ข้ามไปเนื้อหา

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ
พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2562
จักรพรรดินีญี่ปุ่น
ดำรงพระยศ1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน
พิธีสถาปนา22 ตุลาคม พ.ศ. 2562
พระราชสมภพ9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 (61 พรรษา)
โรงพยาบาลโทราโนะมง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
พระราชสวามีสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
(9 มิถุนายน พ.ศ. 2536 - ปัจจุบัน)
พระราชบุตรเจ้าหญิงไอโกะ
ราชวงศ์ญี่ปุ่น (อภิเษกสมรส)
พระราชบิดาฮิซาชิ โอวาดะ
พระราชมารดายูมิโกะ โอวาดะ
ศาสนาชินโต
ลายพระอภิไธย

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ (ญี่ปุ่น: 皇后陛下[1] (雅子); โรมาจิ: Kōgō Heka (Masako); อังกฤษ: Her Majesty the Empress Masako[2]) ทรงเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และทรงเป็นจักรพรรดินีญี่ปุ่นพระองค์ปัจจุบัน

ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี หลังจากสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ พระราชสวามี เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ กุหลาบญี่ปุ่น (ハマナス)[1]

ที่ประทับหลัก พระตำหนักหลวง (御所) พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว[3]

พระราชประวัติ

[แก้]

มาซาโกะ โอวาดะ

[แก้]

มาซาโกะ โอวาดะ (ญี่ปุ่น: 小和田 雅子) เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506[1] (ปีโชวะที่ 38) ณ โรงพยาบาลโทรา-โนะ-มง (虎の門病院)[4] เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว น้ำหนัก 3,870 กรัม ความยาวของลำตัว 51 เซนติเมตร[5]

เธอเป็นธิดาคนโตของนายฮิซาชิ โอวาดะ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ กับนางยูมิโกะ โอวาดะ (สกุลเดิม เองาชิระ) โดยเธอมีน้องสาวสองคน (ฝาแฝด) ได้แก่ เซ็ตสึโกะ โอวาดะ และเรโกะ โอวาดะ[6] เมื่อแรกเกิดเธอพักอาศัยกับบิดาและมารดาที่บ้านพักข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ เขตเซตางายะ กรุงโตเกียว[7]

เมื่อเธออายุได้ 1 ขวบ บิดาได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการเอกประจำสถานทูตญี่ปุ่น ณ กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต เธอจึงต้องย้ายตามครอบครัวไปพำนักที่สหภาพโซเวียต[5] โดยบ้านพักของครอบครัวโอวาดะอยู่แถบถนน Kutuzovsky ใจกลางกรุงมอสโก[8] เมื่อเธออายุเข้า 3 ขวบ เธอได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกลุ่มที่โรงเรียนอนุบาลของรัสเซีย ในช่วงแรกเธอถึงกับร้องไห้เนื่องจากเธอไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลอื่นและไม่เข้าใจภาษารัสเซีย แต่ไม่นานนัก เธอก็สามารถพัฒนาภาษารัสเซียได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเธอได้พูดคุยกับน้องสาวเป็นภาษารัสเซีย จนบางครั้งถึงกับละเมอเป็นภาษารัสเซีย[5]

เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2511 บิดาได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการเอก คณะผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำสหประชาชาตินครนิวยอร์ก เธอจึงได้ย้ายตามครอบครัวไปพำนักอยู่ที่เมืองริเวอร์เดล นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน ในช่วงแรกๆ เธอไม่เข้าใจในภาษาอังกฤษเลยจนระยะเวลาผ่านไป 4 เดือน เธอได้พูดภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรก ด้วยประโยคว่า "May I go to the bathroom ?"[5]

พ.ศ. 2513 เธอเข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษา P.S. 081 Robert J. Christen ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา[8]

เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 บิดาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เธอจึงย้ายตามครอบครัวกลับประเทศญี่ปุ่น และเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนประถมศึกษาฮารามาจิ (目黒区立原町) เขตเมงูโระ กรุงโตเกียว[5][9]

เดือนเมษายน พ.ศ. 2514 เธอย้ายเข้าเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ณ โรงเรียนประถมศึกษาโทมิฮิซะ (立富久小学校) เขตชินจูกุ กรุงโตเกียว[9]

เดือนเมษายน พ.ศ. 2515 เธอย้ายเข้าเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ณ โรงเรียนประถมศึกษาเด็นเอนโชฟูฟูตาบะ (田園調布雙葉小学校) เขตเซตางายะ กรุงโตเกียว[5]

เดือนเมษายน พ.ศ. 2519 เธอเข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาเด็นเอนโชฟูฟูตาบะ (田園調布雙葉中学校・高等学校) เขตเซตางายะ กรุงโตเกียว[10][11]

เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2522 บิดาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครราชทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ณ สหรัฐอเมริกา และศาสตราจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เธอจึงย้ายตามครอบครัวไปพำนักอยู่ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา และเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเบลมอนต์ (Belmont High School)[11][12]

พ.ศ. 2524 เธอจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเบลมอนต์ (Belmont High School)[13]

เดือนกันยายน พ.ศ. 2524 เธอศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด[13][14]

หลังจากที่ทรงเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ครอบครัวของเธอก็ได้ย้ายไปที่มอสโกตามบิดา จึงทำให้เธออาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเป็นครั้งแรก โดยเธอพักอาศัยที่หอพักชื่อ "เธเยอร์ เฮาส์"[14][15]

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ กุหลาบญี่ปุ่น

เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2528 เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเธอได้รับรางวัล "Magna Cum Laude" ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ที่มีผลการเรียนโดดเด่น[15][16] (คล้ายกับเกียรตินิยมในมหาวิทยาลัยไทย) โดยวิทยานิพนธ์ของเธอมีชื่อว่า "External adjustment to import price shocks : oil in Japanese trade" (การปรับตัวจากภายนอกเพื่อรับมือกับภาวะราคานำเข้าที่ผันผวน : การค้าน้ำมันของญี่ปุ่น) เป็นการวิเคราะห์ผลกระทบของวิกฤตการณ์น้ำมันในทศวรรษ 1970 ที่มีต่อการค้าของญี่ปุ่น ซึ่งมีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ แซคส์ (Jeffrey Sachs)[16][17]

เดือนเมษายน พ.ศ. 2529 เธอศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว โดยเธอเข้าศึกษาด้วยวิธีการสอบเข้า ซึ่งเป็นการสอบที่มีอัตราการผ่านเพียง 3% เท่านั้น[15]

เดือนตุลาคม พ.ศ. 2529 เธอสอบผ่านการคัดเลือกเป็นนักการทูตประเภท 1 ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการแข่งขัน 1 ต่อ 40[15][16] โดยมีผู้ที่ผ่านการคัดเลือก 28 คน และเป็นผู้หญิงเพียง 3 คน[18]

สมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินี พ.ศ. 2562

การเสกสมรส

[แก้]

การเฟ้นหาพระชายาของเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) นั้น มีอยู่ 3 กลุ่มเป้าหมาย[19] ได้แก่ กลุ่มธิดาของผู้ที่เคยเป็นว่าที่พระชายาในอดีตของมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ, กลุ่มธิดาของพระสหายในมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ, และกลุ่มหญิงสาวผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในแวดวงคนรู้จักของเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ซึ่งเธอจัดอยู่ในกลุ่มนี้

วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2529 บิดาของเธอในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานสนธิสัญญา ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอินฟันตาเอเลนา ดัชเชสแห่งลูโก หรือเจ้าหญิงแห่งเสปน ณ พระราชวังโทงู และเธอก็ได้ติดตามบิดาไปด้วย จึงทำให้เธอได้พบกับเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) เป็นครั้งแรก[16][20][21] ถัดมาทั้งคู่ก็ได้พบกันอีกในงานเลี้ยงต่าง ๆ เช่น งานเลี้ยงสมาคมญี่ปุ่น-อังกฤษ, งานเลี้ยงน้ำชาที่พระราชวัง ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสสนทนากันแบบส่วนตัวกันเป็นครั้งคราว[21][22]

เดือนเมษายน พ.ศ. 2530 เธอลาออกจากมหาวิทยาลัยโตเกียว เพื่อเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ โดยประจำที่กองเศรษฐกิจ[15][16][23]

