. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "ご夕餐(ヨルダン皇太子アル・フセイン・ビン・アブドッラー2世殿下)(秋篠宮邸/東京都港区)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- ↑ "ご夕餐(ルクセンブルク皇太子ギヨーム殿下)(秋篠宮邸/東京都港区)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- ↑ "秋篠宮家 佳子さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-13.
- ↑ "秋篠宮家 悠仁さま 写真特集:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮さまと悠仁さま鹿児島で全国高校総合文化祭の開会式に出席 悠仁さまの地方公務同行は初めて". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2023-07-29. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま、2度目の地方公務 岐阜で開催の高校総文祭開会式に出席:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-07-31. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ 産経新聞 (2019-08-01). "【動画あり】秋篠宮ご夫妻と悠仁さま、豆記者とご懇談 沖縄などの小中学生ら". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- ↑ 産経新聞 (2025-07-30). "秋篠宮ご一家、沖縄の豆記者とご懇談 「海がとてもきれい」悠仁さま、思い出触れられ". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- ↑ ""トンボと大きい物"がお好き…秋篠宮ご夫妻の長男・悠仁さま その経歴やお人柄、伊勢神宮と皇室との関係は | 東海テレビNEWS". www.tokai-tv.com (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "【速報】悠仁さまが京都・舞鶴市の「舞鶴引揚記念館」視察 終戦後、旧満州・シベリアからの引揚者の歴史学ぶ(日テレNEWS NNN)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ 産経新聞 (2025-03-03). "【動画】悠仁さま、古典資料をご覧 宮内庁が最近のご様子公開 修復作業ご体験も". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ TIMES編集部, ABEMA (2025-09-13). "秋篠宮ご一家 琉球舞踊を鑑賞 | 国内 | ABEMA TIMES | アベマタイムズ". ABEMA TIMES (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-13.
- ↑ "佳子さまと悠仁さま 姉弟で「世界陸上」観戦 選手に手拍子…喜んで拍手される姿も おふたりだけで公の場は6年ぶり | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-16. สืบค้นเมื่อ 2025-09-16.
- ↑ "悠仁さま 初めての大阪・関西万博へ「日本の技術力によってどのような将来が導かれるのかを見せていただいた」生物などに関する展示を鑑賞 | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-24. สืบค้นเมื่อ 2025-09-24.
- ↑ "「ステキです!」万博視察の悠仁さまに歓声 ブータンの展示で英語も披露し"大屋根リング"は「皇居より広いですね」|FNNプライムオンライン". FNNプライムオンライン. 2025-09-25. สืบค้นเมื่อ 2025-09-25.
- ↑ "悠仁さま 初めての宮中祭祀「秋季皇霊祭」に臨まれる 成年皇族としての活動を本格スタート 秋分の日 | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-23. สืบค้นเมื่อ 2025-09-24.
- ↑ 日本テレビ. "悠仁さま 学術会議に研究成果…「皇居のトンボの生態」について|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ ""トンボと大きい物"がお好き…秋篠宮ご夫妻の長男・悠仁さま その経歴やお人柄、伊勢神宮と皇室との関係は | 東海テレビNEWS". www.tokai-tv.com (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ https://news.yahoo.co.jp/articles/c9b15c1a229f2247222f83aa19eb0ab5ab27710d?page=2
- ↑ หนังสือพิมพ์ซังเก (産経新聞) วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/10301?page=1
- ↑ 日本放送協会 (2024-09-11). "秋篠宮妃の紀子さま 58歳の誕生日【文書回答 全文】 | NHK". NHKニュース. สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- ↑ https://archive.today/20151106100637/http://headlines.yahoo.co.jp/videonews/fnn?a=20151106-00000707-fnn-soci
- ↑ "2010年 悠仁さま入学・卒業まとめ". テレ朝news (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- 1 2 3 4 "「なぜ悠仁さまは学習院を外したか」男性・男系天皇にこだわり天皇制を維持する社会制度を整えない日本の怠慢 愛子さまとの鮮明な対比が生まれた理由". PRESIDENT Online(プレジデントオンライン) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-09-06. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "Prince Hisahito to enter Ochanomizu University elementary school | The Japan Times Online". web.archive.org. 2012-12-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-19. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "悠仁さま、きょう11歳 学校で栽培委員会に:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2017-09-06. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さまのお弁当は紀子さまの手作り「大根の葉もおかずに」 秋篠宮家流のSDGs | AERA DIGITAL(アエラデジタル)". AERA DIGITAL(アエラデジタル) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-03-16. สืบค้นเมื่อ 2025-05-25.
- ↑ https://dot.asahi.com/articles/-/263468?page=1
- ↑ "41年ぶり男子、「ゆったり」成長 昆虫に関心持ち続け 悠仁さま(時事通信)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- ↑ "悠仁さまらが乗った車、追突事故の背景は? 皇太子家と異なる警備態勢". ハフポスト (ภาษาญี่ปุ่น). 2016-11-20. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "秋篠宮紀子さまや悠仁さまらの車が追突事故 けが人なし:朝日新聞デジタル". web.archive.org. 2016-11-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-20. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ 長谷川健. "悠仁さまの「信号機」にメーカー驚き 昭和40年代の絶滅危惧モデル". withnews.jp (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-13.