พระราชวังโทงู ได้มีการจัดงานที่มีลักษณะการคล้ายการดูตัวอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อเป็นการเฟ้นหาบุคคลที่จะมาเป็นพระชายาของเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในการพบปะเหล่านั้น โดยในตอนแรกชื่อเธอได้ถูกตัดออกจากตัวเลือกของการเป็นพระชายาอยู่ครั้งหนึ่ง เนื่องจากสำนักพระราชวังพยายามมองหาคนที่มีประวัติขาวสะอาดจริง ๆ แต่เธอกลับมีปัญหาทางด้านญาติผู้ใหญ่ นั่นคือ นายยูทากะ เองาชิระ ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของเธอ เขาเป็นอดีตประธานบริษัทชิสโซะ โดยบริษัทนี้เป็นต้นเหตุของโรคมินามาตะ[24][25][26] แต่ก็มีข้อถกเถียงกลับมาว่านายยูทากะ เองาชิระ ขึ้นรับตำแหน่งเพื่อฟื้นฟูกิจการบริษัทหลังการปรากฏของโรค ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุของการกำเนิดโรคนี้แต่อย่างใด[27]

อย่างไรก็ตามเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ก็ทรงโปรดเธอไม่น้อย จนถึงขั้นตรัสเอ่ยขึ้นมากับทางหัวหน้าสำนักพระราชวังว่า "คุณมาซาโกะ โอวาดะนั้นเป็นไปไม่ได้หรือครับ" (小和田雅子さんではだめでしょうか)[26] เมื่อทางหัวหน้าสำนักพระราชวังได้ยินพระดำรัสของพระองค์ จึงพยายามทาบทามเธอเรื่อยมา[28] ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอ เจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ทรงให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังส่งช่อดอกไม้ไปให้เธอถึงบ้าน จากเหตุการณ์นี้จึงทำให้ชื่อของเธอเป็นที่กล่าวขานในฐานะว่าที่คู่หมั้นของเจ้าชาย และถูกจับจ้องจากสื่อมวลชน[21]

วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2530 เธอได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อาซาฮีว่า "ตอนที่ได้เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ฉันเคยคิดว่าบางทีตัวเองอาจจะไม่ได้แต่งงาน... แต่ก็อยากจะทำให้ทั้งสองอย่างไปด้วยกันให้ได้"[22]

เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2531 เธอเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ช่วยทูตประจำสถานเอกอัครราชทูต พร้อมทั้งเข้าศึกษาต่อในสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิทยาลัยบัลลิออล มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด โดยเป็นทุนของกระทรวงการต่างประเทศที่ให้แก่ข้าราชการ อย่างไรก็ตามระหว่างที่เธอศึกษาอยู่ที่นี่ เธอตกเป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชนญี่ปุ่นในฐานะของว่าที่พระคู่หมั้นของเจ้าชาย ซึ่งเธอก็พยายามหลีกเลี่ยงสื่อมวลชนมาโดยตลอด[23][29][30] จนเธอได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการคัดเลือกคู่ครองของเจ้าชายแม้แต่น้อย และตั้งใจจะทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศต่อไป"[21]

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ สวรรคต จึงทำให้มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จักรพรรดิพระองค์ที่ 125 แห่งประเทศญี่ปุ่น ส่วนเจ้าชายฮิโระ (นารูฮิโตะ) ทรงได้รับการสถาปนาอิสริยยศขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ

เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2533 เธอเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่น โดยกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยกองอเมริกาเหนือ 2 ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบปัญหาความขัดแย้งทางการค้า[30]

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เจ้าชายมีโอกาสได้พบกับเธออีกครั้งในรอบ 5 ปี ที่บ้านพักของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ[21] ซึ่งเป็นความตั้งใจของทางสำนักพระราชวังตามพระปณิธานอันแรงกล้าของเจ้าชาย จนทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง[22]

วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2535 เจ้าชายทรงเชิญเธอมาที่สนามล่านกเป็ดน้ำชินฮามะ เมืองอิชิกาวะ จังหวัดชิบะ และขอเธอแต่งงาน แต่ ณ ตอนนั้น เธอไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนนักแก่พระองค์ เนื่องจากเธอยังไม่มั่นใจ[31][22] แต่หลังจากนั้นพระองค์ก็มีการโทรศัพท์แสดงความรู้สึกต่อเธออยู่บ่อยครั้ง[22]

วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2535 เจ้าชายได้เชิญเธอมาพบอีกครั้ง ณ พระราชวังโทงู ซึ่งเธอก็ได้ทำการตอบรับคำขอแต่งงานของพระองค์[28][31]

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2536 สภาราชวงศ์ญี่ปุ่นได้ทำการอนุมัติการอภิเษกสมรส[2] และมีการจัดงานแถลงข่าวการอภิเษกสมรส โดยพระดำรัสสำคัญของเจ้าชายที่ทรงตรัสต่อเธอคือ "ผมจะปกป้องคุณมาซาโกะอย่างเต็มที่จากนี้ไป" (雅子さんのことは僕が一生全力でお守りしますから)[32][33] ส่วนเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า "หลังจากคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันคิดว่าบทบาทที่ควรจะทำตอนนี้คือการยอมรับข้อเสนอของพระองค์ และทำประโยชน์ในเส้นทางใหม่ที่เรียกว่าราชวงศ์"[21]

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 เธอลาออกจากการเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ[34] จากนั้นเธอได้เข้ารับการบรรยายที่เรียกว่า "โกชิงโงะ" (ご進講) ซึ่งเป็นการบรรยายเพื่อให้ความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับราชวงศ์แก่บุคคลที่เป็นพระคู่หมั้น ซึ่งเธอเข้ารับการบรรยาย 4 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลาทั้งหมด 6 สัปดาห์[35]

วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2536 มีการจัดพิธีโนไซ (納采の儀) หรือพิธีหมั้น[2] โดยตัวแทนจากสำนักพระราชวังจะเดินทางไปทำพิธีที่บ้านพักของครอบครัวโอวาดะ จากนั้นทำการกล่าวคำอวยพรต่อเธอและบิดามารดา และทำการมอบของหมั้นหมาย ซึ่งประกอบไปด้วยผ้าไหม 5 ม้วน, สาเก 1 ลัง, และปลาไทสด 1 กล่อง[36] หลังจากเสร็จสิ้นพิธี เธอและบิดามารดา เดินทางไปยังพระราชวังหลวงโตเกียวเพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ จากนั้นมกุฎราชกุมารนารูฮิโตะทรงมอบแหวนไข่มุกให้กับเธอ[37][38]

พระราชพิธีอภิเษกสมรส พ.ศ. 2536

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2536 มีการจัดพิธีอภิเษกสมรส ซึ่งเธอสวมชุดที่เรียกว่า "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้น และเกล้าผมในทรง "โอตสึเบรากาชิ" (大垂髪) เพื่อไปเคารพศาลเจ้า 3 แห่งในพระราชวังหลวงโตเกียว บ่ายวันเดียวกัน มีการจัดพิธี "โชเก็ง" (朝見の儀) หรือพิธีเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว ซึ่งเธอสวมชุดราตรีสีขาวแขนกุด สวมเทียร์ร่ากับสร้อยคอที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ[6] และเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นประถมาภรณ์ (มงกุฎดอกพอโลเนีย) อีกทั้งวันดังกล่าวมีการประกาศให้เป็นวันหยุดราชการพิเศษอีกด้วย[39] พร้อมกันนี้ เธอได้รับการสถาปนาอิสริยยศเป็น "โคไตชิฮิ" (皇太子妃)[40] หรือพระวรชายาในมกุฎราชกุมาร ซึ่งสำนักพระราชวังได้ระบุพระนามของพระองค์ในภาษาอังกฤษว่า "Crown Princess Masako"[41] (มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ)

เย็นวันเดียวกัน ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เปิดประทุนจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปยังตำหนักอากาซากะตะวันออก ในเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยมีประชาชนกว่า 190,000 คนร่วมรับเสด็จ รวมถึงมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ซึ่งมีประชาชนร่วมรับชมถึง 85.6%[28][42]

วันที่ 15 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2536 มีการจัดงานเลี้ยงฉลองการอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์ ณ พระราชวังหลวงโตเกียว โดยมีการแบ่งการจัดงานออกเป็นวันละ 2 รอบ เป็นงานกลางวันและงานกลางคืน รวมมีการจัดงานทั้งสิ้น 6 ครั้ง[43]

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2536 ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเคารพศาลเจ้าอิเซะ จังหวัดมิเอะ และสุสานจักรพรรดิจิมมุ จังหวัดนาระ เพื่อรายงานการอภิเษกสมรสต่อเทพเจ้าอามาเตราซุ และจักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่นตามธรรมเนียมของราชวงศ์[44]

หลังการอภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ประทับที่ตำหนักอากาซากะตะวันออกเป็นการชั่วคราว จนกระทั่งการปรับปรุงพระตำหนักโทงูเสร็จสิ้น จึงย้ายเข้าไปประทับในวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2537[45][46]

มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ

[แก้]
มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ พ.ศ. 2545

หลังจากการอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับความกดดันเป็นอย่างมากในการให้กำเนิดรัชทายาทชาย ซึ่งในช่วงแรกนั้นมกุฎราชกุมารนารูฮิโตะและพระองค์ต่างก็คาดหวังที่จะทรงพระครรภ์โดยธรรมชาติ จนเวลาล่วงเลยมา 3 - 4 ปีหลังการอภิเษกสมรส พระองค์ก็ยังไม่ตั้งพระครรภ์[47] จนในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2541 ทั้งสองพระองค์ได้เริ่มเข้ารับการปรึกษาจากทางแพทย์ และได้เข้าสู่กระบวนการรักษาตามภาวะของการมีบุตรยากอย่างเต็มรูปแบบใน พ.ศ. 2542[47]

ถัดมาไม่นาน พระวรกายของพระองค์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิ แต่ผลการตรวจยังไม่แน่ชัดว่าทรงพระครรภ์หรือไม่ พร้อมกับปฏิกิริยาของทางพนักงานสำนักพระราชวังที่เปลี่ยนแปลงไป และมีการยกเลิกแผนกำหนดการเสด็จเยือนเยอรมนี จึงทำให้ในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2542 หนังสือพิมพ์อาซาฮีทำการพาดหัวข่าวว่าพระองค์ทรงแสดงอาการตั้งพระครรภ์แล้ว แต่ทางสำนักพระราชวังก็ออกแถลงการณ์ว่าการตั้งพระครรภ์ยังไม่เป็นที่ยืนยัน[47]

วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2542 พระองค์ทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง และมีการวินิจฉัยว่าทรงแท้ง[47][48] จนในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะทรงมีพระราชดำรัสถึงข่าวนี้ว่า "มีการรายงานข่าวในช่วงที่ยังไม่แน่นอนก่อนที่จะมีการวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งควรเป็นพื้นที่ส่วนตัว ข้าพเจ้าคิดว่ามาซาโกะอดทนได้ดีมากในสถานการณ์เช่นนั้น แต่ข้าพเจ้าก็ได้ยินมาว่ามีประชาชนไม่น้อยที่รู้สึกสับสนกับเรื่องนี้ ในอนาคตข้าพเจ้าหวังว่าจะมีการปฏิบัติต่อเรื่องลักษณะนี้อย่างระมัดระวังและรอบคอบ"[49]

มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ และเจ้าหญิงไอโกะ พ.ศ. 2545

วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2544 มีการประกาศจากทางสำนักพระราชวังว่ามีแนวโน้มที่พระองค์จะทรงพระครรภ์อีกครั้ง และได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ว่าจะทรงมีกำหนดการประสูติในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม[50] จนกระทั่งในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2544 พระองค์ได้ทำการประสูติพระราชธิดา เจ้าหญิงโทชิ (ไอโกะ)[50] ซึ่งเป็นพระธิดาพระองค์แรกและพระองค์เดียวในมกุฎราชกุมารนารูฮิโตะกับมกุฎราชกุมารีมาซาโกะ

หลังการประสูติ ความกดดันจากผู้คนรอบข้างก็ยังไม่หายไป เนื่องจากกฎมณเฑียรบาลญี่ปุ่น มาตรา 2 กำหนดให้มีเพียงแค่ผู้ชายที่จะสามารถสืบราชสมบัติได้[51] จึงยังมีเสียงความคาดหวังให้พระองค์ทรงพระครรภ์ทายาทชายอีกครั้ง จึงทำให้ใน พ.ศ. 2546 พระองค์ประชวรโรคงูสวัดเนื่องจากความเครียด[52] และมีการประกาศว่าจะมีการรักษาพระองค์เป็นระยะยาว ซึ่งในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะทรงมีพระดำรัสออกมาว่า "สุขภาพของมาซาโกะยังคงมีขึ้นๆ ลงๆ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของราชวงศ์ แต่ความพยายามนั้นก็อ่อนล้าเต็มที และเป็นความจริงที่ว่ามีคนที่พยายามลดทอนคุณค่าความสามารถและบุคลิกภาพของมาซาโกะ"[53][54][55][56]

พ.ศ. 2547 พระองค์ทรงประชวรโรคภาวะการปรับตัวผิดปกติ (適応障害)[57] จึงทำให้ไม่ค่อยเห็นภาพของพระองค์ปรากฏคู่กับพระราชสวามีในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นต้นมา[55] ซึ่งในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะทรงมีแถลงการณ์ถึงสาธารณชนให้พยายามเข้าใจพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า มาซาโกะจะยังคงดำเนินตามความพยายามสูงสุดของเธอต่อไปด้วยกำลังใจจากผู้คนรอบข้าง โปรดเฝ้ามองเธอต่อไปด้วยความเห็นใจ"[58][59]

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ถึงการประชวรโรคภาวะการปรับตัวผิดปกติ (適応障害) ของพระองค์ ว่าทรงป่วยมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว สาเหตุมาจากความเครียด และพระอาการของพระองค์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในช่วงแรกอาการของพระองค์ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรง ทำให้พลังกายและพลังใจของพระองค์อ่อนล้าจนไม่สามารถที่จะเสด็จออกจากพระตำหนักได้ ซึ่งในช่วงหลังพระองค์สามารถที่จะออกมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้บ้างและได้มากขึ้นเรื่อย ๆ[60]

วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553 เจ้าหญิงไอโกะ พระราชธิดา ทรงมีอาการปวดท้องและทรงรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากระหว่างการเสด็จไปโรงเรียน[61] ทางสำนักพระราชวังได้ทำการสืบสวนกับทางโรงเรียนและออกมาแถลงว่า มีนักเรียนหลายคนรวมทั้งเจ้าหญิงไอโกะ ถูกนักเรียนชายจากห้องเรียนอื่นในชั้นเรียนเดียวกันกลั่นแกล้งโดยใช้ความรุนแรง (乱暴) โดยทางโรงเรียนได้ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว[61][62] ซึ่งทำให้พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปส่งเจ้าหญิงไอโกะที่โรงเรียนด้วยพระองค์เองเป็นเวลาติดต่อกันถึง 1 ปี 7 เดือน จนกระทั่งเจ้าหญิงไอโกะสามารถเดินทางไปโรงเรียนได้ด้วยพระองค์เอง[63]

วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงเผยแพร่พระราชสาสน์ต่อประชาชน ถึงพระราชประสงค์ของพระองค์ที่จะสละราชสมบัติผ่านวิดิโอ โดยทรงกังวลถึงพระชนมายุของพระองค์ต่อการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในสถานะสัญลักษณ์ของประเทศ รวมถึงพระพลานามัยของพระองค์ที่อ่อนล้าลงอีกด้วย[64]

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 สภาราชวงศ์ญี่ปุ่นได้มีมติกำหนดวันสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เป็นวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 และวันขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิพระองค์ใหม่ (มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ พระราชสวามี) ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[65]