- ↑ 社会部, 時事通信 (2025-09-04). "41年ぶり男子、「ゆったり」成長 昆虫に関心持ち続け―悠仁さま:時事ドットコム". 時事ドットコム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- ↑ "悠仁親王殿下のご進学について - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "悠仁さま筑附進学で「推薦で東大進学を目指す」と考えにくい「非御用達」「地方生」「女性」獲得という方針(坂東太郎) - エキスパート". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ "お茶の水女子大学附属高等学校", Wikipedia (ภาษาญี่ปุ่น), 2025-03-08, สืบค้นเมื่อ 2025-05-25
- ↑ https://www.dailyshincho.jp/article/2025/05050558/?all=1&page=2
- ↑ "【独占】悠仁さまが校内で見せた「友だち思いの優しい素顔」筑波大学附属高校の文化祭で"ピザ作り"に挑戦(3ページ目)". 週刊女性PRIME (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-06-08. สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- ↑ "「1310」Tシャツ姿で…悠仁さまが"屋台で売っていた料理"って? チュロス片手に"タメ口"でご学友と楽しまれた「最後の文化祭」(写真2)". デイリー新潮 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-09.
- ↑ "【ご学友から「ひーくん」】悠仁さま、文化祭を楽しむお姿 佳子さまの"サプライズ登場"に照れくさそうな表情". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- 1 2 3 รายการ "成年式へ 素顔の悠仁さま" ออกอากาศทางช่อง NHK G วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568 https://www.nhk.jp/p/ts/L16VGQ1W45/
- ↑ "「高貴な方にしか使えない」悠仁さま NHK特番で判明した高校同級生に語られていた「ジョークの内容」に驚きの声(女性自身)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-01.
- 1 2 https://www.youtube.com/watch?v=LeIPfuGuX8A
- 1 2 日本放送協会 (2024-12-11). "悠仁さま 筑波大学に進学へ 推薦入試に合格 | NHK". NHKニュース. สืบค้นเมื่อ 2025-05-20.
- ↑ https://bunshun.jp/articles/-/81360
- 1 2 3 "秋篠宮皇嗣妃殿下お誕生日に際し(令和7年)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-13.
- ↑ "「アルバイトをしたい」悠仁さまの思いは実現されるか 「目白のスナック」と「もんじゃ焼き屋」、それぞれの自由(デイリー新潮)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-08.
- ↑ "悠仁さま、筑波大学ご入学から1か月~バドミントンサークル、ガストでの目撃情報も #エキスパートトピ(石渡嶺司) - エキスパート". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-09.
- ↑ "「とにかく家を出たかった」悠仁さま 「お母さまが間違っていますよ」発言に見られる独立への志向(デイリー新潮)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-15.
- ↑ "悠仁さまが「居残り練習にモップがけ」サークル活動を謳歌も、夏合宿を断念した"2つの理由"(週刊女性PRIME)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-20.
- 1 2 https://news.yahoo.co.jp/articles/81ab27684bd34903952dc343c100b20bf4aa8f52?page=2
- ↑ "悠仁親王殿下19歳のお誕生日に当たり". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- 1 2 "悠仁親王殿下ご成年をお迎えになっての記者会見". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-11.
- ↑ 伸一, 福岡 (2025-10-01). "【特別寄稿】大阪・関西万博をご案内して 悠仁さまのフェアネス精神とマルタンヤンマ". 週刊文春 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-03.
- ↑ Akishinonomiya, Hisahito; Iijima, Ken; Kiyoshi, Takuya (2023). "Odonata Fauna of Akasaka Imperial Gardens, Tokyo: Diversity Sustained by Continuous Maintenance". Bulletin of the National Museum of Nature and Science. Series A, Zoology. 49 (4): 129–153. doi:10.50826/bnmnszool.49.4_129.
- ↑ 産経新聞 (2025-03-18). "悠仁さま、充実の高校3年間をお過ごしに 宮内庁がご様子を公開". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-09-04.
- ↑ "悠仁さま成年式 特製"トンボ"の菓子器「ボンボニエール」公開 お祝い行事で出席者に贈られる お印の高野槙デザインも | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-09-06. สืบค้นเมื่อ 2025-09-07.
แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ
[แก้]- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาอังกฤษ https://www.kunaicho.go.jp/eindex.html
- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาญี่ปุ่น https://www.kunaicho.go.jp/
- ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
| ก่อนหน้า | เจ้าชายฮิซาฮิโตะ | ถัดไป | ||
|---|---|---|---|---|
| มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ | ลำดับการสืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่น (ลำดับที่ 2) |
เจ้าชายฮิตาจิ | ||
| เจ้าหญิงคาโกะ | ลำดับโปเจียมแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น (ลำดับที่ 9) |
เจ้าชายฮิตาจิ |