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ

[แก้]
สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงฉลองพระองค์ชุดจูนิฮิโตเอะ ประทับบนพระราชบัลลังก์มิโชได ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 00:00 นาฬิกา กฎหมายพิเศษว่าด้วยการสละราชสมบัติของจักรพรรดิได้มีการบังคับใช้[66] จึงทำให้พระราชสวามีเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และพระองค์ก็ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น "สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ" (ญี่ปุ่น: 皇后; โรมาจิ: Kōgō) เช่นกัน โดยในวันเดียวกัน มีการจัดพระราชพิธี "โซกุยโงโจเก็น" (即位後朝見の儀) หรือพระราชพิธีเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่บรรลุนิติภาวะ, ประมุข 3 ฝ่าย, และตัวแทนประชาชนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมพระราชพิธีนี้เพื่อถวายพระพรแด่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์ใหม่[67][68]

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "โซกุยเรเซเด็น" (即位礼正殿の儀) หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ จะเสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "ทาคามิกูระ" (高御座) ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะจะเสด็จประทับบนพระราชบัลลังก์ "มิโชได" (御帳台) ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[69][70] โดยฉลองพระองค์ประกอบไปด้วย

  • ฉลองพระองค์ชุด "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้น โดยชุดคลุมชั้นนอกสุดมีสีขาว ส่วนชุดคลุมชั้นในจะเป็นสีเขียวอ่อน
  • เกล้าพระเกศาแบบ "โอตสึเบรากาชิ" (御垂髪) และประดับด้วย "ฮิราบิไท" (平額)
  • พระหัตถ์ถือฮิโอกิ (桧扇) หรือพัดญี่ปุ่นที่ทำจากไม้สน

มีผู้แทนจากประเทศต่างๆ จำนวน 160 ประเทศ เข้าร่วมในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[71] โดยนายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เข้าร่วมในฐานะตัวแทนประเทศไทย อีกทั้งได้มีการกำหนดให้วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เป็นวันหยุดพิเศษของญี่ปุ่น[72]

พระราชพิธี "โชกูงะ อนเร็ตสึ" พ.ศ. 2562

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "โชกูงะ อนเร็ตสึ" (祝賀御列の儀) หรือพระราชพิธีขบวนแห่เฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จจากพระราชวังหลวงโตเกียว ไปยังพระตำหนักอากซากะ (赤坂御所) ในเขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) โดยมีประชาชนกว่า 119,000 คนร่วมรับเสด็จตลอดสองข้างทาง[73][74]

วันที่ 14 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "ไดโจไซ" (大嘗宮の儀) ซึ่งเป็นโบราณราชพิธีหลังจากการขึ้นครองราชสมบัติของจักรพรรดิ โดยจัดขึ้นในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืดวันถัดไป พระราชพิธีนี้เป็นพิธีอธิษฐานของจักรพรรดิเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนสงบสุข รวมถึงขอให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยพระองค์ได้เข้าร่วมพระราชพิธีนี้ด้วย ซึ่งทรงฉลองพระองค์ในชุด "จูนิฮิโตเอะ" (十二単) หรือกิโมโน 12 ชั้นสีขาวบริสุทธิ์ และเกล้าพระเกศาแบบ "โอตสึเบรากาชิ" (御垂髪)[75][76]

วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีการจัดพระราชพิธี "เค็นโช มิกางูระ" (賢所御神楽の儀) ณ ศาลเจ้าเค็นโช พระราชวังหลวงโตเกียว เพื่อทำความเคารพต่อเทพีอามาเตราซุ ซึ่งถือเป็นพระราชพิธีสุดท้ายทีเกี่ยวข้องกับการขึ้นครองราชสมบัติ[77][78]

วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564 ทรงย้ายมาประทับที่พระตำหนักหลวง (御所) พระราชวังหลวงโตเกียว เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว เป็นการถาวร หลังจากที่ได้มีการปรับปรุงพระตำหนักเสร็จสิ้นแล้ว พระตำหนักนี้จะเป็นที่ประทับหลักของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ, สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ, และเจ้าหญิงไอโกะ พระราชธิดา [79]

พระราชกรณียกิจ

[แก้]
พิธี "ชินเน็น-ชูกูงะ" พ.ศ. 2560

พิธีราชสำนัก

[แก้]
  • ทุกวันที่ 1 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-ชูกูงะ" (新年祝賀の儀) เพื่อรับการถวายพระพรปีใหม่ จากพระบรมวงศานุวงศ์และคณะรัฐมนตรี ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[80]
  • ทุกวันที่ 2 มกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "ชินเน็น-อิปปัน-ซังงะ" (新年一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[81]
  • ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) ซึ่งเป็นการเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[82]
  • ในเดือนมกราคมของทุกปี มีการจัดพิธี "อูตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始の儀) ซึ่งเป็นพิธีการขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ร่วมเสด็จด้วย ณ ท้องพระโรงมัตสึโนมะ พระราชวังหลวงโตเกียว[83]
  • ทุกวันที่ 23 กุมภาพันธ์ของทุกปี มีการจัดพิธี "เท็นโน-ทันโจบิ-อิปปัน-ซังงะ" (天皇誕生日一般参賀) หรือการออกมหาสมาคมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ เพื่อรับการถวายพระพรจากประชาชน ณ สวนฝั่งตะวันออกของพระราชวังหลวงโตเกียว[84]
  • ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ทรงเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่สมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเจ้าภาพ เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) กรุงโตเกียว[85]

ตำแหน่งในองค์กร

[แก้]
งานมอบรางวัล Midori Prize พ.ศ. 2565

สภากาชาดญี่ปุ่น

[แก้]

ตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社) จะเป็นตำแหน่งที่สืบทอดกันมาของสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ ทรงได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นองค์ประธานในการประชุมกาชาดแห่งชาติ และพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์แก่บุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปีแรกที่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศ (พ.ศ. 2562)[88] จนถึงปัจจุบัน[89][90] ซึ่งในงานการประชุมกาชาด จะมีแค่พระบรมวงศานุวงศ์หญิงที่เข้าร่วม

สมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินี เสด็จเยือนสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2567

การเลี้ยงไหม

[แก้]

การเลี้ยงไหมเป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจที่สืบทอดกันมาของสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยจักรพรรดินีเทเม เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตไหมเคยเป็นเสาหลักของการส่งออกของญี่ปุ่นในยุคเมจิ แม้ว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง อุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมจะเริ่มซบเซาลง แต่ในราชวงศ์ญี่ปุ่น กิจกรรมนี้ยังคงได้รับการรักษาไว้โดยจักรพรรดินีพระองค์ต่อ ๆ มาในฐานะประเพณีอันทรงคุณค่า[91] ซึ่งหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงดำรงพระอิสริยยศนี้ พระองค์ก็ทรงสืบสานหน้าที่ในการดูแลโรงเลี้ยงไหมที่ชื่อว่า "โมมิจิยามะ" (紅葉山) ภายในพระราชวังหลวงโตเกียว[92] ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดินีพระพันปีหลวงมิชิโกะ

การส่งเสริมเยาวชน

[แก้]
  • ทรงเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เด็ก V&A ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต (Victoria and Albert Museum) โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมและจัดแสดงสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและประสบการณ์ของเด็กๆ[93]
  • ทรงเยี่ยมชมโรงเรียนอนุบาล เพื่อทอดพระเนตรกิจกรรมของเหล่าเด็กๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ[94]

การรำลึกถึงความสูญเสียจากสงคราม

[แก้]
  • ทรงวางดอกไม้แสดงความอาลัย เมื่อทรงเสด็จไปที่อนุสรณ์สถานที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียจากสงคราม โดย เฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณู[95], อนุสรณ์หอคอยโคซากุระ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การล่มของเรือสึชิมะ มารุ (対馬丸)[96], อนุสาวรีย์ผู้เสียชีวิตในสงครามอิโอจิมะ[97]
  • ทรงเข้าเยี่ยมศูนย์ดูแลผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ปรมาณูที่ฮิโรชิมา[98], พูดคุยการผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์การล่มของเรือสึชิมะ มารุ (対馬丸)[99]

การเยียวยาพื้นที่ภัยพิบัติ

[แก้]
  • วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2538 ทรงตามเสด็จมกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ (พระยศ ณ ขณะนั้น) เยือนประเทศในแถบตะวันออกกลางพร้อมกับ ซึ่งทรงเสด็จไปหลังจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง เพียง 3 วัน ด้วยผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดความเสียหายต่อประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ทั้งสองพระองค์จึงต้องทรงกลับประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่ากำหนดการเดิมถึง 3 วัน[100]
  • ทรงเสด็จเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับการประสบภัยหลังจากเกิดเหตุได้ 2 สัปดาห์ และทรงเสด็จอีกครั้งในเดือนมีนาคม[101]
  • ทรงเสด็จเข้าร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 10 ปี (พ.ศ. 2548), ครบรอบ 15 ปี (พ.ศ. 2553), และครบรอบ 30 ปี (พ.ศ. 2568) ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้[101][102]
  • ทรงลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยกว่า 10 ครั้ง เช่น วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ทรงเยี่ยมประชาชนที่อพยพจากพื้นที่ประสบภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จังหวัดฟูกูชิมะ มายังศูนย์ราชการมิซูนูมะ เมืองมิซาโตะ จังหวัดไซตามะ[103], วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ทรงเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ประสบภัย จังหวัดมิยางิ[104]

เหตุการณ์พายุไต้ฝุ่นฮากิบิส พ.ศ. 2562

[แก้]
  • วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เสด็จเยือนจังหวัดมิยางิและจังหวัดฟูกูชิมะ เพื่อเยี่ยมเยียนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิส ซึ่งเป็นการเสด็จเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติครั้งแรกของพระองค์ หลั งจากการขึ้นครองราชย์[105]
  • ทรงเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เมืองวาจิมะ จังหวัดอิชิกาวะ[106]
  • ทรงลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัย ณ โรงเรียนเทศบาลเมืองวาจิมะ จังหวัดอิชิกาวะ[107]
  • ทรงแสดงความขอบคุณต่อผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัย[108]

การกุศล

[แก้]
  • สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงบริจาคเงิน 50 ล้านเยนให้กับกองทุนสนับสนุนอนาคตเด็ก (子供の未来応援基金へ) และ 50 ล้านเยนให้กับองค์การไม่แสวงหาผลกำไร (特定非営利活動法人) เนื่องจากสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงห่วงใยปัญหาเรื่องความยากจนของเด็กเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ยิ่งทำให้ภาวะความยากจนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก[109] ซึ่งการบริจาคเงินของราชวงศ์ญี่ปุ่นที่เป็นจำนวนมากกว่า 18 ล้านเยนต่อปีนั้น ต้องได้รับการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 8[110][111]

การเยือนต่างประเทศ[112][113][114][115]

[แก้]
ประเทศ วันที่ พระราชกรณียกิจ เสด็จพร้อมด้วย
 ซาอุดีอาระเบีย 5 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
 โอมาน
 กาตาร์
 บาห์เรน
 คูเวต 20 - 28 มกราคม พ.ศ. 2538 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
 จอร์แดน 20 - 28 มกราคม พ.ศ. 2538 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
8 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ทรงร่วมงานพระบรมศพของ

สมเด็จพระราชาธิบดีฮุซัยน์แห่งจอร์แดน

มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
 เบลเยียม 3 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ทรงร่วมงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายฟีลิป ดยุกแห่งบราบันต์ มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
 ออสเตรเลีย 11 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
 นิวซีแลนด์
 เนเธอร์แลนด์ 17 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2549 เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ตามคำเชิญของ

สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์

มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ

เจ้าหญิงไอโกะ

28 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ทรงร่วมงานบรมราชาภิเษกของ

สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลิม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์

มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
Flag of Tonga ตองงา 2 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ทรงร่วมงานบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีตูโปอูที่ 6 มกุฎราชกุมารนารูฮิโตะ
ภายหลังการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี
 สหราชอาณาจักร 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2565 ทรงร่วมงานพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
22 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
 อินโดนีเซีย 17 - 23 มิภุนายน พ.ศ. 2566 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
 มองโกเลีย 13 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เสด็จเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[116] สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ

พระเกียรติยศ

[แก้]
ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ
ธงประจำพระอิสริยยศ
สัญลักษณ์กุหลาบญี่ปุ่น (ハマナス)
คำยกย่องเฮกะ (陛下)
ลำดับโปเจียม2

ลำดับพระราชอิสริยยศ

[แก้]
  • 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2536 : มาซาโกะ โอวาดะ (小和田 雅子)
  • 9 มิถุนายน พ.ศ. 2536 – 30 เมษายน พ.ศ. 2562 : มกุฎราชกุมารีมาซาโกะ (ญี่ปุ่น: 皇太子妃; อังกฤษ: Crown Princess Masako)
  • 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน : สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ (ญี่ปุ่น: 皇后; อังกฤษ: Her Majesty the Empress Masako)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

ญี่ปุ่น

[แก้]

ต่างประเทศ

[แก้]
ประเทศ ปีที่ได้รับ (พ.ศ) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แพรแถบ
 เบลเยียม เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งพระเจ้าเลโอโปลด์ ชั้นประถมาภรณ์[117]
Flag of Tonga ตองงา Order of Queen Sālote Tupou III TON Order of Queen Salote Tupou III ribbon
 เนเธอร์แลนด์ Order of the Crown (Netherlands) ชั้น Honorary Cross Order of the Crown (Netherlands)
 กรีซ Order of the Redeemer ชั้น Grand Cross GRE Order Redeemer 1Class
 ลักเซมเบิร์ก Order of the Gold Lion of the House of Nassau Order of the Golden Lion of Nassau Ribbon bar
 มาเลเซีย Order of the Crown of the Realm MY Darjah Utama Seri Mahkota Negara (Crown of the Realm) - DMN
 นอร์เวย์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลาฟ ชั้นประถมาภรณ์ St Olavs Orden storkors stripe
 โปรตุเกส 2535 เครื่องอิสริยาภรณ์อิงฟังตึ เด. เอ็งรีกึ ชั้นประถมาภรณ์[118] PRT Order of Prince Henry - Grand Cross BAR
 ออสเตรีย 2542 เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาอิสริยาภรณ์ทอง พร้อมสายสะพาย[119]
 ฮังการี 2543 Hungarian Order of Merit ชั้น Grand Cross[120] HUN Order of Merit of the Hungarian Rep (civil) 1class BAR
 สเปน 2551 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อิซเบลลาชาวคาทอลิก ชั้นประถมาภรณ์[121] ESP Isabella Catholic Order GC
 บราซิล 2568 Order of Rio Branco ชั้น Grand Cross BRA Ordem de Rio Branco Gra-Cruz BAR

ปริญญากิตติมศักดิ์

[แก้]

พงศาวลี

[แก้]
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
คะเนะโยชิ โอวาดะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทะเคะโอะ โอวาดะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทะเคะโนะ โคงะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ฮิซาชิ โอวาดะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
มะตะชิโระ ทะมุระ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ชิซุกะ ทะมุระ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ
(มาซาโกะ โอวาดะ)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ยะซุตะโร เองาชิระ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ยุทะกะ เองาชิระ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
โยะเนะโกะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ยูมิโกะ เองาชิระ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทานิน ยะมะยะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ซึซึโกะ ยะมะยะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ซะดะโกะ นิวะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เกร็ด

[แก้]

วัยพระเยาว์

[แก้]
  • พระราชบิดาและพระราชมารดาเรียกพระองค์แบบลำลองว่า "มาจัง"[4]
  • สมัยที่อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ พระราชบิดาและพระราชมารดาจะพยายามสนทนากับพระองค์ด้วยภาษาญี่ปุ่น อีกทั้งมักจะเล่านิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงทำให้พระองค์มีนิสัยรักการอ่านติดพระองค์มา[123]
  • หนังสือเล่มโปรดของพระองค์ในวัยพระเยาว์ คือ "Goodnight Moon" เขียนโดย Margaret Wise Brown[123], "Dog of Flanders" เขียนโดย Marie Louise de la Ramée[4]
  • ทรงมีสัตว์เลี้ยงหลายชนิดอยู่ที่บ้าน เช่น สุนัข, แมว, หนูแฮมสเตอร์, ลูกเจี๊ยบ, หนูนา 50 ตัว, กิ้งก่าที่มีลำตัวยาว 20 เซนติเมตร, นกกระจาบญี่ปุ่น, และปลาทอง จึงทำให้ทรงเรียนรู้ถึงวัฏจักรชีวิตของสัตว์ และประสบการณ์การสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก[5]
  • ทรงแพ้ไข่มาตั้งแต่วัยพระเยาว์[124]

ระดับประถมศึกษา

[แก้]
  • ทรงอยู่ชมรมชีววิทยาที่โรงเรียนประถมศึกษาเด็นเอนโชฟูฟูตาบะ (田園調布雙葉小学校)[125]
  • ทรงเคยเลี้ยงหนูขาว 3 ตัว โดยใส่ไว้ในถังสำหรับดองผักเพื่อเฝ้าดู แต่มันเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบ 50 ตัว แล้วหนู 50 ตัวนั้นแทะถังจนทะลุ และหนีออกไปหมด ทำให้เกิดความโกลาหล จนต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข[125]
  • ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทรงได้เขียนในสมุดรวมผลงานการจบการศึกษาเอาไว้ว่าทรงอยากเป็นสัตวแพทย์[5]

ระดับมัธยมศึกษา

[แก้]
  • ทรงชอบมาโรงเรียนตอนเช้าตรู่ เพื่อทำความสะอาดกรงกระต่ายและเล้าไก่ และพางูไปอาบแดดที่พงหญ้าทีละตัว[126]
  • ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทรงเป็นผู้ก่อตั้งชมรมซอฟต์บอลหญิงในโรงเรียน โดยทรงเล่นในตำแหน่งเบสสาม และเป็นมือตีอันดับสี่[4][126] สาเหตุที่ทรงก่อตั้งชมรมเนื่องจากพระองค์ทรงเป็นนักกีฬาซอฟต์บอลมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และเด็กผู้ชายไม่ค่อยมาเล่นซอฟต์บอลกับพระองค์[12]
  • ทีมซอฟต์บอลของพระองค์มีชื่อว่า "เด็นฟูตะ" โดยในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พระองค์และทีมได้เข้าร่วมแข่งขันในระดับเขตและคว้าชัยชนะมาได้[126]
  • ด้วยความที่พระองค์เล่นซอฟต์บอล จึงทำให้พระองค์มีผิวคล้ำแดดและบุคลิกคล้ายกับเด็กผู้ชาย จนพระขณิษฐาของพระองค์ เรียกพระองค์แบบติดตลกว่า Brother[4][12]
  • เนื่องจากพระองค์ใช้ภาษาอังกฤษจนคล่องในช่วงวัยพระเยาว์ จึงทำให้พระองค์ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนแข่งสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ[11]
  • คุณครูประจำชั้นกล่าวถึงพระองค์ว่า "ทรงเป็นคนกระตือรือร้น มีมารยาทดี และลายมือสวยมาก ภาษาอังกฤษของเธอทั้งการเขียน การพูด และการอ่านยอดเยี่ยมทั้งหมด ได้เกรด 5 และวิชาอื่น ๆ ก็เกือบจะได้เกรด 5 ทุกวิชา"[11]
  • พระสหายมักเรียกพระองค์ด้วยชื่อเล่นว่า "โอวะ"[4]
  • คาโอรุ มินางาวะ แม่บ้านของครอบครัวพระองค์ในสมัยนั้น ได้กล่าวถึงพระองค์ว่า "ทรงเป็นคนที่เงียบและปรับตัวได้ดี"[127]
  • คุณครูลิเลียน แคทช์ ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาเบลมอนต์ สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงพระองค์ว่า ทรงเป็นนักเรียนดีเด่น, กระตือรือร้นในการเรียน, และทรงพระปรีชาในวิชาเคมี, ฟิสิกส์, คณิตศาสตร์, และภาษาเยอรมัน อีกทั้งยังทรงเรียนจบด้วยผลการเรียนที่อยู่ในกลุ่ม 10% แรกของชั้นปี[12]
  • สมัยมัธยมศึกษาตอนปลาย พระองค์มีฉายาว่า "Slugger Masako" โดยมีที่มาจากพระปรีชาด้านซอฟต์บอลของพระองค์[12][128] อีกทั้งฉายาว่า "Brain" และ "Hard Worker Masako" เนื่องจากพระปรีชาทางด้านการเรียนของพระองค์[129][15]
  • ทรงเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันซอฟต์บอลระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และได้รับชัยชนะ[15]
  • ชื่อของพระองค์เคยปรากฏอยู่ในคอลัมน์ "นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเบลมอนต์" ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น[129]
  • ทรงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ "National Honor Society" เนื่องจากทรงเป็นนักเรียนดีเด่น อีกทั้งยังได้รับรางวัล "German Consul General’s Award" จากกงสุลใหญ่เยอรมนี และ "Goethe-Institut Award" จากสถาบันเกอเธ่ สำหรับผลการเรียนภาษาเยอรมันดีเด่น[128]

ระดับมหาวิทยาลัย

[แก้]
  • ทรงมักจะใช้เวลาผ่อนคลายจากการเรียน ตามงานเต้นรำและคอนเสิร์ตของมหาวิทยาลัย[13]
  • ทรงเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งชมรมวัฒนธรรมญี่ปุ่นในมหาวิทยาลัย[15][130] และพระองค์ได้ดำรงตำแหน่งประธานชมรมเมื่อทรงเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3[16][131]
  • เอซร่า โวเกล ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่นและจีน ได้กล่าวถึงพระองค์ว่า "ทรงเป็นเด็กที่เงียบและกระตือรือร้น เป็นคนที่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกาอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีความรับผิดชอบสูงมาก"[132]
  • ทรงชอบเล่นกอล์ฟ ทรงเป็นตัวแทนของสภานักศึกษา และพระองค์มักจะแสดงออกถึงความเป็นอัตลักษณ์ของญี่ปุ่นออกมาอยู่เสมอ[133]
  • ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พระองค์ได้ฝึกภาษาเยอรมันที่สถาบันเกอเธ่ ประเทศเยอรมนี เป็นเวลา 2 เดือน จึงทำให้พระองค์ตรัสภาษาเยอรมันได้[134][131]
  • ทรงเคยฝึกภาษาฝรั่งเศสที่สถาบันเกรอนอบล์ ประเทศฝรั่งเศส จึงทำให้พระองค์ตรัสภาษาฝรั่งเศสได้[135]
  • ทรงอยู่ชมรมพายเรือหญิงของมหาวิทยาลัย[29]
  • ทรงเคยถูกทักบ่อยๆว่าพระพักตร์ไม่เหมือนคนญี่ปุ่น และมักมีคนทักพระองค์ว่าเหมือนลูกครึ่งเนปาล[136]

การทำงาน

[แก้]
  • ผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้พระองค์ทำงานเป็นนักการทูตหญิง คือ มูราซามิ มิเอะ (村角泰)[137]
  • การสอบคัดเลือกเป็นนักการทูต ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามด้านกฎหมาย ซึ่งพระองค์ทรงจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์มา จึงทรงไม่ทราบด้านกฎหมายมากนัก แม้แต่ศัพท์เฉพาะทางเศรษฐศาสตร์ที่ทรงศึกษามาก็เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่ทรงคุ้นเคยกับคำศัพท์เหล่านั้นในภาษาญี่ปุ่น มีการกล่าวว่าพระองค์ทรงอ่านตำราภาษาญี่ปุ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบ[16]
  • พระราชบิดาและพระองค์ต่างสอบผ่านการสอบคัดเลือกเป็นนักการทูต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากสำหรับบุคคลจากสองรุ่นในครอบครัวเดียวกันที่สามารถสอบได้ ถึงขนาดที่มีบทความพิเศษในหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่าเป็นการถือกำเนิดของ "นักการทูตสองรุ่น คู่ที่สองในประวัติศาสตร์"[16]
  • ในช่วงที่พระองค์รับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศ พระองค์ทรงงานหนักมาก ทรงทำงานล่วงเวลาจนถึงเช้าตรู่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และชั่วโมงทำงานล่วงเวลาในหนึ่งสัปดาห์ก็เกิน 50 ชั่วโมง[15]
  • พ.ศ. 2529 เป็นช่วงที่กฎหมายว่าด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกันในการจ้างงานระหว่างเพศมีผลบังคับใช้ พระองค์ในฐานะผู้หญิงวัยทำงาน จึงได้รับการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนบ่อยครั้ง[15]

ความชอบส่วนพระองค์

[แก้]
  • อาหารที่ทรงโปรด: ลาซัญญา[6], ชานม, ผลไม้, สลัด, และหอยเชลล์[138]
  • นักกีฬาเบสบอลที่ทรงโปรด: ชิเงรุ ทากาดะ (高田繁) แห่งทีมโยมิอูริไจแอนต์[4]
  • กีฬาที่ทรงเล่น: ซอฟต์บอล, เทนนิส, สกี[139], และกอล์ฟ[133]
  • งานอดิเรก: การฟังเพลง, เดินเล่น, ขับรถ, และเรียนภาษาต่างประเทศ[138]
  • อาหารที่ทรงถนัดทำ: ไก่หมักไวน์พอร์ต, ลาซัญญา, หัวไชเท้าต้มซอส, และมูสโยเกิร์ต [138]
  • หลังจากที่พระองค์ดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารีแล้ว พระองค์ก็มักจะเสด็จไปที่ชั้นใต้ดินแผนกอาหารของห้างสรรพสินค้า Ginza Matsuya บ่อยครั้ง เพื่อซื้ออาหารจำพวกชีส[138]
  • ภาพยนตร์ที่ทรงโปรด: Doctor Zhivago, Forbidden Games, และ Kramer vs. Kramer[139]
  • ทรงสามารถตรัสภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, รัสเซีย, และทรงเคยเรียนภาษาเกาหลีอีกด้วย[140]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 3 "天皇皇后両陛下". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-09.
  2. 1 2 3 "Their Majesties the Emperor and Empress". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-08-09.
  3. "皇居". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-09.
  4. 1 2 3 4 5 6 7 "雅子さま、呼び名の系譜 オワ、ハードワーカー、ブレイン". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-10.
  5. 1 2 3 4 5 6 7 8 "雅子さまが受けられた小和田家の教育方針 [早期教育・幼児教育] All About". All About(オールアバウト) (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-09.
  6. 1 2 3 "The Princess Bride". People Magazine. June 21, 1993. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-10. สืบค้นเมื่อ 2009-11-21.
  7. หนังสือ "歴代皇后人物系譜総覧" หน้า 292
  8. 1 2 "雅子さまの幼少期のロシアやアメリカでの海外生活がエリートの礎に!ワケは?". 皇室cafe (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-10-19. สืบค้นเมื่อ 2025-08-09.
  9. 1 2 https://mi-mollet.com/articles/-/19164?per_page=1
  10. หนังสือ "歴代皇后人物系譜総覧" หน้า 293
  11. 1 2 3 4 "ニックネームは「ブレイン(頭脳)」。ハーバード大学で磨きをかける雅子さま | 〜新しい時代の皇后の軌跡〜「雅子さまの生き方」 | mi-mollet(ミモレ) | 明日の私へ、小さな一歩!(1/3)". mi-mollet(ミモレ) (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-10.
  12. 1 2 3 4 5 "皇后雅子さま が"スラッガー(強打者)・マサコ"だったボストンの高校時代 米紙回想(飯塚真紀子) - エキスパート". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-10.
  13. 1 2 3 https://mi-mollet.com/articles/-/19188?page=3&per_page=1
  14. 1 2 尚子, 友納 (2019-07-10). "雅子皇后「日本文化」に誇りを持ったハーバード大学時代". 文春オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-12.
  15. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 https://www.news-postseven.com/archives/20190517_1372039.html/2
  16. 1 2 3 4 5 6 7 8 https://mi-mollet.com/articles/-/19471?page=2&per_page=1
  17. "External adjustment to import price shocks : oil in Japanese trade | WorldCat.org". search.worldcat.org. สืบค้นเมื่อ 2025-08-12.
  18. นิตยสาร "毎日新聞" ฉบับวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2529
  19. นิตยสาร "文藝春秋" ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2536
  20. "雅子さま、55歳に 感想発表で皇后となる不安や健康についても". BBCニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-09.
  21. 1 2 3 4 5 6 https://friday.kodansha.co.jp/article/222904?page=1
  22. 1 2 3 4 5 "雅子さま、記者に「ご苦労さまです」とお声を掛ける優しさ". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-12.
  23. 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/226639?page=1
  24. https://dot.asahi.com/articles/-/34840?page=2
  25. https://president.jp/articles/-/70744?page=1
  26. 1 2 https://president.jp/articles/-/70744?page=2
  27. หนังสือ "友納 2015" หน้า 135-136
  28. 1 2 3 https://president.jp/articles/-/70744?page=3
  29. 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/226639?page=2
  30. 1 2 "皇太子妃に小和田雅子さん内定/復刻 - 社会 : 日刊スポーツ". nikkansports.com (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-12.
  31. 1 2 https://dot.asahi.com/articles/-/250364?page=1
  32. https://dot.asahi.com/articles/-/250364?page=2
  33. คลิปงานแถลงข่าว https://www.youtube.com/watch?v=04TC_U17nEI
  34. หนังสือ "読売新聞社 1993" หน้า 93
  35. หนังสือ "読売新聞社 1993" หน้า 90
  36. หนังสือ "皇太子さま雅子さまご成婚記念写真集 平成の華燭" ISBN 4-7638-0323-9
  37. หนังสือ "友納 2015" หน้า 22-24
  38. หนังสือ "読売新聞社 1993" หน้า 84-87
  39. "法律第三十二号(平五・四・三〇)". www.shugiin.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-16.
  40. "皇太子同妃両殿下 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-24. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
  41. "Their Imperial Highnesses the Crown Prince and Crown Princess". www.kunaicho.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
  42. วิดิโอการถ่ายทอดสด https://www.youtube.com/watch?v=13xZGi6Ge1Y
  43. หนังสือ "読売新聞社" หน้า 14–15
  44. หนังสือ "友納" หน้า 164–167
  45. "「仙洞御所」は元「東宮御所」だった建物…同じ建物なのに名前が変わる理由 「仙洞御所」とはどのような場所なのか フジテレビ 皇室担当解説委員 橋本寿史|FNNプライムオンライン". FNNプライムオンライン. 2022-07-06. สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
  46. "宮内庁関係年表(慶応3年以後)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-10-29.
  47. 1 2 3 4 "不妊治療に流産も…漫画家も絶句した、雅子妃出産までの「いばらの道」". FRaU | 講談社 (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-12-02. สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
  48. https://news.yahoo.co.jp/articles/7733eba7860b92f3697b55879ecfb56da1ceeb37?page=2
  49. "皇太子殿下お誕生日に際し(平成12年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  50. 1 2 "不妊治療に流産も…漫画家も絶句した、雅子妃出産までの「いばらの道」". FRaU | 講談社 (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-12-02. สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
  51. "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-19.
  52. "皇太子殿下お誕生日に際し(平成16年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  53. https://president.jp/articles/-/70744?page=4
  54. "「人格否定発言」から21年 雅子皇后を悲嘆させた「朝日スクープ」と宮内庁の思惑(デイリー新潮)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
  55. 1 2 https://bunshun.jp/articles/-/67423?page=2
  56. "デンマーク・ポルトガル・スペインご訪問に際し(平成16年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  57. 「文藝春秋」編集部 (2023-12-07). "《宮内庁幹部が告白》「雅子さまは人権侵害を受けてきた」適応障害を発症された本当の理由". 文春オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-23.
  58. "Crown Prince Naruhito defends ailing wife". Irish Examiner. 2008-07-11. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2021-05-14.
  59. Japan's crown prince seeks public understanding for ailing princes gmanews.tv.
  60. "公表事項 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  61. 1 2 日本テレビ. "愛子さま、登校できず 一部の児童が乱暴で|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-15.
  62. "【魚拓】愛子さまご欠席 野村一成東宮大夫の会見一問一答 (1/5ページ) - MSN産経ニュース". ウェブ魚拓 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-15.
  63. 井上絵美里 (2024-02-28). "【愛子さまご卒業へ】学習院18年間の思い出 運動会での組体操に雅子さまが涙《初等科》、広島で抱かれた平和への願い《中等科》も (2/4)". 女性セブンプラス (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-14.
  64. "天皇陛下、生前退位希望を示唆". BBCニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
  65. "なぜ天皇陛下の退位は4月末日になったか 安倍首相との"バトル"の結果は?". PRESIDENT Online(プレジデントオンライン) (ภาษาญี่ปุ่น). 2017-12-11. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
  66. "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-24.
  67. "天皇陛下御在位20周年記念 公文書特別展示会 | 26.即位後朝見の儀 | 国立公文書館". www.archives.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
  68. คลิปพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=u5A6XXbiB5M
  69. "Naruhito: Japan's emperor proclaims enthronement in ancient ceremony" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-10-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
  70. คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=9rxMw8-mhAs
  71. https://www.mofa.go.jp/mofaj/gaiko/bluebook/2020/html/tokushu1_01.html
  72. "国民の祝日について - 内閣府". warp.da.ndl.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-11-30. สืบค้นเมื่อ 2025-07-25.
  73. https://www3.nhk.or.jp/news/special/japans-emperor6/articles/articles_ceremony_03.html
  74. คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=PrPqHrUD3a0
  75. https://www3.nhk.or.jp/news/special/japans-emperor6/articles/articles_ceremony_13.html
  76. คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=xiFw4gYETkA
  77. 産経新聞 (2019-12-04). "皇居で「賢所御神楽の儀」 一連の即位関連儀式、終了へ". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  78. คลิปงานพระราชพิธี https://www.youtube.com/watch?v=ObCTYrxYUCc
  79. 産経新聞 (2021-09-20). "天皇ご一家、御所にご移動 一連のお引っ越しが終了". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
  80. https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250101/k10014683861000.html
  81. "皇居で2年ぶりの新年一般参賀 天皇陛下「安らかでよい年に」". 毎日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  82. "講書始". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  83. "令和6年歌会始の儀 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  84. "一般参賀(宮殿)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  85. "天皇、皇后両陛下主催の春の園遊会…ちばてつやさんや宇津木妙子さんら招き赤坂御苑で始まる". 読売新聞オンライン (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-04-22. สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  86. หนังสือพิมพ์ "毎日新聞" ฉบับวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2537 หน้า 30
  87. "組織概要|日本赤十字社". warp.da.ndl.go.jp (ภาษาญี่ปุ่น). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-12-03. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  88. "名誉総裁皇后陛下ご臨席、令和元年全国赤十字大会|写真ギャラリー|赤十字について|日本赤十字社". 日本赤十字社 (ภาษาญี่ปุ่น). 2019-05-24. สืบค้นเมื่อ 2025-08-20.
  89. "令和6年全国赤十字大会ご臨席 - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-20.
  90. "ご臨席(令和7年全国赤十字大会)(明治神宮会館(渋谷区))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-20.
  91. https://dot.asahi.com/articles/-/261583?page=1
  92. "ご養蚕(初繭搔き)(紅葉山御養蚕所)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-20.
  93. "V&A子ども博物館ご訪問". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  94. "ご訪問(千代田区立九段幼稚園(こどもの日にちなみ))(千代田区立九段幼稚園(千代田区))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  95. "ご供花(広島平和都市記念碑(原爆死没者慰霊碑)(広島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  96. "ご供花(小桜の塔(那覇市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  97. "ご拝礼(硫黄島戦没者の碑(天山慰霊碑))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  98. "ご訪問(広島原爆養護ホーム矢野おりづる園(広島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  99. "ご視察、関係者とのご懇談(対馬丸記念館(那覇市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  100. https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009170108_00000
  101. 1 2 "陛下、脳裏に焼き付く「忘れられない記憶」 阪神大震災30年、神戸の街に見た「努力」(共同通信)". Yahoo!ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
  102. "ご視察(殿下のみ),ご臨席(阪神・淡路大震災15周年追悼式典),ご懇談(遺族代表)(兵庫県公館(神戸市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
  103. "皇太子ご夫妻、福島避難民を激励 「お元気で」と - 47NEWS(よんななニュース)". www.47news.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-18. สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
  104. 日本テレビ. "皇太子ご夫妻 宮城県の被災地訪問|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-29.
  105. 産経新聞 (2019-12-26). "両陛下、宮城・福島の台風被災地お見舞い". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-26.
  106. "被災状況ご視察(久手川町(輪島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  107. "被災者お見舞(輪島市立輪島中学校(輪島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  108. "災害対応尽力者お労い(輪島市役所(輪島市))". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-30.
  109. https://www.news-postseven.com/archives/20200614_1569649.html/2
  110. "THE CONSTITUTION OF JAPAN". www.kantei.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-14. สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
  111. 産経新聞 (2020-04-06). "陛下ご即位に伴う1億円、寄付先が決定". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-27.
  112. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成元年~平成10年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-08-21.
  113. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成11年~平成20年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
  114. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成21年以降) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
  115. "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(令和元年以降)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-07-28.
  116. https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250713/k10014862281000.html
  117. "Banquet for King Philippe and Queen Mathilde of Belgium". Newmyroyals & Hollywood Fashion. 2016-10-11. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  118. "ENTIDADES ESTRANGEIRAS AGRACIADAS COM ORDENS PORTUGUESAS - Página Oficial das Ordens Honoríficas Portuguesas". www.ordens.presidencia.pt. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  119. https://www.parlament.gv.at/dokument/XXIV/AB/10542/imfname_251156.pdf
  120. https://www.yuko2ch.net/mako/makok/src/1414662868552.jpg
  121. https://www.boe.es/boe/dias/2008/11/10/pdfs/A44705-44705.pdf
  122. "皇后さま オックスフォード大学総長から名誉法学博士号を贈られる 1991年に天皇陛下も | TBS NEWS DIG (1ページ)". TBS NEWS DIG (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-06-28. สืบค้นเมื่อ 2025-08-17.
  123. 1 2 https://allabout.co.jp/gm/gc/184138/3/
  124. หนังสือ "人間皇太子さま 雅子さまとの“ちょっと気になる話“" หน้า 57
  125. 1 2 https://mi-mollet.com/articles/-/19164?page=2
  126. 1 2 3 https://allabout.co.jp/gm/gc/184138/2/
  127. นิตยสาร "文春" ฉบับวันที่ 6 กันยายน 2555 หน้า 47
  128. 1 2 https://mi-mollet.com/articles/-/19188?page=2&per_page=1
  129. 1 2 https://mi-mollet.com/articles/-/19188?page=2&per_page=1
  130. "祝61歳! 皇后雅子さまの知性あふれる美貌を約40年分プレイバック". 25ans (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-12-09. สืบค้นเมื่อ 2025-08-10.
  131. 1 2 https://bunshun.jp/articles/-/12737?page=3
  132. "Harvard expert Ezra Vogel praises Empress Masako in remarks to Japanese media". South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). 2019-10-18. สืบค้นเมื่อ 2025-08-18.
  133. 1 2 "Japanese Princess Bridges Cultures | News | The Harvard Crimson". www.thecrimson.com. สืบค้นเมื่อ 2025-08-19.
  134. นิตยสาร "婦人公論" ฉบับเดือนกรกฎาคม 2537 หน้า 23
  135. "フランスご訪問に際し(平成30年)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-08-12.
  136. หนังสือพิมพ์ "朝日" เดือน มกราคม พ.ศ. 2536
  137. https://mi-mollet.com/articles/-/19471?per_page=1
  138. 1 2 3 4 นิตยสาร "女性自身" ฉบับวันที่ 1 มีนาคม 2554 หน้า 39 และฉบับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 หน้า 154
  139. 1 2 หนังสือ "週刊女性" พ.ศ. 2536
  140. หนังสือ "小和田雅子さん 素顔の29年" หน้า 118 - 121

แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ

[แก้]
  • เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาอังกฤษ https://www.kunaicho.go.jp/eindex.html
  • เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาญี่ปุ่น https://www.kunaicho.go.jp/
  • ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
ก่อนหน้า สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ถัดไป
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
จักรพรรดินีญี่ปุ่น
(1 พฤษภาคม 2562 – ปัจจุบัน)
​ยังดำรงพระอิสริยยศ
สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
ลำดับโปเจียมแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น
(ลำดับที่ 2)

สมเด็จพระจักรพรรดิ
พระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